กกต.ส่งหนังสือถึงทุกพรรค แจ้งเหตุไม่สามารถจัดประชุมใหญ่ หลังโควิด-19ระบาดหนักภายใน 30 เมษายนนี้ “ภูมิใจไทย” แจ้ง กกต.เลื่อนประชุมใหญ่ ที่ชาติชายฮอลล์ โคราชแล้ว “จตุพร” ประกาศลั่น 24 เมษายน เริ่มจัดกิจกรรม หลังโควิดคลี่คลาย ม็อบไทยไม่ทนฯกลับมาชุมนุมใหม่ ซัด “ประยุทธ์” ตัวปัญหาทำผิดพลาด ไร้วุฒิภาวะผู้นำ หย่อนยาน ทำโควิดระบาดทั้ง 3 ครั้ง จี้ปล่อย‘กวิ้น-รุ้ง’อดอาหารสู่อิสรภาพ ‘ลุงอดุลย์’วอน‘เพนกวิน’เลิกอดข้าวรักษาชีวิตไว้ต่อสู้ ด้าน‘แรมโบ้’ฉะ ‘หญิงหน่อย’ตั้งพรรคใหม่ หัดทำประโยชน์เพื่อชาติ-ปชช.บ้าง ไม่ใช่พูดโจมตี คนทำงานอย่างเดียว ยันนายกฯทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อช่วยปชช.แก้วิกฤตโควิด
เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ลงนามในหนังสือ เพื่อแจ้งหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคการเมือง ในเรื่องการจัดประชุมใหญ่ของพรรคการเมือง โดยในหนังสือระบุว่า ตาม พรป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 43 กำหนดให้หัวหน้าพรรคการเมืองจัดทำรายงานการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทินที่ผ่านมา เสนอต่อที่ประชุมใหญ่พรรคการเมือง เพื่ออนุมัติภายในเดือนเมษายนของทุกปี และมาตรา61 กำหนดให้หัวหน้าพรรคการเมืองเสนองบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและรับรองแล้วต่อที่ประชุมใหญ่พรรคการเมือง เพื่ออนุมัติภายในเดือนเมษายนของทุกปี
ทุกพรรคแจ้งเหตุจัดประชุมไม่ได้
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเรียนว่าการดำเนินการจัดประชุมใหญ่ของพรรคการเมือง ตามมาตรา43และมาตรา61ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติแก่หัวหน้าพรรคการเมือง โดยไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้อำนาจแก่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือนายทะเบียนพรรคการเมือง ในการเลื่อนหรือขยายระยะเวลาดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม หากพรรคการเมือง ไม่สามารถจัดประชุมใหญ่ได้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สามารถแจ้งเหตุดังกล่าว ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ภายในวันที่30 เมษายน 2564 เพื่อจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ภูมิใจไทยแจ้งกกต.เลื่อนประชุมใหญ่
ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือที่ 04/011/2564 ลงวันที่ 9 เมษายน 2564 เรื่อง ขอเลื่อนประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ของพรรคภูมิใจไทย แจ้งกับ นายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยระบุว่า คณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยเห็นชอบให้จัดประชุมสามัญใหญ่ประจำปี 2564 ในวันที่ 24 เมษายน 2564 เวลา 08.00-13.30 น. ที่อินดอร์สเตเดียม (ชาติชายฮอลล์) โดยเชิญคณะกรรมการบริหารพรรค รัฐมนตรีหัวหน้าสาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกพรรค รวม 1,500 คน เข้าร่วมงาน
เนื่องด้วยขณะนี้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 อย่างต่อเนื่องในหลายนจังหวัดทั่วประเทศ การจัดประชุมใหญ่ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวงกว้างได้ ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อการควบคุมและการป้องกันการแพร่ระบดของไวรัสโควิด-19ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของสมาชิกพรรคและไม่เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ให้ตกอยู่ในภาวะวิกฤติมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม พรรคภูมิใจไทย จึงขอเลื่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ออกไปก่อน และหากสถานการณ์คลี่คลายลง พรรคภูมิใจไทย จะได้เร่งจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคทันทีในโอกาสแรก เพื่อเป็นไปตาม มาตรา 39 มาตรา 43 และมาตรา 61 แห่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ต่อไป
พท.ยันแก้รธน.ทั้งฉบับ-รายมาตรา
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)กล่าวว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา สะท้อนความรับผิดชอบของรัฐบาล แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะอยู่ในนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลแถลงต่อสภาก็ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ประกาศไว้ ชี้ชัดว่ารัฐบาลไม่เคยให้ความเคารพต่อสมาชิกรัฐสภา รัฐบาลต้องไปคิดให้ดีว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่ประชาชนเรียกร้องเพื่อต้องการให้ประเทศมีการพัฒนาที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกันร่างแก้ไข รธน.ที่นำเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณาแก้ไขนั้น ก็เป็นร่างของรัฐบาลที่นำเข้ามา สุดท้ายรัฐบาลก็คว่ำร่างของรัฐบาลเอง กรณีที่เกิดขึ้นมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย มองได้อย่างเดียวว่า รัฐบาลต้องการสืบทอดอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ร่างมา และไม่ให้ความสำคัญกับความต้องการของประชาชน
“พรรคเพื่อไทย ยังยืนยัน ที่จะเดินหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ พร้อมที่จะยื่นญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ โดยจะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราด้วย โดยจะแก้ไขในมาตราที่สำคัญและประชาชนได้ประโยชน์”นายสมคิด ย้ำ
อัดรบ.ไร้รับผิดชอบชี้ปชช.เบื่อหน่าย
อย่างไรก็ดีนายสมคิด ยังระบุว่าทั้งนี้ ข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา จากพรรคพลังประชารัฐ เป็นการแก้ไขเพื่อประโยน์ของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้แก้ไขเพื่อประชาชน รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลแรก ที่ไม่เคยรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะเสนอเอง ล้มเอง และ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเอง ว่าขัดแย้งหรือไม่ ประชาชนเอือมระอา และเบื่อหน่ายกับรัฐบาล ที่ไม่รับผิดชอบอะไรเลย ดีแต่เล่นละคร กับเล่นปาหี่หลอกประชาชนไปวันๆ
ตุ๊ดตู่ซัด‘บิ๊กตู่’บริหารผิดซ้ำซาก
วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์peace talkโดยย้ำถึงโควิดระบาดรุนแรงทั้ง3ครั้งล้วนเป็นการบริหารจัดการที่ผิดพลาด หย่อนยาน ปล่อยปละจากหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ทั้งสิ้น ถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่มีวุฒิภาวะผู้นำ ยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย ถ้า พล.อ.ประยุทธ์มีความรับผิดชอบแล้ว การระบาดของโควิด จะทำอะไรประเทศไทยไม่ได้ เนื่องจากที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวบอำนาจทุกอย่างมาอยู่ที่ตัวเองคนเดียว แต่โควิดกลับระบาดรุนแรงถึง 3 ครั้ง
การระบาดครั้งแรก ที่สถานบันเทิงทองหล่อและสนามมวยลุมพินี ครั้งที่สอง เป็นการระบาดจากบ่อนการพนันที่ระยอง พร้อมมีแรงงานเถื่อนทะลักตามแนวชายแดน แล้วมาถึงครั้งที่สามเกิดจากสถานบันเทิงทองหล่ออีกครั้ง ทั้งหมดนี้เกิดจากพล.อ.ประยุทธ์ บริหารผิดพลาดซ้ำซาก แต่ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย แล้วยังจะมีหน้ามายกย่องกันอีกหรือ อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ ตนอยากเห็นวุฒิภาวะการเป็นผู้นำ ที่มีความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา เพราะประเทศต้องการนายกฯ ที่ทุ่มเทเสียสละด้วยการกระทำ ไม่ใช่เอาแต่พูดอย่างเดียว
ลั่นโควิดคลี่คลาย24เม.ย.ลุยต่อ
นายจตุพรยังระบุว่า วันนี้คนไทยได้รับผลกระทบจากความเสียหาย บ้านเมืองเกิดหายนะมีการทุจริตโกงกินเต็มบ้านเต็มเมือง ดังนั้น เมื่อโควิดคลี่คลายนับแต่ 24เม.ย.นี้ไป คณะสามัคคีประชาชนจะมีกิจกรรมกันอีก แต่หากโควิดยังไม่คลี่คลาย ก็จะใช้ช่องทางสื่อสารกับประชาชน โดยจะชี้ถึงความเสียหายที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นนับแต่เกิดการระบาดของโควิดภายใต้การรวบอำนาจและหน่วยงานบังคับบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์
ยิ่งหน่วยงานรัฐบาลให้ข่าวในลักษณะที่ทำให้คนตื่นกลัว โดยทั้ง3รอบนั้นไม่ควรเกิดเลย ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องกล้ารับผิดชอบสูงสุด อย่าเอาแต่ประโยชน์ทางการเมืองฝ่ายเดียวทั้งที่ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ยิ่งพล.อ.ประยุทธ์ ทำงานหาความสำเร็จสักเรื่องแทบไม่มี รวมทั้งไม่เคยทำตามคำมั่นสัญญาด้วย แถมด้อยประสิทธิภาพ หย่อนยาน ปล่อยให้เกิดทุจริตเต็มบ้านเมืองอีก”นายจตุพร กล่าว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ประชาชนต้องสามัคคีกันแม้เป็นสิ่งที่ยากที่สุดแต่ถ้าประชาชนไม่สามัคคีกันแล้ว จะต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้โดยเฉพาะการแก้รธน.ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ในตำแหน่งนายกฯ เพราะต่อให้คนไทยทั้งประเทศ เซ็นชื่อเป็นล้านคน หากวุฒิสภาไม่ออกเสียง84เสียงให้ก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ ตนเห็นด้วยการเรียกร้องทุกข้อแต่วันนี้พล.อ.ประยุทธ์คือปัญหาของชาติ
จี้ให้ปล่อย‘กวิ้น-รุ้ง‘สู่อิสรภาพ
ทั้งนี้ นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่าส่วนการคนหนุ่มสาวอดอาหารอยู่ในเรือนจำนั้น คนหนุ่มสาวจิตใจเข้มแข็ง เรือนจำต้องเฝ้าทุกวินาที หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด จะทำให้เหตุการณ์ข้างนอกเรือนจำลุกเป็นไฟได้ สิ่งที่คนหนุ่มสาว 2 คน แสดงให้เห็นด้วยความเด็ดเดี่ยวนั้น ตนหวังว่าพวกเขาต้องได้รับการประกันตัว เพราะเขาเป็นคนไทย เป็นอนาคตของบ้านเมือง แต่คนที่เป็นแม่ จะทนทุกข์ทรมานมากกับการอดข้าวของลูก จึงหวังว่าใต้สถานการณ์นี้ เราคงช่วยผ่อนคลายบรรยากาศ คนที่กระเหี้ยนกระหือรือไม่ให้ปล่อยตัวนั้น ควรส่งเสียงพอกันได้แล้ว หวังว่าควรให้พวกเขาได้ประกันตัว การคุมขังควรเพียงพอได้แล้ว
นอกจากนี้ นายจตุพรกล่าวต่อว่า คนต้องรับผิดชอบหลัก กับการอดอาหารของคนหนุ่มสาวนั้นคือพล.อ.ประยุทธ์ ที่พูดจน ทำให้คนหลงเชื่อว่า ไม่เอาความผิด ม.112 และทำให้สถาบันฯ ได้รับผลกระทบสูงสุด ดังนั้น คนหนุ่มสาวควรได้รับการประกันตัว สิ่งสำคัญที่สุด คือความรู้สึกของสังคมควรมีจิตใจเมตตาต่อกัน ตนจึงหวังว่าเขาควรได้รับอิสรภาพในเวลาไม่นานนี้ ใต้สถานการณ์แบบนี้ เราควรมีหัวใจให้แก่กัน ขอให้เปิดพื้นที่การแสดงความเห็นแตกต่างได้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ บริหารความแตกต่างไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
ไทยไม่ทนฯวอน‘กวิ้น’เลิกอดข้าว
ด้าน นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 แกนนำ กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย กล่าวถึงการเรียกร้องให้ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎรผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯตามความผิดมาตรา112 มาตรา116เลิกอดอาหาร หยุดอดข้าวประท้วงว่า อยากให้ เพนกวิน หยุดทำร้ายตัวเองด้วยการอดข้าว ขอให้รักษาชีวิตไว้ก่อน เพื่อต่อสู้ตามอุดมการณ์ในอนาคต เพราะอายุยังน้อย การต่อสู้ยังอีกยาวไกล ไม่สมควรที่จะมาเสียสละชีวิตในตอนนี้ โดยตกหลุมพรางการใช้ไอโอ ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยบอกว่าจะไม่ใช่ ม.112 แต่ปัจจุบันกลับมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย การแจ้งความในฐานความผิดตามม.112นั้น ควรเป็นหน้าที่การพิจารณาของอัยการสูงสุดกับ สำนักพระราชวัง ไม่ใช่ ใครจะเป็นผู้เสียหายไปแจ้งความว่าใครมีความผิดตาม ม.112ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนเสียหายกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นภาระของกระบวนการยุติธรรม แต่ พล.อ.ประยุทธ์กลับลอยตัวอยู่เหนือปัญหา
“ในอดีตถึงปัจจุบันมีคนที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่ออุดมการณ์มีเยอะแล้วแม้กระทั่งลูกชายของลุงเอง ที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการรสช.แต่จะต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าว่ามีน้ำหนักที่จะต้องเสียสละชีวิตมากน้อยแค่ไหน เพราะเพนกวิน อาจจะต้องเป็นแกนนำของบ้านเมืองในอนาคต ในขณะที่ลุง เป็นไม้ใกล้ฝั่งอีกไม่นาน ก็จะเป็นอดีตไปแล้ว จึงได้แต่อ้อนวอนลูกหลานว่าอย่าเอาชีวิตมาแลกแบบนี้เลยให้เอาชีวิตของลุงไปจะดีกว่าที่จะเอาอนาคตของชาติไปก่อนวัยอันควร”นายอดุลย์ กล่าว
‘แรมโบ้’สวนกลับ‘หญิงหน่อย’
ขณะที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้กรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊กบอกว่านายก ไร้ประสิทธิภาพบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19และวัคซีนและขอให้หยุดโทษประชาชนต้องกลับไปทบทวนการทำงานตัวเอง
โดยยืนยันว่านายกฯไม่เคยกล่าวโทษใครไม่เคยมีคำกล่าวคำไหนโทษประชาชนคุณหญิงสุดารัตน์เอาจากไหนมาพูด นายกฯพูดเสมอว่า การที่จะให้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดลดลงได้นั้น การแก้ไขปัญหานอกจากเป็นหน้าที่ของนายกฯ รัฐบาลแล้ว จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งประชาชนรวมถึงบรรดานักการเมืองฝ่ายค้านด้วย ที่ต้องออกมาช่วยกันไม่ใช่คอยแต่จะทิ่มตำซ้ำเติมจ้องโจมตีทำลายล้างกันโดยไม่สนใจจะแก้ไขปัญหาช่วยกัน
ส่วนการจัดหาวัคซีน นายกฯและรัฐบาลได้พยายาม เร่งจัดหาอย่างเต็มที่ นำวัคซีนที่มีอยู่ให้เข้าถึงประชาชนให้เร็วที่สุด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ และก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมซึ่งในเดือนมิถุนายนจะมีวัคซีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 6-10 ล้านโด๊ส ทั้งนี้นายกฯได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีนรวมถึงการหาวัคซีนเพิ่มเติมแล้วและยังเร่งสั่งให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง
หัดทำประโยชน์เพื่อชาติ-ปชช.บ้าง
นายเสกสกลเห็นว่า คุณหญิงสุดารัตน์ควรมีข้อเสนอแนะต่างๆที่ดีเข้ามาช่วยรัฐบาลแต่บางเรื่องสิ่งที่คุณหญิงสุดารัตน์มีความเป็นห่วงนั้นนายกฯทราบปัญหาทุกอย่างและทำอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหา เพราะนายกฯให้ความสำคัญกับประชาชนไม่เหมือนบรรดานักการเมืองโดยเฉพาะฝ่ายค้านหรืออาจรวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ พรรคไทยสร้างไทยที่มีแต่เรียงหน้าออกพูดกล่าวโจมตี ไม่ให้กำลังใจการทำงานนายกฯรัฐบาล หรือแม้แต่บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่เคยหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ กล่าวหาตลอดเพื่อหวังผลทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบจิตใจของบุคลากรที่ทำงานทุ่มเทอย่างหนัก
“ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ก็เป็นถึงอดีต รมว.สาธารณสุข ต้องยิ่งออกมาช่วยเหลือประเทศช่วยกัน ไม่ใช่ ใช้ปากพูดอย่างเดียว อะไรที่สามารถลงมือทำได้ ก็ขอให้ลงมือทำบ้าง อย่าพูดกล่าวโทษคนอื่นไปเรื่อย ตั้งพรรคใหม่แล้ว ทำเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชนบ้าง เผื่อว่าในการเลือกตั้งที่จะถึงประชาชนอาจจะให้ความไว้วางใจได้เข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯ การติติง นายกฯและรัฐบาล ไม่ได้ห้าม แต่การกล่าวหาใส่ความทุกเรื่อง ทั้งที่นานาประเทศชื่นชมการแก้ปัญหาโควิดของรัฐบาลไทย แต่นักการเมืองอย่างคุณหญิงและทีมงานจ้องแต่จะซ้ำเติมไม่เคยเห็นว่ารัฐบาลทำดีอะไรในสายตาคุณหญิงเลยสักนิด อย่างนี้จะไม่ให้ตนต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงได้อย่างไร เพราะบางเรื่องไม่เอาความจริงมาพูด ดีแต่กล่าวหาใส่ความเพื่อให้ประชาชนเกลียดชังนายกฯและรัฐบาล อย่างนี้ถือเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ได้หรือไม่”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี