‘บิ๊กตู่’ห่วงประเทศ
ไม่ใช่ซูเปอร์แมนลุยแก้คนเดียว
‘ชวน’เดินหน้าถกสมานฉันท์
คุยทุกอดีตนายกฯ/เมิน‘แม้ว-ปู’
‘วิรัช’ลั่นย้ำรัฐบาลมีหน้าเดียว
ชี้ตีความแก้ไขรธน.ให้ชัดเจน
“ชวน”เมินดึง“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”ร่วม กก.สมานฉันท์ ยันคุยเฉพาะอดีตนายกฯที่อยู่ในไทยหมดแล้ว รับปชช.ขัดแย้งต้นตอมาจากฝ่ายการเมือง สรุปถก 3 ฝ่าย ยันประชุมร่วมรัฐสภา 17-18 พฤศจิกายน ถกแค่แก้รธน.เรื่องอื่นไม่เกี่ยว ด้าน“บิ๊กตู่”ลั่นไม่ห่วงตัวเองแต่ห่วงประเทศ ย้ำไม่ใช่ซูเปอร์แมน ทำงานคนเดียวไม่ได้
‘วิรัช’ยันรบ.มีหน้าเดียว ชี้ส่งศาล รธน.วินิจฉัยเพื่อความชัดเจน เชื่อกระบวนการสภาไม่สะดุด เดินคู่ขนานกันได้ ‘อนุชา’ยันไม่มีเกมยื้อ แก้รธน. ชี้พปชร.ไฟเขียวให้แก้ไข ด้าน‘สุทิน’ยังแทงกั๊กโหวตรับทุกร่าง ซัดรบ.เล่นเกมสองหน้า เข้าชื่อยื่นศาลตีความแก้รธน.
เมื่อวันที่ 11พฤศจิกายน ที่ห้องแกรนด์ ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กทม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานงานสัมมนาและกล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา”ภาคธุรกิจไทยในวิถียั่งยืน”ตอนหนึ่งว่า สิ่งที่ทำวันนี้ถ้าเราทำอย่างรอบคอบ ทำจากการหารือจากการเห็นชอบร่วมกัน โดยที่ไม่ต้องเรียกร้องอะไรซึ่งกันและกันจนมากเกินไป จนดูแลไม่ได้ มันจึงจะเรียบร้อยและสามารถทำได้ ตนไม่อยากให้ต่างประเทศมองว่า เราเชื่อมั่นไม่ได้ เราต้องการให้เขาย้ายฐานการผลิตมาไทย แต่มีปัญหากันอยู่ทุกวัน เขาจะมาไหม นี่คือสิ่งที่ตนเป็นห่วง
‘บิ๊กตู่’ลั่นไม่ห่วงตัวเอง-แต่ห่วงปท.
“ผมไม่ได้ห่วงที่ตัวผมเรื่องตำแหน่งอะไรทั้งสิ้นแต่ผมห่วงฐานะประเทศไทยจะไปอยู่ตรงไหนและถ้าเขาไม่มา ย้ายฐานผลิตไปที่อื่นกันหมดจะทำอย่างไร ความร่วมมือที่พูดทุกวันหลายคนบอกว่าพูดเยอะ ซึ่งตนต้องการอธิบายให้ฟัง ไม่ได้พูดเพื่อให้อยู่ไปนานๆ ตนจะอยู่ถึงอายุ100ปีหรืออย่างไร ที่นี่มีใครอายุ 100ปีบ้าง หลายเรื่องเอามาพันกันจนมีปัญหา ตนพูดให้ฟังไม่ได้บ่น เพราะเห็นว่ามันยุ่งกันพออยู่แล้ว จะพูดอะไรก็เป็นเรื่องไปหมด ผมไม่ใช่ศัตรูของสื่อใดๆทั้งสิ้น จะรอดูพาดหัวว่ายังไง ผมไม่จำกัดความคิด แต่จะเขียนอะไรระวังนิด ไม่ใช่ระวังผม แต่ระวังประเทศชาติจะเกิดความวุ่นวายและมีปัญหา”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาของเราผูกรายได้ประเทศกับการส่งออก พอเริ่มมีก็เริ่มมีปัญหา เรื่องการท่องเที่ยวการส่งออกตามมาคือเรื่องการท่องเที่ยว สัดส่วนที่สำคัญอีกอย่างคือ การใช้จ่ายภาครัฐ เราจึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด คิดแบบเดิมไม่ได้ อาจเหมาะสมแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ถึงวันนี้ต้องเปลี่ยน ด้วยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน ทั้งการค้าและอุตสาหกรรม
ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนทำงานคนเดียวได้
‘ปัญหามีไว้ให้แก้ มีไว้ให้ฟันฝ่า ประวัติศาสตร์มีไว้ให้เป็นบทเรียน เอามาศึกษาอะไรไม่ดีอย่าไปทำอีก แต่เราชอบรบกันด้วยความคิด รบกันด้วยSocial ก็ต้องระมัดระวัง จะเห็นได้ว่าการทำงานที่ผ่านมาผมพยายามลงไปดูไปจี้ไปถามและมีและมีคำสั่งในกรอบของนายกฯผมลงรายละเอียดมากไม่ได้ ให้ข้าราชการทุกคนมีสิทธิ์คิด ผมและคณะทำงานก็มากลั่นกรองกันอีกครั้ง ถ้าใช่ก็ทำ ถ้าไม่ใช่ก็ต้องหาวิธีการ ผมทำงานแบบนี้ไม่ใช่ทำส่งเดชไปเรื่อย ผมไม่ใช่ซุปเปอร์แมนที่จะทำคนเดียว เศรษฐกิจก็มีคนคิดหลายคน มีทั้งฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายทำงาน ผมต้องฟังทุกฝ่าย กฎระเบียบอีก สิ่งสำคัญคือเราต้องสร้างพื้นฐานของประเทศให้มีแบบแผนด้วยหลักการเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่สอนให้คนจน แต่ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตามฐานะของตัวเอง มีเหตุผลเพียงพอต่อการใช้จ่าย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า
‘ผมเข้าใจคนรุ่นใหม่ ที่คิดไว และเกิดมาในช่วงที่ทุกอย่างมีความพร้อมแล้ว เช่น มีรถไฟฟ้า จึงต้องการเรียกร้องในสิ่งที่ดีกว่า แต่ไม่ได้รู้ว่า กว่าจะได้มาถึงทุกวันนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง ลุงแก่แล้วอาจคิดไม่ทันพวกเธอ แต่ไม่ว่าอย่างไรประเทศจะเจริญหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับทุกคน’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงปาฐกถา พล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้าค่อนข้างเครียด แม้บางจังหวะเจ้าตัวจะพยายามชี้แจงว่า ไม่ได้บ่น แต่เป็นการเล่าสู่กันฟัง แต่สีหน้าก็ยังคงเคร่งเครียด ขณะเดียวกันในช่วงท้ายก่อนเดินลงจากเวที พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า อย่าไปพาดหัวข่าวว่านายกฯบ่น เพียงแต่เล่าให้ฟังเท่านั้น
‘ชวน’เมิน’แม้ว-ปู’ร่วมวงสมานฉันท์
ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ได้ติดต่อกับอดีตนายกฯที่เหลือเช่น นายทักษิณ ชินวัตรและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ว่า ตนคุยกับอดีตนายกที่อยู่ในประเทศไทยซึ่งได้คุยหมดแล้ว ยกเว้น พล.อ.สุจินดา คราประยูร เพราะท่านป่วยและเท่าที่มีเวลาได้ติดต่อประสานงานพูดคุยกับคนที่ทำงานด้านนี้ เพราะคิดว่า เฉพาะหน้าเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องแก้ไป แต่ระยะยาวต้องป้องกันความขัดแย้ง ซึ่งทางการเมืองต้องมีตลอดไป ซึ่งไม่ได้แปลกอะไร แต่ประชาชนขัดแย้งกันเอง
“ถ้าย้อนหลังไปดูจะมีบางช่วงที่เกิดขึ้นจริงๆ เกิดจากการกระทำ ส่วนใหญ่คือฝ่ายการเมืองที่เป็นผู้กระทำให้เกิดความขัดแย้ง ชนิดที่คนหนึ่งเข้าจังหวัดนั้นไม่ได้ จังหวัดนี้ไม่ได้ ซึ่งต้องศึกษาว่าจะป้องกันอย่างไร เพราะเรื่องอดีตบางเรื่องสามารถนำมาศึกษาเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นได้” ประธานรัฐสภา กล่าว
ยันประชุม17-18พ.ย. ถกแค่รธน.
เวลา14.00น.ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เรียกประชุมวิป4ฝ่าย ประกอบด้วย นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวิรัช รัตนเศรษฐ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร.ในฐานะประธานวิปรัฐบาล นายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน นายสมชายแสวงการ สว.นายมหรรณพ เดชพิทักษ์ สว.ตัวแทนวิปวุฒิสภา เพื่อหารือเกี่ยวกับการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 17-18พ.ย.เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยใช้เวลาหารือเกือบ 2ชั่วโมง
จากนั้น นายชวน กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมขอให้นัดประชุมเป็นกรณีพิเศษเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วและร่างแก้รัฐธรรมนูญฉบับของประชาชน (ไอลอว์ ) ฉะนั้นจะบรรจุเพียง 2วาระนี้ วาระอื่นไม่มี ส่วนกำหนดการในการพิจารณานั้น ต้องรอดูว่าเราจะพิจารณาเสร็จในช่วงเวลาใด ซึ่งท่านวุฒิสมาชิกไม่อยากลงมติในช่วงกลางคืน เพราะหวั่นวิตกเรื่องการชุมนุม ท่านก็เป็นห่วงว่าจะมีปัญหา จึงมอบให้ตนเป็นผู้วินิจฉัยในเวลานั้นว่า สามารถพิจารณาได้เสร็จในตอนกลางวันก็สามารถลงมติได้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4ชั่วโมงแล้วนับคะแนนและต้องมีบัตรพิเศษเพื่อให้เห็นว่า สว.ที่เห็นด้วยครบตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นการลงมติครบทั้ง 7ร่าง
‘วิรัช’ปัดเกมสองหน้า-ต้องชัดเจน
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่มีส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ไปลงชื่อร่วมกับส.ว.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับว่า ยืนยันว่ามีหน้าเดียวและที่ดำเนินการเช่นนั้นเพราะต้องการให้เกิดความชัดเจน เหมือนกับที่มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญในทำนองเดียวกันกับปี2555 ซึ่งการดำเนินการปัจจุบันเป็นการทำคู่ขนานกันไป หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ไม่ขัดรัฐธรรมนูญทุกอย่างก็เดินหน้าต่อ ไม่ว่าจะอย่างไร วันที่ 17-18พ.ย.การประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่1 ยังดำเนินการต่อไปและเชื่อว่าการลงมติจะราบรื่นเพราะได้มีการประสานงานกับสว.จนเกิดความเข้าใจกันแล้ว ยืนยันว่าไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่นเพราะหากมีเจตนาเป็นอย่างอื่นคงยื่นให้ประธานรัฐสภาโดยตรงและเรื่องคงถึงศาลแล้ว
‘อนุชา’ย้ำ’พปชร.’หนุนแก้รธน.
นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงจุดยืนพรรคพปชร.เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 17พ.ย.ว่า คยืนยันแล้วว่า มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามที่ พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ได้ให้นโยบายไว้ เมื่อถามถึงสส.พปชร.ร่วมลงชื่อเให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา เลขาธิการ พปชร.กล่าวว่า เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคนและเราได้พูดคุยกันในพรรคแล้ว
‘สุทิน’ซัดเล่นเกมยื้อ-ตีสองหน้า
นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการประชุมรัฐสภาในวันที่ 17-18พฤศจิกายน ว่า ได้ข้อสรุปเบื้องต้นแล้ว โดยจะพิจารณาและอภิปรายรายงานของกรรมาธิการศึกษาร่างแก้รัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการทั้ง 6ร่าง ที่มี นายวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นประธาน จากนั้นก็จะพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญฉบับของประชาชน (ไอลอว์ ) ซึ่งคาดว่าจะได้ลงมติในวันที่18พฤศจิกายน ตั้งแต่19.00น.ฝ่ายค้านไม่ยืนยันที่จะโหวตรับทุกร่าง แต่มีโอกาสที่จะเป็นไปได้
นายสุทิน กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ฝ่ายสส.รัฐบาลและสว.เข้าชื่อยื่นญัตติขอมติจากรัฐสภา เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจสมาชิกรัฐสภาในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แม้พรรคฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยที่จะยื่น แต่คาดว่าเสียงในที่ประชุมโดยเฉพาะเสียงสส.รัฐบาลและสว.เชื่อว่าญัตตินี้จะผ่าน ซึ่งมองว่าเป็นเกมตี2หน้า เป็นการตีรวน ซึ่งนายกฯต้องออกมาชี้แจง เพราะเป็นคนพูดในสภาว่าจะสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม แต่วันนี้ลูกน้องออกมาเล่นเกมอย่างนี้
สส.รุมจี้พระปกเกล้าแจงปรองดอง
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณารายงานประจำปี2562 ของสถาบันพระปกเกล้า โดยมี นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นผู้รายงาน โดยมี สส.หลายคนลุถกอภิปรายซักถามเรียกร้องให้สถาบันพระปกเกล้า ชี้แจงความชัดเจนถึงแนวทางแก้ความขัดแย้ง
นายวุฒิสารชี้แจงว่า โมเดลสร้างความปรองดองได้เสนอรูปแบบคณะกรรมการสมานฉันท์ 2รูปแบบให้สภารับทราบคือ 1.คณะกรรมการ 7ฝ่าย ที่ควรตั้งทันที เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 2.โมเดลคณะกรรมการที่ปลอดจากฝ่ายการเมือง อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีประสบการณ์การแก้ปัญหาความขัดแย้งขึ้นมา 1ชุด มาทำงานระยะยาว เพื่อออกแบบระบบป้องกันและความระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการขัดแย้งในอนาคตข้างหน้า ทั้ง2แบบนี้มีบทเรียนที่เราเคยทำงานศึกษาวิจัยอยู่ ขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะเลือกรูปแบบอย่างไร การเก็บรวบรวมข้อมูลของสถาบันพระปกเกล้าในเรื่องนี้เราดำเนินการกันอยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี