เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดระนอง โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดระนอง ได้จัดทำโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองกะเปอร์ (ทั้ง 2 ฝั่ง) บ้านฝ่ายท่า หมู่ 4 และบ้านกงษี หมู่ 5 ตำบลกะเปอร์ อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง ความยาว 1,505 เมตร โดยใช้งบประมาณกว่า 31 ล้านบาทนั้น นับว่าเป็นโครงการที่เข้าข่ายทำลายนิเวศน์ริมคลองอย่างรุนแรง และไม่คุ้มค่าต่อเงินภาษีประชาชนที่นำไปละลายในการทำโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ท้องถิ่นมักจะตั้งงบประมาณมาละลายแม่น้ำเพื่อขุดลอกกันแทบทุกปี ทำให้ตลิ่งพัง โดยเฉพาะฤดูฝน ฝนตกหนักน้ำมามาก พอตลิ่งพังก็เลยถือโอกาสตั้งงบประมาณมาทำเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง หลังจากนี้ก็จะตั้งงบประมาณมาปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลอง ใช้งบประมาณกันไม่หมดไม่สิ้น แต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า หากแต่เป็นการทำลายภูมินิเวศน์ลุ่มน้ำกะเปอร์ไปอย่างถาวร กระทบต่อสัตว์น้ำริมตลิ่งริมคลองที่จะต้องเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เพราะอิฐ หิน ดิน ทราย ที่นำมาถมทำเขื่อนจะถูกน้ำกัดเซาะพัดพาไปกลบฝังในบริเวณคุ้งน้ำ และปลายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากจนสิ้น ทำให้วังปลา ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะและอนุบาลสัตว์น้ำขนาดเล็กสูญสลายไปหมด
ที่สำคัญ ลำคลองกะเปอร์ ซึ่งมีต้นน้้ำเกิดจากเขายายหม่อนไหลลงสู่อ่าวกะเปอร์ ทะเลอันดามันที่บ้านลำพูความยาวทั้งหมด ประมาณ 32 กิโลเมตร ที่มีความหลากหลายทางนิเวศน์ลุ่มน้ำค่อนข้างสูงนั้น ได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ (wetland) ของจังหวัดระนอง ที่มีความสำคัญในระดับนานาชาติและระดับแรมซาร์ตามอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ หรืออนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 3 พ.ย.2552 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2543 เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุมน้ำ) ข้อ 10 โดยกำหนดให้ต้องมีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) สำหรับโครงการหรือกิจการมีความล่อแหลมและเป็นอันตราย อาจส่งผลกระทบเสียหายต่อพื้นที่ชุ่มน้ำ
นอกจากนั้น การก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองกะเปอร์ จะส่งผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อมต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าควนแม่ยายหม่อน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 4 ป่า คือ 1.ป่าสงวนแห่งชาติป่าปากทรง ป่าพะโต๊ะ ป่าปังหวาน 2.ป่าสงวนแห่งชาติป่าละแม 3.ป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่น ป่าราชกรูด 4.ป่าสงวนแห่งชาติป่ากะเปอร์ และกระทบต่อพื้นที่ป่าไม้ถาวรอำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนองอีกด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงขอเรียกร้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และ ผอ.สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดระนองขอให้สั่งระงับและรื้อถอนโครงการฯดังกล่าวออกไปเสียโดยพลัน หากยังดื้อแพ่งก่อสร้างโครงการดังกล่าว สมาคมฯจำเป็นที่จะต้องนำความไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำคลองกะเปอร์ต่อไป
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2564 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ทำเนียบรัฐบาล นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมาย
"ศรีสุวรรณ"ยื่นข้อมูลเพิ่มเอาผิด"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง อบจ.ผู้สมัครเพื่อไทย ชี้บุคคลถือสัญชาติอื่นแทรกแซงผ
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 เวลา 11.00 น. ที่สำนักงาน กกต. นายศรีสุวรรณ จรรยา เตรียมเดินทางไปยื่นคำร้องเพิ่มเติม กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้ก่อตั้งพรรคไท
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2564 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย แถลงการณ์สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เรื่อง “รมว.คมนาคมต้อ
"บิ๊กตู่"บอกเรื่องของเขา! หลัง"ศรีสุวรรณ"ร้องสอบกอ.รมน.ปมซื้อโซลาร์เซลล์ 45 ล้าน ชี้เป็นสิทธิ์ตามกม. แต่ขอความเป็นธรรม"
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 11 มกราคม 2564 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อผู
“ศรีสุวรรณ” ร้อง ปอท.เอาผิด ม.112 “หมอศราวิน” และพวก แสดงความเห็นโซเชียลหมิ่นเบื้องสูง สัปดาห์หน้า ยื่นแพทยสภาให้ถอดถอนออกจากวิชาชีพ
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุเปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปในโซเชียลมีเดียและสื่อสารมวลชนไ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี