‘ณัฐวุฒิ’ปราศรัยครั้งแรกหลังพ้นคุก โชว์เก๋าดาวไฮด์ปาร์คพ่นวาทกรรมสุดหรูปลุกคนหนุ่มสาว เปิดตัวใส่หน้ากากรูปแกนนำม็อบ 3 นิ้ว พร้อมสดุดีวีรกรรมเรียกร้องเสรีภาพ ความเสมอภาค ฝากถึงผู้มีอำนาจอย่าจัดการกับเยาวชนด้วยความเกลียดชัง แทงกั๊กยังไม่ประกาศนำม็อบเต็มตัว แต่จะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดเมื่อเวลาจะออกมาปกป้องคนหนุ่มสาวเอง โวลั่นในชีวิตไม่เคยกลัวใคร
10 เม.ย.64 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ “ยูดีดีนิวส์” ร่วมกับญาติวีรชน และประชาชน จัดงานรำลึกและสดุดีวีรชน #11ปี 10 เมษา 53
เวลา 14.20 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า คือครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ได้ยืนบนถนนประวัติศาสตร์แห่งนี้ เรามาพบกันในสถานการณ์ที่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน เพราะเรากำลังกวาดกลัวโรคระบาด ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย และสังคมโลก อากาศค่อนข้างร้อน เรานั่งในพื้นที่แคบก็แออัด ขออนุญาตเปลี่ยนหน้ากาก
จากนั้น นายณัฐวุฒิ เปลี่ยนเป็นหน้ากาก ที่มีภาพนายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำจากข้อหาความผิดมาตรา 112 และมาตรา 116 ขึ้นมาใส่ พร้อมระบุว่า นอกจากป้องกันเชื้อระบาดแล้วยังน่าจะป้องกันเชื้ออุบาทได้ด้วย ที่สวมหน้ากากนี้ไม่ได้กลัวโควิด แต่กลัวผู้คนในบ้านเมืองนี้จะลืมพวกเขา กลัวพวกเขาจะได้รับอันตราย อยากบอกว่าปล่อยพวกเด็กออกจากห้องขังแล้ว พวกเรามาแก้ปัญหากันแบบผู้ใหญ่ ไม่มีประเทศหรือสังคมใดเติบโตได้โดยการจับกุมลูกหลานที่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงไปไว้ในที่คุมขัง
จากนั้นนายณัฐวุฒิ ได้ถอดหน้ากากออกแล้วกล่าวต่อไปว่า พวกคุณจำผมได้ไหม ตนคือคนที่คุณและพวกไล่ยิงกลางถนน เมื่อ 11 ปีที่ผ่านมา ผมนี่ไงที่มาพร้อมเพื่อนร่วมอุดมการณ์ พร้อมคำถากถาง มาแล้วถูกเข่นฆ่า จนลำพองใจว่าชนะ ทำลายวิตวิญญาณการต่อสู้ได้ แต่ผมนี่ไง กลับมายืนตรงนี้เพื่อบอกว่า การฆ่าไม่ใช่คำตอบ เพื่อบอกว่า ความรุนแรงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา ฆ่าไปก็เกิดใหม่ มายืนตรงที่ฆ่าดังนั้น บ้านเมืองนี้ ถึงเวลา ที่คนทุกรุ่น ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ต้องเปิดใจเข้าหากัน ถึงเวลาที่เราจะต้องยอมรับความจริง ว่าไม่มีอำนาจ หรือสังคมใด เลี่ยงกฎเกณฑ์แห่งการเปลี่ยนแปลงได้"นายณัฐวุฒิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นฝนได้โปรยปรายลงมา ทำให้นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ฝนที่ตกมา เสมือนน้ำตาอันปราบปลื้มของเยาวชนที่สูญเสีย หากหยดน้ำนี้ คือหยดน้ำตาของคนที่ถูกฆ่า ก็ขอให้ตกลงมา ก่อนมาถึงวันนี้ ก็ได้ร้องไห้ ให้เหตุการณ์ รำลึกพลังของคนหนุ่มสาว ที่เขายื่นมาซับหน้าตา โอบกอดคนเสื้อแดง อยากให้น้ำตานี้ เป็นน้ำตาสายสุดท้าย อยากให้ซากร่างไร้วิญญาณเมื่อ 11 ปีที่แล้ว เป็นความสูญเสียครั้งสุดท้าย ไม่ควรมีใครถูกฆ่าตายโดยรัฐ เพียงเพราะมาทวงถามอำนาจรัฐที่เป็นของเขาโดยชอบตามกฎหมาย
"เราคือเจ้าของอำนาจสูงสุดที่แท้จริงของไทย เรามายืนในที่ของเรา เราต้องการสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคเท่าเทียมในฐานะมนุษย์ เราไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ และจะไม่ยอมสูญเสียไปมากกว่านี้เช่นเดียวกัน"นายณัฐวุฒิ กล่าว
แกนนำนปช. กล่าวว่า ตนอยากฝากไปถึงผู้มีอำนาจ ที่มายืนอยู่นี้ ไม่ได้เปิดฉากสงคราม หรือเปิดหน้าท้าทาย เพียงมาบอกว่า ถ้าลูกหลาน ลุกขึ้นมาเรียกร้องอนาคตที่ดีกว่า ต้องการต่อสู้เพื่อยืนยันว่า ไม่ยอมรับบ้านเมืองที่ส่งมอบมาทางเดียว ที่ท่านต้องทำคือเปิดใจรับฟัง รัก เมตตา และชวนกันจับมือเดินหน้าไปพร้อมกับเขา เพราะประเทศนี้กำลังจะอยู่ในความรับผิดขอบของพวกเขาในอนาคตอันใกล้ข้างหน้า บ้านเมืองนี้เป็นสิทธิอันชอบของคนเมืองนี้ ที่จะเรียกร้องสังคม รูปแบบการปกครองการจัดสรรโครงสร้างอำาจที่ถูกต้อง ชอบธรรม และดีกว่า
"ไม่มีเหตผลอะไรเลยที่เราจะต้องเผชิญหน้าด้วยโทสะ และจัดการกับเยาวชนด้วยความโกรธเคือง ชิงชัง เพราะการต่อสู้นี้ ทำในนามคนเป็นลูกเป็นหลานท่าน พ่อแม่ของเพนกวิน รุ้ง ไผ่ และเด็กทุกคนในเรือนจำก็รักลูกหลานสุดหัวใจเหมือนกัน ถ้าไม่เห็นด้วยต่อการคุกคามลูกของประยุทธ์อย่างไร ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำต่อลูกหลานประชาชนเฉกเช่นเดียวกัน ผมหวังใจว่า สิ่งที่พยายามสื่อสารมาตั้งแต่คืนสู่อิสรภาพ จะถูกรับฟัง ขบคิด พิจารณา จากคนรุ่นเรา คนที่เป็นพ่อแม่” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า วันนี้สังคมไทยที่กำลังเป็นอยู่ ทำไมเด็กต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่พวกเราทำ แต่นี่คือความจริงที่เด็กต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เราทำมา ไม่เป็นธรรมเลย ที่ต้องปล่อยให้เขาแบกรับปัญหา ลุกขึ้นมาแก้ปัญหา และปล่อยให้เขาบอบช้ำไปอีก พวกเราต้องช่วยกัน เราต้องกอดลูกหลานไว้ และแสดงความสำนึกต่อคนหนุ่มสาว ว่าเราผิดไปแล้ว และจะไม่ยอมให้ผิดพลาดอีกต่อไป เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้น บ้านเมืองนี้ถึงที่สุด เชื่อว่าปลายทางก็หลีกเลี่ยงปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ในที่สุดสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง จะกลายเป็นมหาพายุใหญ่ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น ต้องแลกมากับการสูญเสีย ชีวิตเลือดเนื้อของคนหนุ่มสาวอีกเท่าไหร่
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวอีกว่า อยากให้การจัดงานรำลึกคนที่ถูกฆ่าตายปี 53 เป็นการรำลึกสุดท้าย ต้องไม่มีการรำลึกปี 64 65 หรือปีใดใดในอนาคตต่อไป ขอขอบคุณด้วยหัวใจจริง สำหรับพวงหรีดทุกพวง โดยเฉพาะของเยาวชนที่ส่งมาในวันนี้ ตนเชื่อว่า ถ้าดวงวิญญาณของผู้สูญเสีย บนถนนเมื่อ 11 ปีที่แล้วได้รับทราบ เขาจะภาคภูมิใจแน่นอนที่สุด เขาจะกล่าวคำขอบคุณพวกเขาเป็นประชาชนธรรมดา ชาวไร่นา คนต่างจังหวัด ถูกฆ่าตายโดยไม่มีอาวุธ
“ขอบอกคนหนุ่มสาวที่กำลังต่อสู้ทุกคน ว่าในนามคนเสื้อแดง ผมสำนึกบุญคุณของคนหนุ่มสาว ที่น้องๆ สร้างอนุสาวรีย์พวกเขาให้เกิดขึ้นในหัวใจทุกคน หากดวงวิญญาณยังคงมีพลัง มีเรี่ยวแรง สู้ไหว ขอพลังครั้งสุดท้ายปกป้องคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ให้ปลอดภัยจากผู้มีอำนาจทั้งหลาย อย่าให้ทำกับลูกหลานเหมือนที่ทำกับเรา เมื่อ 11 ปีที่ผ่านมา ช่วยกันกดดัน ให้ปล่อยเยาวชนออกมาให้เร็วที่สุด” นายณัฐวุฒิกล่าว โดยมีเสียงตะโกนว่า“ปล่อยเพื่อนเรา”ดังก้องอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า มีคนถามตนมากเป็นไปได้ไหมที่จะกลับไปยืนยืนเวทีปราศรัยทางการเมืองอีกครั้ง ตนบอกว่า ไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น เพราะเห็นว่าเยุคสมัยปัจจุบันเป็นการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว อย่างไรก็ตาม ตนจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากถึงวินาทีที่หัวใจต้องตัดสินว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องคนหนุ่มสาวอีกครั้ง ตนจะแจ้งให้ทราบทันที ทุกนาทีบนถนนการต่อสู้ ตนพยายามก้าวย่างด้วยความรอบคอบมาตลอด ให้เกียรติทุกฝ่าย พยายามส่งความปรารถนาดีให้ทุกผู้นาม ให้บ้านเมืองเดินหน้าด้วยสันติให้ได้ แต่ขอพูดชัดๆ ว่าคนทำตน ไม่เคยกลัวใคร และหากจำเป็นต้องตัดสินใจ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี