‘เต้น-บก.ลายจุด’ได้ทีปลุกมวลชน เตรียมนัดชุมนุมใหญ่อีกแล้ว คราวนี้อ้างครบรอบเหตุการณ์ 15 ปีรัฐประหาร 19 กันยา 49 พร้อมจัดอีเว้นท์ไบค์ม็อบปลุกกระแส หวังปั้นม็อบใหญ่ล้มรัฐบาลให้ได้ พร้อมออกลายชิงออกตัวไม่ได้เป็นแกนนำ แค่มาช่วยทำงานสร้างโมเดลต่อสู้เท่านั้น
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 7 กันยายน 2564 ที่บริเวณแยกอโศกมนตรี ได้มีการนัดจัดชุมนุม ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และได้เริ่มมีมวลชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ทยอยเข้ามาในพื้นที่
โดยนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ได้เดินทางมายังบริเวณพื้นที่ชุมนุมในเวลาประมาณ 16.20 น.เพื่อมาประสานการจัดการพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมชุมนุม และตั้งเวทีปราศรัย และบางส่วนได้ตั้งขบวนรถจักรยานยนต์ พร้อมมีการบีบแตรเพื่อแสดงจุดยืนในการกดดัน และขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเตรียมทำกิจกรรม นำโดยนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อดีตแกนนำนปช. ที่ยังคงจัดกิจกรรมคู่ขนานไปด้วยเช่นกัน
นายสมบัติ ให้สัมภาษณ์ว่า ธีมการจัดกิจกรรมในวันนี้จะเริ่มด้วยคอนเซ็ปต์ของ"ไบค์ม็อบ" (Bike Mob) เป็นมวลชนพื้นฐานของม็อบอโศก ซึ่งตนได้หารือกับนายณัฐวุฒิแล้วว่า กลุ่มที่มาร่วมส่วนใหญ่นอกเหนือจากกลุ่มรถยนต์แล้ว ก็คือกลุ่มจักรยานยนต์ จึงควรจัดกิจกรรมเฉพาะมอเตอร์ไซค์ให้ชัดๆ และเริ่มทำให้เป็นฐานที่มั่นของมอเตอร์ไซค์ นำคนหนุ่มมาไว้ที่นี่ก่อน แล้วค่อยพัฒนาต่อไป สำหรับการชุมนุมใหญ่จะจัดขึ้นช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาก็หล่อเลี้ยงกันไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการสื่อสารปรับกลยุทธ์
“เชื่อว่ากระแสตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนสูงมากแล้ว ประกอบกับความรู้สึกต่อพล.อ.ประยุทธ์ เรียกได้ว่าตึงขาดเลย เพียงแต่สภาพแวดล้อมยังไม่เอื้อ เรากำลังปรับหารูปแบบอยู่ ถ้าไม่ปรับคนก็จะไม่มา ถ้าคนยังกลัวโควิด ก็ต้องปรับรูปแบบให้มีรถเข้ามา ดังนั้นต้องปั้นกระแสให้ได้ ถ้าก่อไม่ติด ก็คือไม่ติด ถ้าไปไม่ได้คงต้องกลับมาทบทวนกัน ถ้าก่อติดก็นำไปสู่ม็อบขนาดใหญ่ คงต้องก่อให้ติดก่อน อย่างน้อย 1 สัปดาห์ที่จะพิสูจน์ว่าจุดติดหรือไม่ ยืนยันว่ายังปักหลักที่แยกอโศกแน่นอน” นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า หากมีการจุดติดแล้ว ก็ต้องมีอีกกลยุทธ์หนึ่ง ตนได้หารือกับนายณัฐวุฒิว่า อาจจะมีการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ที่ตรงกับวันอาทิตย์ ที่จะครบ 15 ปีเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ดังนั้นระหว่างทางที่จะไปถึงวันดังกล่าว ป้อมค่ายที่จะจัดตั้งจะสำเร็จหรือไม่
ต่อมาเวลา 17.10 น. นายณัฐวุฒิ ได้เดินทางมาถึงบริเวณแยกอโศกมนตรี พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เราจะทำกิจกรรมกับกลุ่มมอเตอร์ไซค์ และนำเป็นโมเดล ก่อนประเมินเพื่อที่จะมีการชุมนุมใหญ่ โดยจะให้กลุ่มมอเตอร์ไซค์นำสติ๊กเกอร์ “ไล่ประยุทธ์”กระจายกันไปติดตามสถานที่ต่างๆ โดยมีการกำชับว่าต้องให้มีการสมัครใจของเจ้าของพื้นที่ที่จะไปติดสติ๊กเกอร์ ส่วนพื้นที่สาธารณะ ให้ดูตามความเหมาะสม ขณะที่ภาคเวทียังคงเป็นเวทีสาธารณะสำหรับประชาชน ดังนั้นในช่วงนี้เราจะปรับโมเดลไปตามสถานการณ์เพื่อรองรับการชุมนุมใหญ่ที่จะเกิดขึ้น
“19 ก.ย.นี้ เป็นวันสัญลักษณ์ของการเสียประชาธิปไตย หลังจากวันนั้นคนไทยไม่เคยกลับไปเหมือนเดิม การรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 มีผลสืบเนื่องมาจากรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ดังนั้นเมื่อเวียนมาบรรจบครบวัน ก็จะถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะเชิญชวนพี่น้องประขาชนแสดงพลังครั้งใหญ่ต่อหน้าเผด็จการเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนรูปแบบ เวลา จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้ ผมและนายสมบัติไม่ได้แสดงตัวเป็นแกนนำ แต่มาช่วยกันทำงานเพื่อสร้างโมเดลการต่อสู้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขึ้นปราศรัยเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมนัดมวลชนมารวมตัวกันที่บริเวณแยกอโศกในวันพรุ่งนี้(8ก.ย.) ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป โดยจะไม่มีคาร์ม็อบ ไม่มีขบวนมอเตอร์ไซค์ แต่จะเป็นการชุมนุมอีกรูปแบบหนึ่ง
"การชุมนุมครั้งนี้ผม นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด และคนอื่นๆ จะไม่มีใครประกาศตัวเป็นแกนนำ แต่ผู้นำคือยุคสมัย พลังนำคือคนหนุ่มสาว แต่เราจะเป็นประชาชนที่นำตัวเองมายืนเคียงข้างกันและสู้ด้วยกัน" จากนั้นนายณัฐวุฒิ ประกาศยุติการชุมนุมในเวลาประมาณ 19.10 น.เนื่องจากสายฝนที่ตกลงมาหนัก-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี