เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันที่ 17 พ.ย.63 ที่บริเวณด้านหน้ารัฐสภา นายทิม พิธา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยส.ส.พรรค ออกมาสังเกตการณ์บริเวณแยกเกียกกาย หลังเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับฝ่ายผู้ชุมนุมคณะราษฏร ฉีดน้ำ และยิงแก๊สตาอย่างดุเดือดตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ปรากฏว่า นายพิธา และส.ส.มีอาการแสบตาจากละอองแก๊สน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ จนต้องใช้น้ำล้างออก

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตามหลักสากล การจะใช้ฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมจะต้องเป็นกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะก่อจลาจล วันนี้ตนยังไม่เห็นว่าจะมีแนวโน้มที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะทำเช่นนั้น เรื่องนี้จึงเป็นความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่สร้างขึ้น เพราะไม่มีความจำเป็นเพราะอะลุ่มอะล่วยกันได้

ด้าน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้เดินทางออกมายังบริเวณกลุ่มผู้ชุมนุมเช่นเดียวกัน โดย นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า ตลอดช่วงที่มีการอภิปรายในรัฐสภานั้น ได้มีการติดตามเหตุการณ์การชุมนุมที่อยู่บริเวณด้านนอกตลอดเวลา และมีความเป็นห่วง เนื่องจากพบว่ามีการใช้ความรุนแรงในการฉีดน้ำและใช้แก๊สน้ำตา ตนจึงเดินทางออกมาเพื่อดูให้เห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งนี้ หากเจรจาได้ก็พร้อมที่จะเจรจา

นางอมรัตน์ กล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เหตุใดจึงปฏิบัติกับกลุ่มผู้ชุมนุมไม่เท่ากัน ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมพร้อมทั้งขอให้เชิญผู้บัญชาการเหตุการณ์มาเจรจากับตน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันกลับไปว่า ปฏิบัติตามกฎหมาย และปฏิบัติตามหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่าย แต่กรณีผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณหน้าบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ มีการรื้อลวดหนามและแบริเออร์ เพื่อที่จะฝ่าแนวกั้นเข้ามา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นจะต้องระงับเหตุดังกล่าว เพราะเข้ามาเกินระยะ 150 เมตร ตามที่กฎหมายกำหนด

ด้าน นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง พยายามที่จะเข้าไปป่วนแนวกั้นของตำรวจ มีการโวยวายเจ้าหน้าที่ ว่า มาดันตนทำไม จะอยู่ตรงนี้ จะมีปัญหาอะไรหนักหนา แต่เจ้าหน้าตำรวจไม่ตอบโต้ด้วย