วันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ความอิจฉาริษยา อคติคงกินเซลล์สมองจนเกินเยียวยาแล้ว ลุงตู่จะทำอะไรก็จะด่าทุกเรื่อง ไม่ว่าทำอะไรก็ผิดหมด จะบอกว่าคนพวกนี้โง่ ชั่ว หรือบ้า หรือทุกอย่างรวมกัน

เขาเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวแบบ Sandbox คือให้เที่ยวอยู่ในพื้นที่ 14 วัน ตรวจเช็คให้มั่นใจ จึงให้ไปเที่ยวที่อื่นได้ ก็บอกว่ากรุงเทพกำลังย่ำแย่ เปิดภูเก็ตได้ไง

มันเกี่ยวกันไหมล่ะ กรุงเทพไม่พร้อม แต่ภูเก็ตนั้น เขาเตรียมพร้อมแล้ว ด้วยการฉีดวัคซีนให้คนทั้งเกาะ และคำว่า sandbox ก็คือเขาตีกรอบให้อยูในภูเก็ต 14 วัน

นายกฯไปต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ภูเก็ตก็ด่าว่าคนกรุงเทพกำลังย่ำแย่ ไปทำไมภูเก็ต จะต้องอยู่กรุงเทพตลอดเลยหรือ นายกฯของประเทศนะ ไม่ใช่ของกรุงเทพ

ถ้าหากอยู่แต่ในกรุงเทพก็คงจะด่าว่าคนต่างจังหวัดบางจังหวัดจะตายอยู่แล้ว ทำไมไม่ออกไปดูบ้าง เชื่อเถอะ ถ้าไม่ออกต่างจังหวัดเลย ก็จะด่าแบบนี้

เราค่อยๆแง้มแต่ละพื้นที่ ด้วยการเตรียมพร้อมและกำหนดมาตรการในการควบคุม ใช้ภูเก็ตเป็นต้นแบบ ถ้าหากสำเร็จ ก็จะเปิดอีกหลาย Sabdbox เศรษฐกิจก็จะฟื้น

จะรอให้ COVID เป็นศูนย์ แล้วเปิดประเทศ คงไม่มีทางที่จะเปิดได้ เราก็ต้องค่อยๆเปิด ค่อยๆทำ ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจกับสุขภาพ เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง

การที่มีคนมาเห่าหอนใน clubhouse ในตอนนี้ เขาคงมองออกว่าเราน่าจะฟื้นตัวได้จากการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และทยอยเปิด sandbox จนเปิดประเทศได้เกือบทั้งหมด ฟื้นเศรษฐกิจได้

ไล่พลเอกประยุทธ์ให้ออกไป แล้วเสนอตัวเข้ามาทำแทน คนไม่ได้ทำ ดีแต่ปาก จะพูดจะด่าอะไรก็ได้ แต่หลายอย่างที่พูดสวนทางกับความจริงทั้งนั้น แต่สาวกก็ยกยอชื่นชม

อะไรที่ทำแล้ว ศัตรูตำหนิและเรียกร้องให้เลิกทำนั้น เขาให้เชื่อได้เลยว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง ศัตรูกลัวจะสำเร็จจึงด่า ดังนั้นจงทำต่อไป อย่าฟังเสียงหมาเห่า

เราต้องช่วยกันให้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวได้ โดยจะต้องมีมาตรการที่ดูแลความปลอดภัย ทั้งของคนไทยและนักท่องเที่ยวที่เข้ามา

อย่าเอาแต่คิดว่าจะเปิดประเทศไม่ได้ แต่เราควรจะคิดว่าเราจะต้องทำอะไรให้ประเทศสามารถเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

ช่วยกันค่ะ เราจะต้องชนะนะคะ

คนที่มือไม่พาย เก็บเท้าไว้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งใช้มันเลยค่ะ.