“ปลัดมท.”สั่งผู้ว่าทั่วประเทศยึดข้อกำหนด ‘ศบค.’ กำชับเข้มควบคุมแคมป์ก่อสร้าง-แรงงานขั้นสูงสุด ลุยตรวจเชิงรุกชุมชนค้นหาคลัสเตอร์ ส่วน ‘4จชต.’ งดเดินทางข้าม-ออกนอกพื้นที่
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการและประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ส่งหนังสือถึงปลัดกทม. และผู้ว่าฯทุกจังหวัด ลงวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีเนื้อหาสรุปว่า ศูนยบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ขอให้กทม. และจังหวัดดำเนินการตาม 1.ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่25) ลงวันที่26มิ.ย.64 มีผลวันที่ 28 มิ.ย 64 และ2.คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่6/2564 เรื่องพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อกำหนด มาตรา9ฯ ลงวันที่26มิ.ย. กำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์เป็น “พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” 10 จังหวัด อย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ศบค.มท. ขอให้กทม. และจังหวัดดำเนินการ สร้างการรับรู้ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา9 แห่งพระราชกำหนดดังกล่าว แก่ผู้ประกอบการพนักงาน ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทุกระดับ สำหรับกทม. และจังหวัดปริมณฑล ให้หารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อกทม. หรือจังหวัด ดำเนินการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของกลุ่มแรงงาน และเขตชุมชน ตามข้อกำหนดฯ ฉบับที่25 โดย 1.แรงงานก่อสร้าง พิจารณาปิดสถานที่ก่อสร้าง ปิดสถานที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับคนงานให้หยุดงานก่อสร้าง และห้ามเดินทางเคลื่อนย้ายชั่วคราว โดยประสานงานกับฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำทะเบียน วางระบบตรวจตราเฝ้าระวังไม่ให้แรงงานออกนอกพื้นที่ที่ถูกปิดอย่างเด็ดขาด โดยให้มีการประเมิน ติดตาม และรายงานผลการปฏิบัติด้วย 2.กลุ่มแรงงานในสถานประกอบการและโรงงาน ให้หารือกับหน่วยงานของกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข วางระบบมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ(Bubble and Seal) กำกับ หรือจำกัดการเคลื่อนย้ายเดินทางเข้าออกเขตพื้นที่สถานประกอบการ หรือโรงงาน
3.เขตขุมชน วางระบบเข้าไปตรวจตราชุมชน ตลาด หรือสถานที่ที่ได้ประเมินแล้วว่า มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค เข้าตรวจคัดกรองเชิงรุก และเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางสาธารณสุข กรณีพบแหล่งระบาดของโรคเป็นกลุ่มก้อน ให้ดำเนินการควบคุมโรคอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด 4.จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา) เน้นย้ำมาตรการตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ หรือจุดสกัด เพื่อตรวจคัดกรองการเดินทางอย่างเข้มข้น เพื่อสกัดกั้น ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด รวมถึงทำความเข้าใจประชาชนในพื้นที่ ห้ามเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดและออกนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ กรณีมีเหตุจำเป็นต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ ต้องแสดงบัตรประชาชน ควบคู่กับเอกสารรับรองความจำเป็นที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ โดยดำเนินการตามหลักเกณฑ์การตรวจคัดกรอง
หนังสือสั่งการของปลัดมท. ระบุต่อด้วยว่า ขณะที่จังหวัดอื่นๆ ให้วางระบบและมาตรการคัดกรองโรค ติดตาม ค้นหา และคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าหมู่บ้านและชุมชนทุกราย กรณีพบผู้ที่เดินทางมาพื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ควบคุมและป้องกันโรคโดยการคุมไว้ ณ ที่สังเกต ที่พำนัก เป็นระยะเวลา 14 วัน และให้งดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆอกหมู่บ้านชุมชนเด็ดขาด หากพบเชื้อให้แยกกัก หรือกักกันตามมาตรการที่กำหนด และให้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ที่เดินทางเข้าหมู่บ้านชุมชน เพื่อรวบรวมข้อมูลเข้าระบบต่อไป นอกจากนี้ให้ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการในพื้นที่ไม่ให้รับแรงงานต่างด้าวที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เข้าทำงานในสถานประกอบการ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และอาจต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป