1.ในระบบราชการของข้าราชการพลเรือนโดยปกติจะมีระบบบำเหน็จบำนาญอยู่สองแบบ คือ พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 และที่แก้ไขเพิ่มเติมกับพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539และที่แก้ไขเพิ่มเติมส่วนกรุงเทพมหานครเองก็มีระบบเทียบเคียงกับของข้าราชการพลเรือน โดยเฉพาะพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2516 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
2.กรุงเทพมหานครได้จัดตั้งสำนักงานกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานครเพื่อรับผิดชอบในการดำเนินการจ่ายบำเหน็จบำนาญให้ข้าราชการกรุงเทพมหานคร
3.ปรากฏว่าในการตรวจสอบการเงินของกรุงเทพมหานคร สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินพบว่า กองทุนฯ ได้รับเงินสมทบจากกรุงเทพมหานครในอัตราร้อยละ 3 ของงบประมาณรายได้ประจำปีงบประมาณและได้รับจัดสรรเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งเมื่อนำไปจ่ายเป็นบำเหน็จบำนาญแล้ว ทำให้ยอดเงินรับสมทบกองทุนฯ เหลืออีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นเงินที่จัดสรรให้เกินกว่าการใช้จ่ายสำหรับบำเหน็จบำนาญ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจึงได้แจ้งให้สำนักงานกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร พิจารณาหาข้อยุติว่า กองทุนฯ จะต้องส่งเงินเหลือจ่ายดังกล่าวพร้อมดอกผลคืนให้กรุงเทพมหานครหรือไม่
4.สำนักงานกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร พิจารณาจึงหารือกระทรวงมหาดไทย 2 ประเด็น คือ กรณีเงินสมทบเพื่อจ่ายบำเหน็จบำนาญไม่เพียงพอต่อการจ่าย กรุงเทพมหานครก็จะจัดสรรเงินเพิ่มเติมให้ถือเป็นการจ่ายขาด เช่นเดียวกับเงินสมทบตามมาตรา 4 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2516 หรือไม่ และกรณีมีเงินจัดสรรเพิ่มแต่ละปีเหลือจ่าย จะต้องนำส่งคืนหรือไม่ อย่างไร
5.คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วมีความเห็นโดยสรุปว่า
1) มาตรา 4 วรรคสอง แห่งพ.ร.บ.กองทุนฯ 2516 แก้ไขเพิ่มเติม (พ.ศ.2559) กำหนดว่า หากปีงบประมาณใดเงินที่ กทม. หักงบประมาณรายได้ประจำปีตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงมาสมทบเข้าเป็นเงินกองทุนไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายสำหรับบำเหน็จบำนาญ ก็ให้กทม.จัดสรรเงินงบประมาณเพื่อเพิ่มเติมให้เพียงพอกับการใช้จ่ายสำหรับบำเหน็จบำนาญที่ยังขาดอยู่ในปีนั้น
2) เจตนารมณ์ในการแก้ไขพ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญฯ พ.ศ.2516 เมื่อปี 2559 นั้นก็เพื่อให้กทม.จัดสรรเงินงบประมาณเพิ่มเติมให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายสำหรับบำเหน็จบำนาญที่ยังขาดอยู่ในปีงบประมาณนั้นเท่าที่เกิดขึ้นจริง(ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 437/2559)
3) ดังนั้นเงินที่กองทุนฯ ได้รับจัดสรรตามมาตรา 4วรรคสองดังกล่าว หากมีเงินคงเหลือจึงต้องส่งคืนกทม.
6.สรุปแล้ว โดยหลักกองทุนฯ ต้องคืนเงินจัดสรรส่วนที่เหลือให้กทม. แต่อาจจะขอให้กทม.ออกข้อบัญญัติกำหนดเกี่ยวกับเงินคงเหลือว่าไม่ต้องส่งคืน แต่ให้นำไปรวมกับเงินที่กทม.จะจัดสรรให้ในปีงบประมาณถัดไปก็ได้(มติของคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย (คณะที่ 1) ครั้งที่ 26/2564วันที่ 16 มิ.ย. 2564)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี