เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 19 ตุลาคม 2563 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.โชคอำนวย วงษ์บุญฤทธิ์ พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้นำตัว นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ อายุ 23 ปี แกนนำม็อบคณะราษฎร 2563 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1587/2563 ลงวันที่ 15 ต.ค. 2553 คดีกระทำความผิดฐาน“ ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยกระทำผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด " มายื่นคำร้องฝากขังเป็นเวลา 12วัน ตั้งแต่ 19 – 30 ต.ค. เนื่องจากต้องสอบพยานเพิ่มอีก 6 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรและผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหามาประกอบสำนวนการสอบสวน
พนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีกลุ่มบุคคลที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” นำโดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน , นายภาณุพงศ์ จาดนอก กับพวกได้ประกาศนัดหมายกันผ่านสื่อออนไลน์ทางเฟสบุ๊ค, ทวิตเตอร์และการแถลงข่าวที่ ม.ธรรมศาสตร์ทางสื่อทีวีว่าจะมีการจัดกิจกรรม“ ๑๙ กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร "ในวันที่ 19 ก.ย. 63 เวลา 14.00น. ต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุมีกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยเดินทางเข้ามารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณฟุตบาทด้านหน้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฯ รอบพื้นที่สนามหลวง
จากนั้นนายภาณุพงศ์พร้อมกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันผลักดันประตูรั้วมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์จนแม่กุญแจที่ล็อคประตูรั้วได้รับความเสียหายกลุ่มผู้ชุมนุมจึงสามารถเข้ามาภายใน ได้ รวมทั้งมีการใช้รถเวทีปราศรัยเคลื่อนที่พร้อมด้วยเครื่องขยายเสียงในการปราศรัยและกลุ่มผู้ชุมนุมอีกกลุ่มหนึ่งยังได้มีการตัดเหล็กแม่กุญแจของประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ด้านท่าเรือท่าพระจันทร์อีกด้วย
ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากบริเวณ มหาธรรมศาสตร์ มุ่งหน้าพื้นที่ท้องสนามหลวง และได้พังรั้วสนามหลวงฝั่งหญ้า พร้อมจัดตั้งเวทีปราศรัยและจัดกิจกรรมบนเวทีปราศรัยใหญ่โดยได้มีกิจกรรมสลับกับการปราศรัยบนเวทีของแกนนำเรื่อยมา ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 63 เวลาประมาณ 06.44 น. นายภาณุพงศ์ นี้พร้อมกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการทำพิธีปักหมุดคณะราษฎร์ โดยนำหมุดมาฝังลงบนพื้นที่ท้องสนามหลวงบริเวณหน้าเวที ซึ่งมีการเจาะทำลายพื้นบริเวณดังกล่าว เพื่อใช้ในการประกอบพิธีฯ ภายหลังแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้ประกาศยุติการชุมนุมโดยยื่นข้อเรียกร้อง 8 ข้อ
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับนายภาณุพงศ์ตามหมายจับที่ 1587/2563 ลงวันที่ 15 ต.ค. 63
กระทั่งวันที่ 17 ต.ค.63 เวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำกก.สืบสวน 1 บก.สส. บช.น.สามารถติดตามจับกุมนายภาณุพงศ์ ตามหมายจับ ก่อนควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2563 เวลาประมาณ 15.00 น.พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม แก่ผู้ต้องหาว่า กระทำความผิดฐาน“ ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่10คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะฝ่าฝืนไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 มาตรา 116 (3), 215 วรรคสาม, 83, พ. ร. บ. การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 มาตรา 10, 14
พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9 ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ(ฉบับที่ 1) ข้อ 5 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2553 (ฉบับที่ 5) ข้อ 2 (2) ลงวันที่ 1 พ.ค. 2563 และ (ฉบับที่ 13) ข้อ 1,5 ลงวันที่ 31 ก.ค.2563, ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงเรื่องห้ามชุมนุมการทำกิจกรรมการมั่วสุมลงวันที่ 3 เม.ย.2563, มาตรา 114, 148, พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 19,57, พ. ร. บ. ควบคุมโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4,9
วันเดียวกัน พนักงานสอบสวนสน.ชนะสงครามยังได้ยื่นคำร้องฝากขัง นายภาณุพงศ์ แกนนำม็อบคณะราษฎร 2563 อีกสำนวนต่อศาลอาญา เป็นเวลา12วัน ตั้งเเต่19-30 ต.ค.นี้ ด้วย ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ , แก้ไข เปลี่ยนแปลง ต่อเติม ทำลายโบราณสถานหรือส่วนต่างๆของโบราณสถาน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเป็นหนังสือจากอธิบดี
จากกรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 63 เวลาประมาณ 06.44 น. นายภาณุพงศ์ พร้อมกับกลุ่มผู้ชุมนุมทำพิธีปักหมุดคณะราษฎร์โดยนำหมุดมาฝังลงบนพื้นที่ท้องสนามหลวง อันเป็นการขุดเจาะ ทำลายพื้นบริเวณดังกล่าวซึ่งเป็นโบราณสถานเพื่อใช้ในการประกอบพิธีฯ ทำให้พื้นปูนในบริเวณดังกล่าวซึ่งเป็นของกรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหาย คิดเป็นเงินจำนวน 16,781.62 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 มาตรา 83,358 และเป็นความผิดตามพ.ร.บ.โบราณสถานโบราณวัตถุศิลปะวัตถุฯ พ.ศ. 2504 มาตรา 10, 35 (มาตรา 10, 35 แก้ไขโดยพ.ร.บ.ฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535) ซึ่งทางกรมศิลปากร ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงครามเพื่อดำเนินคดีนายภาณุพงศ์ กับพวกตามกฎหมาย
เหตุเกิดบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และท้องสนามหลวง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทั้ง 2 สำนวน
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่า หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันเนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์จะไปชุมนุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองในลักษณะเดิมเหมือนที่ผ่านมา และผู้ต้องหาอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอยู่หลายคดีในหลายท้องที่ ซึ่งล้วนเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง อีกทั้งผู้ต้องหายังมีหมายจับศาลแขวงปทุมวันที่ 190/2563 ลงวันที่ 17 ต.ค. 2553 และที่ 169/2553 ลงวันที่ 17 ต.ค.2563 หากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวไปเกรงว่าผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี
ศาลรับคำร้องฝากขังไว้พิจารณา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี