จ่อหมายจับ16ราย
‘ปลดแอก’บุกสถานทูตเยอรมนี
‘มายด์-ไผ่-แพททริค’ติดโผอีก
‘เพนกวิน’รู้สำนึกละเมิดศาล
ยอมสาบานตนจะไม่ทำผิดซ้ำ
ท่านเปาตักเตือน/จำหน่ายคดี
คณะราษฎรปลดแอก บุกสถานทูตเยอรมนี ยังไม่จบตำรวจจ่อขอหมายจับ 16 แกนนำ “มายด์-ไผ่-แพททริค” ติดโผ รวมทั้งคนอ่านแถลงการณ์ 3 ภาษา ด้าน “เพนกวิน” รู้สำนึกยอมสาบานไม่ละเมิดศาลอีก ท่านเปาแค่ตักเตือนให้โอกาสกลับเป็นคนดีของสังคมพร้อมสั่งจำหน่ายคดี
ที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร เมื่อเช้าวันที่ 28 ตุลาคม กลุ่มข้าราชการตำรวจ ทหารจ.มุกดาหาร จำนวนกว่า 800 คน นำโดยนายวีระชัย นาคมาศ ผวจ.มุกดาหาร ร่วมกันออกมารวมตัวกันแสดงพลัง รวมใจปกป้องสถาบันของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร่วมกันร้องเพลงชาติไทย และร่วมกัน อ่านคำแถลงการณ์ ปกป้อง เทิดทูนสถาบันสำคัญของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในการสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และการออกมารวมพลังในครั้งนี้ เพื่อแสดงออกในการปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เทิดทูนยิ่งของปวงชนชาวไทย
เดินหน้าปกป้องสถาบัน
ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า ดร.รัตนา สมสกุลรุ่งเรือง ประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมด้วย นางสาวสกาวรัตน์ สมสกุลรุ่งเรือง เลขาธิการมูลนิธิร่วมกตัญญู, เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์, อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, จนท.อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จากทั่วประเทศ ร่วมเดินทางมาที่ วัดโพธิ์วิเวก บ้านปะ ม.16 ต.จอมพระ อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ เพื่อร่วมถวาย กฐินหลังออกพรรษาประจำปี 2563
ด้าน เอกพัน บันลือฤทธิ์ กล่าวว่า ตนยังคงทำหน้าที่อยู่ในมูลนิธิร่วมกตัญญูเหมือนเดิม เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล ส่วนบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ พี่ชายเขามีจุดยืนของเขา และได้ประกาศชัดเจนว่าจะเดินหน้าปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มที่ และได้ลาออกจากอาสาสมัครมูลนิธิแล้ว ส่วนตนเองก็เหมือนกันพร้อมออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสุดกำลังเช่นกัน
ส่วนกิจกรรมวันที่ 1 พ.ย.63 ที่วัดพระแก้วมรกตและท้องสนามหลวง ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้ออกมาปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่เหยียบย่ำหัวใจคนไทยไม่ได้ตนขอให้ในวันที่1พ.ย.63ให้พร้อมใจออกมาที่ท้องสนามหลวง หรือวัดพระแก้ว
ไต่สวนเพนกวินละเมิดศาล
ด้านที่ห้องพิจารณา 710 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลหมายเลขดำ ลศ. 9/2563 ที่ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา กล่าวหา นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่ม ประชาชนปลดแอก ผู้ถูกกล่าวหาเรื่องละเมิดอำนาจศาล
จากกรณีเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ส.ค.2563 ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ นำตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ 2 ผู้ต้องหา คดี ปราศรัยปลุกปั่นยุยง ฯ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญา ได้เกิดการรวมตัวของบุคคลผู้สนับสนุน บริเวณหน้ามุกบันไดทางขึ้นศาลอาญา ซึ่งระหว่างนั้น นายพริษฐ์ ได้ยืนขึ้นตะโกนส่งเสียงดัง และใช้กล้องถ่ายภาพลงโฆษณา เพื่อชักชวนให้บุคลอื่น ๆ เดินทางมาชุมนุมในบริเวณศาล เพื่อขัดขวางการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล รวมทั้งการถ่ายทอดสด(ไลฟ์สด) ภาพและเสียงเหตุการณ์การชุมนุมในบริเวณศาล ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อต่าง ๆ โดยการกระทำของนายพริษฐ์ ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในบริเวณศาล ทั้งยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดศาลอาญา ถือว่า เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
โดยในวันนี้ ศาลได้เบิกตัวนายพริษฐ์ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ขณะถูกควบคุมตัวอยู่ภายในรถของกรมราชทัณฑ์ นายพริษฐ์ ได้ชูสัญญาลักษณ์ 3 นิ้ว ผ่านกระจก ระหว่างที่รถเคลื่อนผ่านด้านหน้าศาลเพื่อทักทายสื่อมวลชน
เพนกวินเสียงอ่อยบอกเสียใจ
โดยศาลได้ไต่สวนผู้แทนผู้อำนวยการประจำศาลอาญาแล้ว แถลงยืนยันว่าภายในเขตอำนาจศาลอาญาได้มีการออกประกาศข้อกำหนดห้ามมิให้ผู้ใดประพฤติตนในทางที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือก่อให้เกิดความรำคาญหรือกระทำการในลักษณะที่เป็นการส่งเสริมยั่วยุสนับสนุนใด ๆ ในการกระทำดังกล่าวในบริเวณศาลห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องขยายเสียงส่งเสียงดังอันเป็นการรบกวนการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาลโดยได้ปิดประกาศข้อกำหนดดังกล่าวไว้หน้าศาลอาญาแล้วผู้ที่เข้ามาภายในศาลอาญาย่อมทราบถึงข้อกำหนดโดยทั่วกัน
ทั้งนี้ศาลได้สอบถามนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหาแล้ว แถลงว่าขณะนี้มีอายุ 22 ปีกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยยอมรับว่าได้พูดถ้อยคำตามที่ปรากฏในคำร้องและหลักฐานแผ่นซีดีจริง แต่ถ้อยคำที่กล่าวไปนั้นไม่ทันคิดไตร่ตรอง ตนมิได้มีเจตนาขัดขวางหรือก้าวล่วงการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล จึงขอโอกาสศาลเพื่อบรรเทาผลร้ายจากการกระทำดังกล่าว โดยจะแถลงขอโทษแสดงความรู้สึกเสียใจต่อการกระทำดังกล่าวของตน จากนั้นนายพริษฐ์ ได้แถลงศาล ว่า หากผู้ถูกกล่าวสำนึกผิดในการกระทำครั้งนี้แล้ว ไม่ติดใจดำเนินคดีนี้กับผู้ถูกกล่าวหาอีก
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ถูกกล่าวหา อย่ากระทำในลักษณะเดียวกันกับการกระทำในครั้งนี้อีกและขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา มีอายุเพียง 22 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวข้อความไปโดยสำคัญผิดคิดว่ามีสิทธิที่จะกระทำได้ทั้งเป็นการกล่าวถ้อยคำด้วยอารมชั่ววูบ มิได้ไตร่ตรองถึงความถูกต้องและเหมาะสมในการกระทำของตนแม้ผู้ถูกกล่าวหาจะมิได้หยุดกล่าวถ้อยคำในทันทีที่เจ้าหน้าที่ห้ามปราม แต่เมื่อภายหลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นมีเวลานึกคิดอย่างรอบคอบก็ทราบได้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและจะไม่กระทำในลักษณะเดียวกันอีก พฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหา รู้สำนึกถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของตน ทั้งผู้ถูกกล่าวหาได้แถลงต่อศาลยอมรับว่าได้กล่าวถ้อยคำตามคำร้องจริง และยืนยันว่าจะไม่กระทำการเช่นว่านั้นอีก
เพื่อแก้ไขบรรเทาผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ผู้ได้รับฟังถ้อยคำในวันนั้น ไม่ว่าจะเป็นการรับฟังในเหตุการณ์หรือรับฟังผ่านสื่อทางใดทางหนึ่ง ผู้ถูกกล่าวหาได้ทำคำแถลงขอโทษเพื่อให้เผยแพร่ข่าวว่าถ้อยคำที่ผู้ถูกกล่าวหาพูดในวันนั้น เป็นการกล่าวโดยอารมณ์ชั่ววูบ มิได้ไตร่ตรองและเข้าใจกระบวนพิจารณาของศาล ที่กำลังดำเนินอยู่ในคดีของนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ให้รอบครอบ จนนำมาสู่การกล่าวข้อความที่คลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง
ยอมปฏิญาณตนไม่ทำผิดอีก
เมื่อผู้ถูกกล่าวหารู้สำนึกในการกระทำความผิด ตลอดจนพยายามแก้ไขบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นและผู้กล่าวหาไม่ติดใจดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา กรณีจึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะดำเนินคดีในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลกับผู้ถูกกล่าวหาอีกต่อไป แต่เพื่อธำรงไว้ซึ่งหน้าที่ประการสำคัญของศาลยุติธรรมในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย สามารถใช้สิทธิทางศาลผ่านกระบวนพิจารณาภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันโดยไม่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้มีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันจึงต้องรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยภายในบริเวณศาล มิให้ผู้ที่มีความเห็นแตกต่างเกิดความเกรงกลัวต่อภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อตนจนถึงขนาดเป็นการขัดขวางการใช้สิทธิทาง ศาลจึงเห็นควรว่ากล่าวตักเตือนนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหาและให้ผู้ถูกกล่าวหากล่าวคำปฏิญาณต่อศาล ว่าจะไม่กระทำการในลักษณะเช่นเดียวกันนี้อีกแล้วให้ปล่อยตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ผู้ชุมนุมรับทราข้อกล่าวหา
วันเดียวกันนายกรกช แสงเย็นพันธ์, นางสุวรรณา ตาลเหล็ก, นายชาติชาย แกดํา, นายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ พร้อมทนายความ เดินทางมาที่สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหาเกี่ยวกับพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 บริเวณแยกปทุมวัน
โดยนายกรกชยอมรับว่าในวันนั้น ตนเป็นผู้เข้าร่วมชุมนุมและผู้จัดการชุมนุมมีการใช้รถปราศรัยเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ซึ่งการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบและสันติ มีเพียงผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมบนพื้นผิวถนนโดยสงบยังไม่มีการกระทำรุนแรงอะไรแต่อย่างใดแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ใช้กำลังเข้ามาสลายการชุมนุม
ด้าน นายชาติชายระบุว่าวันดังกล่าวไม่ได้ปราศัยเลย แค่ผู้ร่วมชุมนุมอยู่ดีๆ ก็โดนหมาย ก็งงอยู่เหมือนกันว่าหมายที่ออกมาชอบธรรมหรือไม่ เพราะเป็นการหว่านแหโดยที่ไม่สนใจเลยว่าองค์ประกอบความผิดเป็นอย่างไร เหมือนว่าแค่ผู้มีอำนาจที่ออกหมายเขาไม่พอใจ เขาก็ออกหมาย ปัญหาคือคนสั่งการคือใคร คนที่มีอำนาจในการสั่งให้จับผู้ชุมนุม หรือคนที่มีอำนาจสั่งให้ดำเนินคดี เพราะหลักการจริงๆ ในวันนั้น คนที่ไปร่วมชุมนุมหรือแม้แต่ผมที่เข้าร่วมชุมนุม เป็นการชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธแล้วมีกฎหมายตามรัฐธรรมนูญคุ้มครองอยู่แล้ว คนที่มีอำนาจอยู่เหนือรัฐธรรมนูญเขาต้องการอะไร
จ่อหมายจับอีก13แกนนำ
มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังเก็บหลักฐานทั้งเอกสารวิดีโอและภาพถ่าย เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎรที่บริเวณด้านหน้าสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ย่านสาทร กทม.เมื่อค่ำวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นแจ้งว่ามีแกนนำผู้ชุมนุมประมาณ 16 คน ที่อาจเข้าข่ายถูกดำเนินคดี
โดยแยกเป็นกลุ่มดังนี้ คือกลุ่มยื่นเอกสารต่อ นายจอร์จ ชมิดท์ เอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย นายจตุพัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ดาวดิน นายวรินทร์ แพททริค แมคเบลน และน.ส.ภัศราวลี ธนกิจวิบูลย์หล หรือ มายด์
ส่วนกลุ่มถัดมาคือ กลุ่มแกนนำผู้ชุมนุม ที่อ่านแถลงการณ์ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมัน ซึ่งกลุ่มนี้ มีทั้งหมด 12 คน ส่วนกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มผู้ปราศรัย เบื้องต้น พบว่ามี 2 คน คือ น.ส.ภัศราวลี หรือ มายด์ และ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่
สำหรับข้อหาการกระทำความผิดนั้น พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ให้สัมภาษณ์ว่าพนักงานสอบสวนเตรียมดำเนินคดีกลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าสถานทูตเยอรมัน โดยใช้พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะส่วนหนึ่ง และ ความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท ให้ร้าย หรือประทุษร้าย ซึ่งต้องรอดูว่าตำรวจจะดำเนินคดีในข้อหาใดบ้าง
ปลดแอกรวมตัววงเวียนใหญ่
เย็นวันเดียวกันคณะราษฎร63 และเยาวชนปลดแอกได้รวมตัวกันที่วงเวียนใหญ่ ย้ำในข้อเสนอเดิมคือให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แลแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีเหตุการรุนแรง ก่อนร่วมร้องเพลงชาติและสลายตัวในเวลาต่อมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี