หนาวมาเยือน“ศรีสุวรรณ” บุก ยุติธรรม จี้ขยายผลสอบ 152 “องค์กรทิพย์” ร่วมกันจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลปีละ 350 ล้านบาท ด้าน “ธนกฤต” ระบุเกี่ยวพันงบประมาณรัฐ ส่งไม้ต่อ“ดีเอสไอ” สอบลากขึ้นเขียงเชือด
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ที่กระทรวงยุติธรรม (ตึกใหม่) ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบองค์กรผู้บริโภค 152 องค์กร ร่วมกันจัดตั้งเป็นสภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อขอรับเงินสนับสนุนงบประมาณแผ่นดินจากรัฐบาล 350 ล้านบาท ว่ามีคุณลักษณะ เป็นไปตามกฎหมายกำหนดหรือไม่ โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เป็นผู้รับมอบแทน
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า จากข้อสงสัยการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคดังกล่าว พบว่ามีบางองค์กรอาจถูกจัดตั้งขึ้นมาลอยๆ เพื่อให้ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด คือ ต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 150 องค์กรขึ้นไป จึงจะสามารถรวมตัวกันจัดตั้งได้ ทั้งนี้ จากการสุ่มตรวจสอบองค์กรผู้บริโภคตามบัญชีรายชื่อที่สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี ประ กาศในระดับจังหวัด ก็พบว่าองค์กรผู้บริโภคที่แจ้งไว้กับทางราช การนั้น ชาวบ้านในบางพื้นที่ไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อเลย และเมื่อตรวจสอบเชิงลึกโดยการพูดคุยกับผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้าน ก็พบว่าหลายองค์กรไม่มีที่ตั้งตามที่แจ้งไว้ หรือไม่มีการทำกิจกรรมตามที่จดแจ้งแต่อย่างใด
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ซ้ำร้ายกว่านั้นที่อยู่ที่จดแจ้งในทะเบียนราษฎร์ไม่มีเลขที่ในสาระบบเลย บางองค์กรไม่มีที่ตั้ง และไม่มีคนที่อ้างว่าเป็นประธานเครือข่ายอยู่ในพื้นที่เลย อาจถือได้ว่ามีคุณ ลักษณะไม่เป็นไปตาม มาตรา6 ประกอบ มาตรา 5 ของกฎหมาย จึงได้ทำบันทึกถ่ายรูป อัดคลิปเสียงของผู้ให้ข้อมูล และนำหลักฐานทั้งหมดมามอบให้กระทรวงยุติธรรม เพื่อขยายผลสอบ 152 องค์กรต่อไป
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ตาม ม.5 แห่ง พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริ โภค พ.ศ. 2562 กำหนดไว้ว่า การที่จะใช้สิทธิเข้าชื่อกันเพื่อเป็นผู้เริ่มก่อการในการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคได้นั้น องค์กรผู้บริโภคนั้นๆ จะต้องดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภค "เป็นที่ประจักษ์" มาแล้ว ไม่น้อยกว่า 2 ปีตามที่กฎหมายกำหนด แต่เมื่อมีการสุ่มตรวจบางองค์กรก็พบความจริงว่ากว่า 16 องค์กร ไม่มีคุณสมบัติตามที่กฎ หมายกำหนดแต่อย่างใด และไม่ได้ทำกิจกรรมเชิงประ จักษ์ ดังนั้น จึงเชื่อว่าอีก 136 องค์กรที่เหลือ ก็อาจมีลักษณะเดียว กันกับที่สุ่มตรวจก็ได้ ซึ่งเชื่อว่ากระทรวงยุติธรรมมีศักยภาพในการตรวจสอบทุกองค์กรได้
“หากการสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า องค์กรใดไม่มีคุณสมบัติหรือคุณ ลักษณะตามที่กฎหมายบัญญัติ ผู้ที่ร่วมจัดตั้งและผู้ที่เข้าชื่อเสนอนายทะเบียนย่อมเข้าข่ายแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ตาม กฎหมายอาญา มาตรา 137 ที่บัญญัติไว้ความว่า ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชา ชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
นายศรีสุวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาคมฯ จึงนำความมาร้องเรียนต่อกระทรวงยุติ ธรรม เพื่อเอาผิดบุคคลและหรือองค์กรผู้บริโภคนั้นๆ และถือเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคที่ผ่านมาไม่สมบูรณ์อาจถือเป็น “โมฆะ” ตามกฎหมาย การทำนิติกรรมใดๆ ขององค์กรดังกล่าวย่อมเป็นโมฆะและจะกระทำมิได้ด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 12 ต.ค.63 เคยได้ยื่นเรื่องร้องให้ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบองค์กรผู้บริโภคที่ขอจัดตั้งสภาองค์กรผู้บริโภคดังกล่าว ว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ และขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า เบื้องต้น กระทรวงยุติธรรม รับเรื่องไว้ตรวจสอบการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคดังกล่าวและหน่วยงานต่างๆ ว่าใช้เอกสารจดแจ้งอย่างไรและปฏิบัติตามข้อกฎหมายหรือไม่ โดยมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพราะเกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี