'คำนูณ'ฉะกรมศิลป์ฯ ไม่ขอพระบรมราชานุญาตสร้าง'พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7'หน้ารัฐสภาใหม่

'คำนูณ'ฉะกรมศิลป์ฯ ไม่ขอพระบรมราชานุญาตสร้าง'พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7'หน้ารัฐสภาใหม่

วันศุกร์ ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2564, 16.59 น.

"คำนูณ"ฉะกรมศิลป์ฯ ไม่ขอพระบรมราชานุญาตสร้าง"พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7"หน้ารัฐสภาใหม่ ผลาญงบไปแล้ว 7.7 ล้าน เผย"กมธ.ศาสนาฯ"จ่อเชิญ"รมว.วัฒนธรรม"แจง

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2564 นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Kamnoon Sidhisamarn" เรื่อง กรณีพระบรมราชานุสาวรีย์ ร. 7 หน้ารัฐสภา สรุป-กรมศิลปากรยืนยันให้สร้างใหม่ ขนาด 4 เท่าองค์จริง-มูลค่า 25 ล้าน !


เรื่องนี้ ผมและท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ได้หารือในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 ถึงความไม่เหมาะสมของแนวคิดในการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ในหลวงรัชกาลที่ 7 องค์ใหม่ขนาดใหญ่ 4 เท่าพระองค์จริงมาประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เกียกกาย ที่ขณะนั้นทราบข่าวเพียงว่าเป็นไปตามข้อเสนอของกรมศิลปากร แทนที่จะใช้องค์เดิมขนาด 1 เท่าครึ่งพระองค์จริงที่เคยประดิษฐานอยู่หน้าอาคารรัฐสภาเดิม ถนนอู่ทองใน ตามแนวคิดของคณะผู้ออกแบบและสภา
ผมได้ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย แต่ยังไม่ถึงคิวบรรจุเข้าระเบียบวาระ

และได้เสนอให้คณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปและวัฒนธรรม วุฒิสภา ดำเนินการศึกษาเรื่องนี้ โดยผมเข้าไปร่วมประชุมชี้แจงครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปลายปีก่อน ล่าสุดวานนี้คณะกรรมาธิการฯได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาร่วมชี้แจง ผมได้เข้าไปร่วมประชุมด้วย จึงขอนำมารายงานประชาชนเพื่อทราบความคืบหน้า
เรื่องไปไกลกว่าที่คิด ขอสรุปด้วยภาษาชาวบ้านดังนี้....

เหตุเกิดขึ้นเมื่อกลางปี 2561 เมื่อสภาทำหนังสือถึงกรมศิลปากรขอทราบแนวทางและรายละเอียดเกี่ยวกับการย้ายพระบรมราชานุสาวรีย์องค์เดิมจากหน้าอาคารรัฐสภาเก่าถนนอู่ทองไปยังอาคารรัฐสภาใหม่เกียกกาย

ในฐานะที่กรมศิลปากรมีอำนาจหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการนี้ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ. 2520

ซึ่งขอสารภาพโดยสัตย์ว่าผมก็เพิ่งทราบว่ามีระเบียบฯนี้อยู่ !

กรมศิลปากรส่งทีมงานเจ้าหน้าที่เดินทางมาพิจารณาสถานที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ เพื่อเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการพิจารณาการสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ จากนั้นทำหนังสือถึงสภาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 แจ้งว่าเห็นควรให้อัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์องค์เดิมขนาดเท่าครึ่งพระองค์จริงเข้าไปประดิษฐานภายในอาคาร และให้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์องค์ใหม่ขนาด 3 เท่าครึ่งถึง 4 เท่าพระองค์จริงเพื่อประดิษฐานหน้าอาคารด้านถนนสามเสนแทน สรุปว่าถ้าทำตามนี้รัฐสภาจะมีพระบรมราชานุสาวรีย์ 2 องค์ 2 ขนาด

ในชั้นแรก สภาไม่เห็นด้วยเพราะมีความประสงค์จะนำพระบรมราชานุสาวรีย์องค์เดิมที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์มาประดิษฐานหน้าอาคารตามแบบที่กำหนดไว้

ในเดือนเดียวกันนั้นเองสภาได้ทำหนังสือถึงกรมศิลปากรขอให้ทบทวนมติ

กรมศิลปากรตอบหนังสือกลับมายังสภาเมื่อปลายเดือนมกราคม 2562 ว่าพิจารณาแล้ว ขอยืนยันมติเดิม คือให้อัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์องค์เดิมเข้าในอาคาร และถ้าประสงค์จะมีพระบรมราชานุสาวรีย์หน้าอาคาร ควรดำเนินการตามมติเดิมคือสร้างองค์ใหม่ขนาด 3 เท่าครึ่งถึง 4 เท่าพระองค์จริง

สภาจึงต้องปฏิบัติตาม เพราะอำนาจตามกฎหมายลำดับระเบียบฯดังกล่าวข้างต้นแล้วอยู่กับกรมศิลปากร

สภาเริ่มตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ 2563 ไว้เบื้องต้น 10 ล้านบาท

ทั้งนี้ งบประมาณในการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ขนาด 3 เท่าครึ่งถึง 4 เท่าพระองค์จริง กรมศิลปากรแจ้งให้สภาทราบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ว่ามีจำนวนเป็นตัวเลขกลม ๆ ประมาณ 25 ล้านบาทเศษ

ตัวเลขจริง ๆ คือ 25,369,840.- บาท !

สภาได้แยกของบประมาณไว้ 3 ปีงบประมาณ คือ 2563, 2564 และ 2565

ขณะนี้กรมศิลปากรได้ดำเนินการขั้นต้นไปแล้ว คือปั้นขยายต้นแบบพระบรมราชานุสาวรีย์ กล่าวโดยละเอียดคือถอดแบบพระบรมราชานุสาวรีย์พระองค์เดิมแล้วหล่อด้วยปูนพลรสเตอร์ เพื่อทำ section ขนาดต้นแบบเดิมเพื่อขยายเข้า scale ก่อนที่จะทำโครงสร้างเหล็ก

ใช้เงินไปแล้วกลม ๆ เกือบ 8 ล้านบาท

ตัวเลขจริงคือ 7,700,000.- บาท !

ในการประชุมกรรมาธิการฯ ผมได้ถามกรมศิลปากรด้วยสามัญสำนึกของวิญญูชนชาวไทยทั่วไปว่าในเมื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ คือสร้างใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเช่นนี้ ก่อนที่จะเดินหน้าลงมือทำงานควรที่จะต้องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาติก่อนหรือไม่ คำตอบคือยังไม่ได้ทำเรื่อง แต่กำลังเตรียมการจะทำเรื่อง โดยก่อนที่จะทำเรื่องจำเป็นต้องมีข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน และยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ดำเนินการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์องค์ใหม่ เพียงแค่ถอดแบบจากองค์เก่าก่อนเท่านั้น ผมตอบไปว่าที่กรมศิลปากรตอบอย่างนี้ผมไม่สู้เห็นด้วยนะ เพราะการถอดแบบองค์เก่าก็คือส่วนหนึ่งของการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์องค์ใหม่นั่นแหละ

เงินก็ใช้ไปแล้ว เริ่มดำเนินการไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาติ ฝ่ายการเมืองคือระดับรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีก็ยังไม่ได้พิจารณา

ประเด็นนี้ ผมไม่เข้าใจ

จึงได้ถามออกไปว่าถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมา ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ

ซึ่งไม่มีคำตอบในห้องประชุมกรรมาธิการ

สถานการณ์ล่าสุด กรมศิลปากรได้ทำหนังสือถึงสภาเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2563 ขอชะลอการทำงานไว้ก่อน

ผมถามว่าเหตุไฉนต้องชะลอ

กรมศิลปากรค้นเอกสารอยู่พักใหญ่ก่อนจะตอบว่ารอการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาติก่อน

เรื่องนี้ยังไม่จบ

คณะกรรมาธิการจะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมมาหารือในโอกาสต่อไป มีความคืบหน้าประการใดจะนำรายงานต่อครับ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top