ลุ้นรับสามพันห้านาน3เดือน
คนละครึ่งเฟส3
ตั้งเป้าเยียวยา30ล้านคน
คลังยันชัดเจนพฤษภาคม
คลังยันจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ในเดือนพฤษภาคมนี้ คาดอัดฉีด 3,500 บาทเข้าเป๋าตัง เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชน 30 ล้านคน
เมื่อวันที่ 22เมษายน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการเราชนะว่า รัฐบาลไม่ได้มีการเปิดรับสมัครลงทะเบียนเพิ่ม โดยครม.นั้นได้เคยมีมติอนุมัติจำนวนกลุ่มเป้าหมายแล้วประมาณ 31.1 ล้านคน แต่เนื่องจากจำนวนผู้มีสิทธิที่เข้าร่วมโครงการจริงมีมากกว่าที่ประมาณการไว้ แยกเป็นผู้ได้รับสิทธิตามโครงการแล้ว 33.1263 ล้านคน, ผู้ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบคัดกรอง ประมาณ 86,000 คน และผู้ต้องการความช่วยเหลือ/ผู้ที่อยู่ระหว่างการทบทวนสิทธิประมาณ 284,000 คน
ดังนั้น ครม.จึงมีมติเห็นชอบให้ขยายกลุ่มเป้าหมายโครงการเราชนะให้เป็นประมาณ 33.5 ล้านคนเนื่องจากมีผู้รับสิทธิสูงกว่ากรอบเดิมที่วางไว้ กระทรวงการคลังจึงได้ขออนุมัติจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมมาใช้ให้สอดคล้องกับจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น โดยกระทรวงการคลังไม่ได้มีการเปิดรับสมัครลงทะเบียนเพิ่มในโครงการเราชนะแต่อย่างใด นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบขยายระยะเวลาที่ประชาชนผู้ได้รับสิทธิสามารถใช้จ่ายได้ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2564 จากเดิมที่ใช้จ่ายได้ไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 และให้กระทรวงการคลังพิจารณาผลการทบทวนสิทธิให้เสร็จสิ้นภายใน 13 พ.ค. 64 ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การออกแบบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในลักษณะโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ได้รับการยืนยันจากผู้บริหารกระทรวงการคลัง ว่า จะมีข้อสรุปที่ความชัดเจนในช่วงเดือนพฤษภาคม โดยรูปแบบการใช้จ่ายใกล้เคียงก็โครงการคนละครึ่งในเฟส 1 และ 2 แต่จะมีการเพิ่มเติมรายละเอียดโครงการ อาทิ การขยายสิทธิให้ร้านค้าในภาคบริการ เช่น ร้านทำผม ร้านนวด เป็นต้น เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ หลังจากที่ในเฟส 1 และ 2 มีเพียงร้านขายสินค้าและอาหารเท่านั้น จะเอาสิ่งที่มันบกพร่องมาปรับปรุงให้มันดีขึ้น หรืออะไรที่ยังไม่ครอบคลุมก็จะทำให้ครอบคลุม เช่น รอบนี้เรามีข้อมูลจากบริการก็อาจจะรวมเข้าไปด้วย เพราะคนละครึ่งเฟสแรกมีเพียงข้อมูลการซื้อสินค้า เป็นต้น
โดยที่ทำโครงการเราชนะ ก็มีภาคบบริการเข้ามาแล้ว ก็จะดูผลของภาคบริการด้วย โดยตอนนี้ได้ให้กรุงไทยไปรวบรวมข้อมูลภาคบริการแล้ว ว่ามีส่วนใดบ้าง นอกจากนี้ยังจะทำการปรับปรุงเพื่อลดช่องว่างในเรื่องของการป้องกันร้านค้าและผู้ใช้งานทุจริตในโครงการ” แหล่งข่าวระบุ
สำหรับรายละเอียดโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่ชัดเจนอื่นๆ เช่น การลงทะเบียนใหม่ และระยะเวลาดำเนินโครงการนั้น จะต้องรอหารือในระดับนโยบาย ส่วนจำนวนผู้เข้าร่วมจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 15 ล้านคน หรือจะขยายจำนวนถึง 30 ล้านคนเท่ากับโครงการเราชนะ หรือไม่ และวงเงินที่จะให้ใช้จ่ายที่เท่ากับโครงการที่ผ่านมา 3,500 บาท นั้นต้องดูเรื่องงบประมาณว่าจะมีเพียงพอหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะนำมาจาก เงินกู้ ใน พระราชกำหนด 1ล้านล้านบาท ส่วนวงเงินที่จะให้เบื้องต้น คาดว่าจะไม่ได้ให้ 500 บาท เหมือนเฟส 2 ซึ่งอาจจะน้อยเกินไป แต่หากจะให้รายละ 3,000-3,500 บาท นาน 3 เดือน ก็ต้องดูว่ามีเงินเหลือพอหรือไม่ ซึ่งตอนนี้เงินกู้จาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในส่วนวงเงินเยียวยา 5.5 แสนล้านบาท ใช้ไปเกือบหมดแล้ว จึงเหลือวงเงินในส่วนฟื้นฟูอีกประมาณ 2.4แสนล้านบาท ที่จะนำมาใช้ได้ ก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบายว่าจะจ่ายเท่าไหร่ จึงจะเหมาะสม พ.ร.ก.กู้เงิน 1ล้านล้านบาท
ขณะนี้ในส่วนของแผนเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดเต็มวงเงินแล้ว 5.5แสนล้านบาท ก็อาจจะมีการพิจารณาใช้วงเงินจากก้อนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ยังมีวงเงินเหลืออยู่ 2แสนล้านบาท ส่วนก้อนที่ใช้สำหรับสาธารณะสุข ใช้ไป 1.5 พันกว่าล้านบาท จากกรอบเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท สาเหตุที่พิจารณาจะออกโครงการคนละครึ่งเฟส 3 เนื่องจากโมเมนต์ตัมในเรื่องของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โครงการคนละครึ่ง เป็นโครงการที่ช่วยเหลือทุกภาคส่วน และผู้ประกอบการรายเล็กจริงๆ ที่มีเกือบ 2 ล้านราย ซึ่งรวมภาคบริการที่เพิ่งเข้าร่วมในโครงการเราชนะ นอกจากประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการรายเล็กแล้ว เรายังช่วยกัน ทุกท่านช่วยกันออกเงินครึ่งหนึ่ง และ รัฐก็ออกอีกครึ่งหนึ่ง เป็นเรื่องของความร่วมมือกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี