กกต.บุกเปิดเซฟ‘ไทรักธรรม’เช็คเงิน10ล. จ่อเรียกเงินคืน-ฟันอาญา
22 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เดินทางไปตรวจสอบเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองที่พรรคไทรักธรรม ได้รับการจัดสรรในปี 2563 จำนวน 11 ล้านบาท ว่า ยังเหลืออยู่จำนวน 10 ล้านบาท และถอนเก็บไว้ ณ ที่ทำการพรรคจริงตามที่อ้างหรือไม่ ซึ่งมีรายงานว่าคณะกรรมการตรวจสอบฯ ไม่ได้พบนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรค หรือเหรัญญิกพรรค ที่มีอำนาจในการเปิดตู้เซฟ
ทั้งนี้ พบเพียงรองเลขาธิการพรรค 2 คน และรองโฆษกพรรค 1 คน ซึ่งระบุว่าไม่มีอำนาจที่จะเปิดตู้เซฟ คณะกรรมการตรวจสอบฯ จึงได้ทำการสอบปากคำและบันทึกภาพและเสียงไว้ เพื่อนำไปพิจารณาประมวลเรื่อง พร้อมเสนอความเห็นต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีดังกล่าว กกต. ตรวจพบว่ามีการถอนเงินหลังคณะกรรมการกองทุนได้มีการโอนเงินที่พรรคได้รับจัดสรรทั้งหมด 11 ล้านบาท เข้าไปในบัญชีกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองของพรรคไทรักธรรม เพียง 1 วัน จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่พรรคและนายพีระวิทย์มาชี้แจง ซึ่งระบุว่าต้องการนำเงินไปเก็บไว้ที่ตู้เซฟของพรรค ทางคณะกรรมการตรวจสอบฯจึงต้องการไปตรวจสอบว่าเงินดังกล่าวยังอยู่จริงตามที่อ้างหรือไม่
อย่างไรตาม มีความเป็นไปได้ว่าแนวทางหลังจากนี้ทางสำนักงาน กกต. จะเสนอนายทะเบียนพรรคการเมืองให้มีการเอาผิด โดยจะเรียกเงินคืนทั้งจำนวน ตามมาตรา 85 วรรคแรก ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 60 และเอาผิดฐานรายงานเท็จ ตามมาตรา 130 พ.ร.ป.พรรคการเมือง ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท รวมทั้งดำเนินการเอาผิดทางอาญาด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ 'ไทรักธรรม'หนาว! กกต.ส่งทีมสอบกองทุนพรรคฯพรุ่งนี้ หลังล่องหนจากบัญชี10ล้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี