“สมศักดิ์” เผยกฎหมายไม่เปิดช่อง “วัฒนา อัศวเหม” กลับไทย ยันรื้อ “คดีทุจริตคลองด่าน” ไม่ได้ เหตุหนีหมายศาล-ไม่เคยถูกจองจำ แต่ไม่ปิดกั้นสิทธิฟื้นคดี ด้านทีมทนายเตรียมขยับยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลฎีกานักการเมือง-ศาลแขวงดุสิต นัดหารือญาติสัปดาห์หน้า

30 ตุลาคม 2563 ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เปิดเผยกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ในฐานะทนายผู้รับมอบอำนาจจากนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนำเอกสารคดีทุจริตคลองด่านมายื่นต่อกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอให้มีการรื้อฟื้นคดีดังกล่าวใหม่ และนายวัฒนา พร้อมจะเดินทางกลับมาสู้คดี ว่า ทางทนายได้มายื่นเรื่องต่อคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรมแล้ว แต่ยังไม่เห็นช่องทางในการนำตัวนายวัฒนากลับมาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร หรือทำอย่างไร

นายสมศักดิ์ ระบุว่า ขั้นตอนตามกฎหมายของกระบวนการยุติธรรม มีแต่การดูแลผู้คนก่อนเข้าสู่กระบวนการของศาล หรือเสร็จจากกระบวนการของศาลแล้วนำเข้ามาเรือนจำ เพื่อจองจำหรือปล่อยออก หรือกรณีของการคุมประพฤติ ส่วนผู้คนที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการตรงนี้ หรือเลยจากกระบวนการตรงนี้แล้ว กฎหมายเราไม่มีบทบัญญัติหรือช่องทางการดำเนินการที่เข้าใจง่ายๆ ซึ่งตนยังหาผู้รู้หรือใครที่จะให้ความรู้ตรงนี้ไม่ได้ ก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร แต่กระทรวงยุติธรรมไม่มีสิทธิที่จะไปปล่อยตัวเขา เพราะเขายังไม่ได้มารับโทษ

“หลักฐานที่ทางทนายนำมายื่นให้พิจารณานั้น ต่อให้ขนใส่รถสิบล้อบรรทุกเข้ามา หากมันไม่มีช่องทางก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร หากเป็นไปได้อยากให้นายศรีสุวรรณมาพบ พร้อมนำเส้นทางการเดินเอกสารมาให้ดูด้วยว่าจะมีข้อสรุปได้อย่างไร” รมว.ยธ. กล่าว

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา กล่าวว่า ในฐานะทนายผู้รับมอบอำนาจของนายวัฒนา ผู้ต้องหาคดีทุจริตที่ดินคลองด่านซึ่งหลบหนีหมายจับของศาลฯได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการพิจารณารับคำร้องขอการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่นั้น ทางกระทรวงยุติธรรมได้มีหนังสือแจ้งมายังตนแล้วว่าตามระเบียบของการรื้อฟื้นคดีทำได้เฉพาะผู้ที่ได้รับโทษแล้ว และมาขอฟื้นคดี เนื่องจากพบว่ามีพยานหลักฐานใหม่ แต่กรณีของนายวัฒนา ไม่ได้เข้าคุกแต่หลบหนีคำพิพากษาของศาลไปก่อน และไม่ได้ถูกจำคุก จึงไม่เข้าเงื่อนไขของกระทรวงยุติธรรม แต่ไม่ได้จำกัดหรือห้ามเจ้าตัว คือ นายวัฒนาในการรื้อฟื้นคดีหากมีหลักฐานใหม่ โดยทนายสามารถยื่นเรื่องโดยตรงต่อศาล เพื่อขอรื้อฟื้นคดีใหม่พร้อมหลักฐาน

“ในสัปดาห์หน้าตนและทีมทนายอีก 4-5 คนที่รับทำคดีดังกล่าวจะนัดหารือ เพื่อขยับการเขียนสำนวนไปยื่นต่อศาลที่มีคำพิพากษาโดยตรง มี 2 ศาล คือศาลฎีกาแผนกกดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลแขวงดุสิต และผมได้แจ้งไปยังครอบครัวและญาติของนายวัฒนาให้รับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมได้แจ้งมาแล้ว และจะนัดหารือกับครอบครัวและลูกๆหลานๆของนายวัฒนาอีกครั้งก่อนจะยื่นเรื่องโดยตรงต่อศาล” นายศรีสุวรรณ กล่าว