เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 22 พฤศจิกายน 2563 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.แถลงความพร้อมมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กรณีการรับมือการชุมนุมในวันที่ 25 พ.ย.ว่า ทาง บช.น.ได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว กรณีแกนนำผิดเงื่อนไขการให้ประกัน หรือปล่อยตัวชั่วคราวของศาล แล้วพนักงานสอบสวนเตรียมพิจารณาเสนอให้ศาล เพิกถอนประกันตัวแกนนำที่ผิดเงื่อนไขทั้งหมด รวมถึงกำหนดห้ามแกนนำเข้าพื้นที่ชุมนุมนั้น โดยขณะนี้ยังไม่มีการห้ามแกนนำเข้าพื้นที่ชุมนุม ทั้งนี้ ตำรวจจะปิดการจราจรเฉพาะเท่าที่มีความจำเป็น ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันเหตุร้าย
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงการแจ้งข้อหา ม.112 ว่า ดูตามพฤติการณ์และบริบทของกลุ่มผู้ชุมนุม หากเข้าข่ายความผิดก็แจ้งข้อกล่าวหาตามนั้น ยืนยันตำรวจให้ความเป็นธรรมและการแจ้งข้อกล่าวหา จะพิจารณาในระดับกองบัญชาการเท่านั้น สำหรับการเตรียมออกหมายเรียกผู้ชุมนุมที่รัฐสภา แยกเกียกกาย และด้านหน้า ตร.ตำรวจ สน.บางโพ สน.เตาปูน และ สน.ปทุมวัน อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบตัวบุคคล จะมากกว่า 30 รายหรือไม่ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่จำนวนตัวเลข สำคัญที่คนกระทำผิดเชื่อว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยความผิดแบ่งเป็นหลายส่วน ได้แก่ "จัดการชุมนุมโดยมิชอบ, สมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความไม่สงบเรียบร้อย, หมิ่นประมาท และทำให้เกิดความเสียหายซึ่งทรัพย์สินเอกชน ทรัพย์สินราชการ และทรัพย์สินสาธารณะ"
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการชุมนุมเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่แยกเกียกกาย มีชายสวมเสื้อกันฝนสีชมพู คาดว่าเป็นการ์ดของกลุ่มราษฎร ก่อเหตุยิงปืนใส่ผู้ชุมนุมอีกกลุ่มก่อน ภายหลังออกมาแสดงตัวว่าไม่ใช่ตนเอง ว่า หากมั่นใจไม่ได้เป็นคนผิดให้เข้าพบตำรวจ สน.เตาปูน เพื่อเป็นพยานในคดี เพราะในการชุมนุมมีผู้สวมชุดสีชมพูเยอะ จึงต้องพิสูจน์ทราบว่าเป็นคนเดียวกันจริงหรือไม่ การติดตามตัวขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้ตรวจพบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุหลายชนิด บริเวณรถบัส ตชด.ใกล้แยกเกียกกาย และเลยทางเข้าวัดใหม่ทองเสน ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่เกิน 400 เมตร จุดนี้พบปลอกกระสุนจำนวนมาก
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวถึงอำนวยความสะดวกด้านการจราจรว่า กรณีการชุมนุมบริเวณถนนอักษะ หรือถนนอุทยาน ขอให้หลีกเลี่ยงการจราจรตั้งแต่เวลา 14.00 น. เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบและควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ถนนอุทยาน (แยกพุทธมณฑลสาย 3 ตัดถนนอุทยาน-แยกอุทยาน), ถนนอักษะ (เส้นคู่ขนานของถนนอุทยาน), เลียบคลองทวีวัฒนา (ถนนบรมราชนนี-แยกอุทยาน) และสะพานข้ามแยกอุทยาน สำหรับเส้นทางที่แนะนำให้ไปใช้เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ ได้แก่ ถนนบรมราชชนนี, ถนนพุทธมณฑลสาย 3, ถนนพุทธมณฑลสาย 4, ถนนพุทธมณฑลสาย 5 และถนนเลียบคลองทวีวัฒนา (แยกอุทยาน-เพชรเกษม) และกรณีการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (หน้าร้านแมคโดนัลด์) คาดว่าจะมีการชุมนุมอยู่บนบาทวิถี (ทางเท้า) อย่างไรก็ตาม จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย-แยกคอกวัว อาจได้รับผลกระทบด้านการจราจร สามารถหลีกเลี่ยงโดยใช้ถนนอัษฎางค์ ถนนเจ้าฟ้า สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และสะพานพระราม 8
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า กรณีแกนนำโพสต์ภาพตำรวจติดตั้งเครื่องติดตามตัว (จีพีเอส) บริเวณใต้ท้องรถ ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน ตำรวจไม่มีความจำเป็นต้องไปติดตามขนาดนั้น ด้านการข่าวตำรวจก็มีวิธีการดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจากการใช้สารเคมี รายละเอียดเรื่องใช้สารเคมีประเภทใดบ้าง ภายในสัปดาห์จะมีการชี้แจงโดยละเอียดจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่จัดซื้อจัดหา ย้ำว่าโดยหลักคิดแล้วอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ รวมถึงสารเคมีที่เกี่ยวข้องนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุม รุกล้ำเข้ามาในแนวที่ไม่สามารถเข้ามาได้ ในส่วนที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ก็คงมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลไม่ได้เหมารวม
หากเป็นผลจากสารเคมีแล้วจะมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมหรือไม่ ยอมรับว่าการใช้สารเคมีมีผลกระทบแน่นอน ตำรวจก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพียงแต่ผลที่ได้รับนั้นจะเป็นผลจากค่าเคมีโดยตรง ก็คงมีความแตกต่างกันระหว่างบุคคลต้องดูในรายละเอียด โดยหลักแล้วเป็นสารเคมีที่ไม่ได้เป็นอันตรายถึงขั้นสูญเสียชีวิต อาจทำให้รู้สึกร้องไห้น้ำตาไหลจากอาการแสบตา ย้ำมีวัตถุประสงค์ให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นจากแนวที่ได้วางไว้ การรับผิดชอบร่องรอยบาดแผลที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นผลกระทบโดยตรง หรือเกิดจากความประมาทของตำรวจ คงต้องไปดูในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้มีการฝึกซ้อมจนเกิดความชำนาญ โดยยึดหลักกฎหมาย กฎระเบียบ และตามหลักสากล ประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าตำรวจทำตามขั้นตอน
กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการฟ้องร้องตำรวจ ในเรื่องการใช้อุปกรณ์ที่รุนแรงเกิดกว่าเหตุ ก็คงไม่ได้ไปตัดสิทธิเพราะที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องการชุมนุมอย่างเดียว มีเรื่องการฟ้องร้องการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจส่วนอื่นด้วย เช่น เจ้าหน้าที่สายตรวจในบางครั้งกลุ่มผู้ที่ถูกจับกุมในเรื่องอื่น อาจมองว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่เกินเลย แต่ก็เป็นเรื่องปกติได้ดำเนินการชี้แจง และฟ้องร้องก็แก้ต่างกันไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี