26 ต.ค. 2564 เว็บไซต์ นสพ.Daily Mail ของอังกฤษ เสนอรายงานพิเศษ Thailand protests fade but the hardcore battle on กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย ที่รัฐบาลนำโดยนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (Prayut Chan-O-Cha) เผชิญการชุมนุมประท้วงขับไล่ต่อเนื่องยาวนานข้ามปี อย่างไรก็ตาม ระยะหลังๆ ฝ่ายตรงข้าม พล.อ.ประยุทธ์ ที่เคลื่อนไหวอย่างสงบเริ่มลดบทบาทลง แต่มีกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงปรากฏขึ้นแทน
รายงานข่าวเล่าถึงกลุ่ม “ทะลุแก๊ซ (Thalugaz)” ซึ่งมีอาวุธเป็นหนังสติ๊ก พลุไฟ และระเบิดขว้างแบบทำเองที่เรียกกันว่า “ปิงปอง (Ping Pong)” เข้าปะทะกับตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) อยู่บ่อยครั้ง ว่า ทะลุแก๊ซเป็นกลุ่มที่เกิดจากการรวมตัวอย่างหลวมๆ ของฝ่ายต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ สมาชิกส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นอายุ 20 ต้นๆ ที่มีพื้นเพมาจากครอบครัวชนชั้นแรงงาน พวกเขาเรียนรู้การทำระเบิดและนัดรวมตัวผ่านสื่อออนไลน์ สมาชิกกลุ่มวัย 17 ปี รายหนึ่ง เล่าว่า พวกตนรวมกลุ่มกันบริเวณแยก เคลื่อนขบวน ปาระเบิดปิงปอง และถูกตอบโต้จากฝ่ายตำรวจด้วยกระสุนยาง
ชื่อกลุ่มทะลุแก๊ซ มีความหมายในภาษาไทยว่า “ฝ่าแนวแก๊สน้ำตา (breaking through tear gas)” พวกเขามีแนวทางการเคลื่อนไหวที่พร้อมจะตอบโต้หากถูกเจ้าหน้าที่ปราบปราม แตกต่างจากการชุมนุมของนักเรียน-นักศึกษา ที่เน้นการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เช่น การปราศรัย การแสดงศิลปะล้อเลียนการเมือง อย่างไรก็ตาม การชุมนุมในลักษณะนี้ก็ยังถูกปราบปรามจากตำรวจ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ แต่ฝั่งตำรวจก็ยืนยันว่าใช้มาตรการตามหลักสากล
นอกจากแนวทางการเคลื่อนไหวแล้ว เหตุผลในการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ของกลุ่มทะลุแก๊ซ ยังแตกต่างกัน กล่าวคือ ในขณะที่กลุ่มนักเรียน-นักศึกษา มุ่งเน้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปการเมืองรวมถึงประเด็นที่เป็นเรื่องอ่อนไหวของสังคมไทย กลุ่มทะลุแก๊ซขับเน้นประเด็นผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมของคนไทยภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
ผู้ประท้วงที่เข้าร่วมกับกลุ่มทะลุแก๊ซ จำนวนมากเป็นบุตรหลานของพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีรายได้น้อย ครัวเรือนของพวกเขาได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 วัยรุ่นอายุ 18 ปีรายหนึ่ง เล่าว่า ญาติของคนเคยมีรายได้ 3-4 พันบาทต่อวัน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 1-2 พันบาทต่อวัน ส่วนตนเองเดิมมีอู่ซ่อมรถอยู่ที่ จ.สุรินทร์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย วิกฤติโรคระบาดทำให้อู่ต้องปิดตัวลง และต้องเข้ามาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างส่งน้ำแข็งรอบกรุงเทพฯ
รายงานกล่าวต่อไปว่า ชนชั้นล่างในสังคมไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 นอกจากเรื่องเศรษฐกิจแล้วยังรวมถึงเรื่องสุขภาพ เนื่องด้วยพวกเขามักอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการระบาดของโรคอย่างรวดเร็ว นั่นจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ย่าน “ดินแดง (Dun Daeng)” หนึ่งในที่ตั้งของชุมชนของผู้มีรายได้น้อยกลางกรุงเทพฯ ที่อยู่ใกล้กับทั้งอพาร์ตเมนท์หรูและบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จะกลายเป็นพื้นที่ปะทะระหว่างกลุ่มทะลุแก๊ซกับตำรวจ
รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ (Somjai Phagaphasvivat) นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ให้ความเห็นว่า แม้จะเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเหมือนกัน แต่ในประเทศที่ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนกว้างมาก แนวทางที่แสดงออกจึงแตกต่างกันไปตามแต่ละชนชั้น ขณะที่เสียงสะท้อนจากผู้อยู่อาศัยในย่านดินแดง ก็มีทั้งผู้ที่เห็นใจผู้ประท้วงเพราะมองว่าตำรวจใช้ความรุนแรงก่อน และผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวเพราะได้รับผลกระทบจากเสียงดังและความรุนแรง
รายงานจากสื่ออังกฤษทิ้งท้ายว่า ฝ่ายตำรวจเองก็บาดเจ็บจากการปะทะเช่นกัน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่นายหนึ่งถูกยิงเข้าที่ศีรษะอาการสาหัส ถึงกระนั้น กลุ่มทะลุแก๊ซก็ยืนยันจะเคลื่อนไหวต่อไป ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งนั่นหมายถึงชาวดินแดงก็จะต้องนอนไม่หลับยามค่ำคืนต่อไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี