ศาลอาญาวางแนวพิจารณาคำร้องปิดเว็บ จัดไต่สวนใน 7 วัน ให้โอกาสคัดค้าน

ศาลอาญาวางแนวพิจารณาคำร้องปิดเว็บ จัดไต่สวนใน 7 วัน ให้โอกาสคัดค้าน

วันจันทร์ ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2564, 11.50 น.

ศาลอาญาวางแนวทางพิจารณาการปิดเว็บไซต์ ห่วงความมั่นคง แต่ให้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ พิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ เป็นกรณีรายๆ ไป ส่วนกรณีรุนแรงฉุกเฉิน ศาลสามารถไต่สวนฝ่ายเดียวได้

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2564 นายมุขเมธิน กลั่นนุรักษ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะแผนกคดีค้ามนุษย์ ซึ่งรับมอบหมายจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ให้รับผิดชอบคดียื่นคำร้องขอปิดเว็บไซต์ ระงับการเข้าถึงข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ กล่าวถึงการกำหนดแนวทางมาตรฐานการพิจารณาของศาลอาญา หลังจากมีการยื่นคำร้องสู่ศาลอาญาต่อเนื่อง นับตั้งแต่ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 บังคับใช้ว่า กรณีการยื่นคำร้องของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ DES กับบริษัทวอยซ์ทีวี จำกัด ในคดีหมายเลขแดง พศ.339/2563 ที่ขอให้ปิดทีวีทั้งช่อง ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 35 วรรคสอง เขียนว่า ห้ามรัฐปิดสื่อมวลชนเพื่อริดรอนสิทธิเสรีภาพการนำเสนอข่าวสาร ดังนั้น การสั่งปิดสื่อจึงทำไม่ได้โดยเด็ดขาด ส่วนวิธีการดำเนินกระบวนการพิจารณาเพื่อมีคำสั่งใดๆ เกี่ยวกับคำร้องขอการระงับการเข้าถึงข้อมูลบนเว็บไซต์ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 20 วรรคสี่ ระบุเพียงว่าให้นำวิธีการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาบังคับใช้โดยอนุโลม ดังนั้น เราจึงต้องตีความตัวบทกฎหมายมากำหนดเป็นแนวทางพิจารณาของศาลอาญาให้ชัดเจน ถูกต้องในทางนิติศาสตร์เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกันและสอดคล้องตามหลักสากล


โดยเมื่อวันที่ 10 ก.พ.64 นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา อาศัยอำนาจตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 11 (4) ออก "คำแนะนำอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาว่าด้วยแนวทางการพิจารณาคำร้องขอให้ระงับการเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550  มาตรา 20" เพื่อให้ผู้พิพากษาศาลอาญามีแนวทางในการปฏิบัติและพิจารณาคำร้องอย่างมีประสิทธิภาพ ชัดเจน อาทิ ผู้ร้องต้องแยกคำร้องเป็นรายข้อกล่าวหา แต่ละคำร้องควรมีฐานความผิดเดียว เช่น เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ความผิดฐานเผยแพร่สิ่งลามกอนาจาร หรือการพนัน โดยแต่ละคำร้องอาจขอให้ปิดข้อมูลคอมพิวเตอร์หลายชุด (URL) ก็ได้, ให้มีการไต่สวนโดยการส่งสำเนาให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ถูกกล่าวหาเพื่อให้โอกาสที่จะคัดค้าน หากไม่มีคำคัดค้านก็ให้ไต่สวนฝ่ายเดียวโดยพิจารณาจากเอกสารของผู้ร้องเป็นหลัก คือภาระการพิสูจน์จะอยู่ที่ฝ่ายผู้ร้องจะต้องนำหลักฐานมายืนยันให้ศาลเห็น,

สำหรับเว็บไซต์ให้ข้อมูลข่าวสาร ศาลจะไม่ปิดช่องทางการสื่อสารของสื่อหรือบุคคล การสั่งลบหรือห้ามเผยแพร่จะทำได้เฉพาะข้อความที่ศาลเห็นว่าขัดต่อกฎหมายเป็นรายข้อความและไม่ปิดกั้นการสื่อสารในอนาคต เนื่องจากเนื้อหารัฐธรรมนูญ มาตรา 35 วรรคสอง คุ้มครองสิทธิของสื่อมวลชนในการเสนอข่าวสาร และมาตรา 36 คุ้มครองสิทธิในการสื่อสาร

ส่วนการไต่สวนจะดำเนินการภายใน 7 วันนับจากวันที่ยื่นคำร้อง เพื่อให้สอดคล้องสร้างสมดุลระหว่างความเร็วที่กระทรวง DES ต้องทำหน้าที่การปราบปรามเว็บผิดกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ กับความเป็นธรรมพิจารณาโดยเปิดเผยให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาเข้าสู่การคัดค้าน

ทั้งนี้ แม้เน้นตามหลักการไต่สวน 2 ฝ่าย แต่มีข้อยกเว้นไต่สวนฝ่ายเดียวได้ในเหตุจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วน ตัวอย่างกรณีมีการเสนอข่าวว่าธนาคารแห่งหนึ่งกำลังจะล้ม ให้รีบไปถอนเงิน ขณะที่การยื่นคำคัดค้านจะขอขยายเวลาหรือขอเลื่อนวันไต่สวนได้หากมีเหตุจำเป็น

"ในมุมมองขององค์กรศาลเราเชื่อว่าถ้าประชาชนทุกฝ่ายรู้ว่ามีกระบวนการที่เป็นธรรมต่อเขา ประชาชนจะเชื่อฟังและศรัทธาในกระบวนการทำงานในกระบวนการของรัฐ และสิ่งนี้ในที่สุดแล้วจะสร้างความมั่นคงของรัฐในระยะยาว ยิ่งกว่าการปราบปราม ไม่ใช่เราไม่แคร์ความมั่นคง เราแคร์ความมั่นคง แต่เรามีมุมมองเกี่ยวกับความมั่นคงในอีกมุมหนึ่งด้วยในฐานะที่เป็นองค์กรตุลาการ คือมิติเรื่องความเป็นธรรม ถ้ามีความเป็นธรรมประเทศก็จะมั่นคง ซึ่งก็เป็นภาพที่องค์กรตุลาการทั่วโลกจะมองแบบที่เรามอง คำวินิจฉัยของศาลที่ออกไปในช่วงหลังที่แสดงว่าศาลให้ความสำคัญกับสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่เพราะว่าศาลหยิบยกคุณค่าขึ้นมาตามอำเภอใจ แต่เป็นเพราะรัฐธรรมนูญกำหนดรับรองสิทธินี้ไว้ชัดเจนและกำหนดว่าการที่รัฐจะใช้เหตุผลอื่นๆ รวมทั้งเรื่องความมั่นคงในการจำกัดสิทธินั้นเป็นข้อยกเว้น ดังนั้น ศาลจึงตีความกฎหมายและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ"

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top