จับตา! "สภาสูง"โหวตร่างพรบ.กสทช.ปลดล็อคให้ชั้น"พ.อ."เข้ารับการสรรหาได้ หึ่ง"เพื่อนสนิทผู้นำรัฐบาล"ล็อบบี้"สว."ล้มกระดานสรรหา"กสทช." คัดเลือกใหม่ดันเด็กตัวเองนั่งแทน
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานรายงานว่า วันที่ 15 ก.พ.นี้ ในการประชุมวุฒิสภา จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นฉบับที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นประธาน กมธ.
โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว มีทั้งสิ้น 11 มาตรา แต่มีสาระสำคัญที่น่าสนใจ อยู่ที่มาตรา 5 ว่าด้วยการให้ผู้มีสิทธิ์สมัครรับการสรรหาเพื่อเป็นกรรมการ กสทช.มีคุณลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ทางคณะ กมธ.แก้ไข (3) จากเดิมที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรมานั้น กำหนดไว้ว่า เป็นหรือเคยเป็นนายทหาร หรือนายตำรวจ ที่มียศตั้งแต่ พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี หรือพลตำรวจตรี แก้ไขเป็นข้อความว่า "เป็นหรือเคยเป็นนายทหาร หรือนายตำรวจ ที่มียศตั้งแต่ พันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก หรือพันตำรวจเอก อัตราเงินเดือนพันเอกพิเศษ นาวาเอกพิเศษ นาวาอากาศแอกพิเศษ หรือพันตำรวจเอกพิเศษขึ้นไป"
นอกจากนี้ ยังมีมาตรา 10 ว่าด้วยวาระเริ่มแรกของการบังคับใช้กฎหมายฉบับดังกล่าว จากเดิมที่ผ่านการพิจารณาของสภาฯ กำหนดไว้ให้มีการสรรหา กรรมการ กสทช.ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ที่มีการประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
ต่อมาทาง กมธ.ฝั่งวุฒิสภา แก้ไขใหม่ กำหนดดังนี้ (1) กรรมการ กสทช.ชุดปัจจุบัน ให้อยู่ในตำแหน่งเพื่อปฎิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคณะกรรมการ กสทช.ตามร่างกฎหมายฉบับนี้ และ (2) ในกรณีที่ได้ดำรงตำแหน่งยังไม่ครบวาระตาม พ.ร.บ.กสทช.ในวันก่อนวันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ ให้มีวาระดำรงตำแหน่ง 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง แต่ถ้าในวันที่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ใช้บังคับ ได้ดำรงตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาเกิน 3 ปี ให้ถือว่าได้ดำรงตำแหน่งครบวาระแล้ว
แหล่งข่าวจาก ส.ว.เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการแก้ไขชั้นยศของผู้ที่จะเป็นกรรมการ กสทช.จากของเดิมที่รัฐบาลเสนอมา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่าทำไมทาง กมธ.ถึงกล้าแก้ไขในสิ่งที่รัฐบาลเสนอมา เพราะปกติทาง ส.ว.ไม่อยากมีปัญหากับรัฐบาล หรือเป็นไปได้หรือไม่ว่าได้พูดคุยเรื่องนี้กับทางรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ได้รับข้อมูลความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการสรรหา กสทช.ที่อยู่ในการพิจารณาขั้นสุดท้ายของ ส.ว.มีสัญญาณโดนแทรกแซงการสรรหา เนื่องจากผู้นำรัฐบาลพยายามผลักดันคนสนิทของตัวเองเข้าไปในคณะกรรมการ กสทช.ทั้งที่คุณสมบัติไม่เหมาะสม ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหา
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดเพื่อนสนิทผู้นำรัฐบาลที่เคยเป็นถึงอดีตรองนายกฯ ออกโรงรวบรวมคะแนนเสียงจาก ส.ว.เพื่อกดปุ่มสั่งให้ ส.ว.ผลักดันร่าง พ.ร.บ.กสทช.ที่มีเนื้อหาระบุว่าถ้า พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ต้องสรรหากรรมการ กสทช.ชุดใหม่มาทำหน้าที่ทันที ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงจะทำให้คณะกรรมการ กสทช.ที่กำลังอยู่ระหว่างการสรรหาในขณะนี้ ได้ทำหน้าที่เพียงไม่นานเท่านั้น เพื่อให้คนของตัวเองได้เข้าสู่กระบวนการสรรหารอบใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังกฎหมายบังคับใช้
"หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เนื่องจากการเข้าไปแทรกแซงการทำงานของ ส.ว.เพียงเพื่อต้องการผลักดันคนของตัวเอง ถือเป็นการไม่ให้เกียรติ ส.ว.อย่างสิ้นเชิง และเป็นสิ่งที่ผู้นำรัฐบาลไม่ควรกระทำ ดังนั้น จึงต้องติดตามการประชุมของ ส.ว.วันที่ 15 ก.พ.นี้ ว่าสิ่งที่ได้ข้อมูลมานั้นจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ประชุมวุฒิสภาได้ตั้งคณะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำหน่งเป็นกรรมการ กสทช.ตามที่คณะกรรมการสรรหา กสทช.นำเสนอรายชื่อบุคคลที่ผ่านการคัดเลือก จำนวน 14 คน ซึ่งในการประชุมวุฒิสภาขณะนั้น มี ส.ว.อภิปรายไม่เห็นด้วยที่วิปวุฒิสภากำหนดระยะเวลาการทำงานของคณะ กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ เพียง 15 วัน และได้เสนอให้ กมธ.ทำงาน 25 วันแทน แต่สุดท้าย ที่ประชุมได้ลงมติด้วยเสียงข้างมาก 126 ต่อ 68 เสียง ให้ยืนตามที่วิปวุฒิสภาเสนอมา กล่าวคือ ให้คณะ กมธ.พิจารณาตรวจสอบประวัติฯ 15 วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี