"ก้าวไกล"ผิดหวังรัฐสภาปิดกั้นความฝันประชาชน หลังตีตกร่างไอลอว์วาระแรก "พิธา"ย้ำเดินหน้าสานต่อในชั้นกรรมาธิการ ด้าน"ชัยธวัช"จี้"สตช."รับผิดชอบกระทำเกินกว่าเหตุต่อผู้ชุมนุม
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค และ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรค นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงต่อสื่อมวลชนหลังการโหวตพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระแรก และประเด็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อกลุ่มผู้ชุมเมื่อวานนี้ (17 พ.ย.63) รวมถึงกรณีการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต่อผู้ชุมนุมในอนาคต
นายพิธา กล่าวว่า ถึงแม้ว่ารัฐสภาจะรับหลักการในร่าง 1 และ 2 ซึ่งเป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐบาลและฝ่านค้าน แต่ ส.ส.รัฐบาล และสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ ไม่ยอมรับหลักการในร่างของภาคประชาชน (ilaw) ในกรณีที่เกิดขึ้นพวกเราผิดหวังที่รัฐสภาทำลายความฝัน และผลักความขัดเเย้งไปสู่ท้องถนนอีกหนึ่งครั้ง แต่ที่น่าผิดหวังมากไปกว่านั้น คือการอภิปรายเเละทัศนคติของสมาชิกรัฐสภาฝ่ายรัฐสภา และ ส.ว.ที่กล่าวหาว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือว่าเป็นการอภิปรายที่อันตรายมากในการนำสถาบันมาเป็นเกราะกำบัง เป็นการกระทำที่จะนำประเทศไปสู่ความรุนแรงและทางตัน นอกจากนี้ ยังมีระเบิดเวลาที่ยังไม่ถูกปลดออกคือ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ญัตติที่ 4 การยกเลิกอำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี มาตรา 272 ยังคงอยู่ หากในอนาคตเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง นายกรัฐมนตรีลาออกหรือมีการยุบสภา แต่กฎกติกายังเหมือนเดิมความขัดแย้งเหล่านี้ก็พร้อมที่จะเปิดได้อีกทุกเมื่อ
"สำหรับการใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลเป็นร่างหลักนั้น สิ่งที่ปัญหาคือ ที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.ยังมาจากการแต่งตั้งจำนวน 50 คน จึงอาจนำสู่การล็อคสเปคของ ส.ส.ร.ที่ไม่ยึดกับพื้นฐานประชาธิปไตย และถึงแม้ว่ารัฐสภาจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนในวาระแรก แต่ยังเชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนผ่านอย่างสันติได้ โดยพรรคก้าวไกลจะยังนำหลักสำคัญในร่างฉบับของประชาชนนำไปผลักดันต่อในชั้นกรรมาธิการวาระ 2 และ 3 พรรคก้าวไกลยืนยันมุ่งมั่นเพื่อให้อำนาจของ ส.ส.ร.พิจารณาได้ถูกหมวด ทุกมาตรา เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นรัฐธรรมนูญที่สะท้อนเจตจำนงของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" พิธา กล่าว
ด้าน ชัยธวัช กล่าวถึงกรณีการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อผู้ชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภา เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.63) ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ได้ไปสังเกตการณ์ตลอดทั้งวันซึ่งพบว่า การควบคุมการชุมนุมมีความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีการฉีดน้ำแรงดันสูงมีการใช้แก๊สน้ำตา โดยเป็นการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้สัดส่วนกับข้อเท็จจริง ทั้งยังเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและไม่เป็นไปตามหลักสากล ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บมากถึง 55 คน รวมทั้งมีประชาชนถูกแก๊สน้ำตาจนส่งผลให้มีอาการแพ้อย่างรุนแรง 32 คนเป็นอย่างน้อย
เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการปฏิบัติสองมาตรฐานระหว่างผู้ชุมนุมคณะราษฎรกับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง และปล่อยให้เกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนสองกลุ่ม ทั้งนี้ สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำคือการป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกัน แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฎคือเจ้าหน้าที่กลับไม่มีการดำเนินการอย่างเต็มที่ในจุดที่มีความอ่อนไหว และปล่อยให้เกิดการปะทะทั้งในช่วงบ่ายและในยามวิกาล เหมือนตั้งใจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ล่าสุดมีรายงานว่ามีผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรถูกยิงด้วยกระสุนจริง 6 ราย สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ตนและ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ไปสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆ และไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากการถูกยิงและระเบิดปิงปองเมื่อคืนนี้
"ในการแถลงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เหตุผลอย่างไม่น่าจะรับได้ว่า สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ไม่เข้าไปดูแลจุดปะทะเพราะเจ้าหน้าที่ต้องมีความเป็นกลาง ความเป็นกลางด้วยการอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ประชาชนปะทะกัน ถึงขั้นใช้ความรุนแรงแบบนี้ คงต้องบอกว่าเป็นมิติใหม่ของการดูแลความสงบเรียบร้อยที่ไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไป" นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช ยังได้ตั้งคำถามไปยังผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตำรวจนครบาลว่า มีตำรวจเป็นจำนวนมากมาดูลสถานที่ เหตุใดจึงปล่อยให้มีบุคคลบางกลุ่มใช้อาวุธร้ายแรงต่อผู้ชุมนุมอีกฝ่ายได้ โดยไม่มีการเข้าไประงับเหตุและไม่มีการดำเนินการใดๆต่อกลุ่มผู้ใช้อาวุธหลังก่อเหตุร้ายแรงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการดำเนินการต่อการชุมนุมโดยสงบของนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งแจ้งข้อหาและออกหมายจับแกนนำผู้ชุมนุมอย่างรวดเร็วเสมอ
"หากไม่มีการดำเนินคดีต่อผู้ใช้อาวุธอย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่าเป็นการส่งสัญญานจากผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติรวมทั้งนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรงว่า หลังจากนี้ผู้มีอำนาจเปิดทางอนุญาตให้กลุ่มคนเสื้อเหลืองใช้อาวุธต่อนักเรียน นิสิตนักศึกษาและประชาชนกลุ่มราษฎรที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจได้" นายชัยธวัช กล่าว
นอกจากนี้ นายชัยธวัช ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ผลการลงมติเช่นนี้ของทางรัฐสภาคือการปัดตกความฝันของประชาชน ซึ่งทางพรรคก้าวไกลได้มีความพยายามในการอภิปรายให้เห็นความสำคัญของนัยยะของเรื่องนี้ รวมทั้งรัฐสภาได้ทิ้งโอกาสสำคัญในการผนวกรวมความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากในสังคมไทย เป็นการสูญเสียของสภาในการมาสร้างพื้นที่ปลอดภัย เพื่อมาหาข้อยุติตามกระบวนการประชาธิปไตยอย่างสันติ หากเมื่อใดที่ประชาชนเห็นว่ากลไกรัฐสภาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้วจะเป็นอันตราย
ขณะที่ พล.ต.ต.สุพิศาล รองหัวหน้าพรรค กล่าวถึงแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อผู้ชุมในอนาคต ว่า จะฝากไปถึงข้าราชการตำรวจที่ต้องปฏิบัติงานภายใต้เเรงกดดันในขณะนี้ เหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ปล่อยปละละเลยการเข้าไปควบคุมผู้ชุมนุมโดยสันติ เพราะผู้ชุมนุมใช้สิทธิเเละเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่ควรใช้การกระทำที่รุนเเรง อยากไปฝากไปยังผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรจะมีการเจรจาต่อรองต่อผู้ชุมนุม เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งสิ่งสำคัญคือการปฏิบัติผู้นำต้องจริงใจ เพื่อนำไปสู่การคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ชุมนุมในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี