‘ฝ่ายค้าน’ ขอ36ชั่วโมงจัดหนัก ‘รัฐบาลบิ๊กตู่’ ปล่อยของแพงทั้งแผ่นดิน เขย่าวิกฤตการเมือง-เศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565 ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)ว่า ที่ประชุมมีมติยื่นญัตติทั่วไปเพื่อขอเปิดอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามาตรา 152 เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะไปยังรัฐบาล โดยเสนอชื่อร่วมกันเป็น1ญัตติ ใช้เสียงสมาชิกสภาเพียง 1 ใน 10 ของสมาชิกที่มีอยู่แต่ละพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ส่วนเนื้อหาสาระ จะเสนอเป็นภาพกว้างในวิกฤตด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ 1.ปากท้องของประชาชน ปัญหาความเป็นอยู่ในการดำรงชีวิตภาระหนี้สิน เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคแพงทั้งแผ่นดิน 2.โรคโควิดที่ยังระบาดและโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า 3.ภาวะวิกฤตทางด้านการเมือง การปฏิรูปการเมืองการกระจายอำนาจความไม่เป็นธรรมในเรื่องสิทธิทางการเมืองต่างๆ และ4.ประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องที่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในปัจจุบันและกระทบกับการดำเนินชีวิตของประชาชน เช่น กรณีการทุจริตคอร์รัปชั่นเหมืองทองอัครา เรื่องผลกระทบด้านประมงที่เป็นปัญหาอยู่กับไอยูอยู่ และประมงน่านน้ำ โดยจะยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านกำลังดำเนินการในการลงชื่อ
“คาดว่า เมื่อตรวจสอบญัตติแล้วเสร็จ น่าจะมีการบรรจุญัตติภายใน 7 วัน หากเป็นไปได้เราปรารถนาจะอภิปรายประมาณกลางเดือนก.พ. สิ่งที่เราต้องพูดคุยกันคือเรื่องเวลาการอภิปราย พรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกับพรรคฝ่ายรัฐบาลว่า จะขอเวลาเป็นชั่วโมง ไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมง” ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าว
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้จะตั้งคำถาม และข้อเสนอแนะเพื่อให้รัฐบาลเปลี่ยนการทำงานจากเชิงรับเป็นเชิงรุก ในช่วงรอยต่อเศรษฐกิจแบบนี้ จากปัญหาโควิด ส่งผลให้เศรษฐกิจถูกดำเนินไปในลักษณะปิดๆเปิดๆ ถ้ารัฐบาลไม่สามารถทำงานในเชิงรุกได้ การแก้ไขปัญหาจะทำได้ยากมาก ในช่วงที่ของแพงค่าแรงต่ำในรอบ 5 ปีที่ผ่าน ค่าแรงจาก 308 บาท เพิ่มเป็น 330 บาทใช้เวลาภายใน 5 ปี แต่ราคาหมูจาก 160 บาทต่อกิโลกรัม เป็น240บาทต่อกิโลกรัมใช้เวลาเพียงแค่1เดือน
“ช่วงที่พี่น้องประชาชนยากลำบากของแพงทั้งแผ่นดิน แต่เงินเฟ้อเราเดือนนี้อยู่ที่1เปอร์เซ็นต์กว่า แสดงว่า การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถทำงานไปข้างหน้าได้ เพราะการบริหารแบบเช้าชามเย็นชาม ไม่ได้รับรู้ว่า วิกฤตกำลังจะมาในช่วงเศรษฐกิจโลกกำลังปั่นป่วน มีความจำเป็นที่จะต้องทำงานดักปัญหาข้างหน้าให้ได้ ถึงเวลาที่จะต้องรื้อตระกร้าเงินเฟ้อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง” นายพิธา กล่าว
ขณะที่นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เก่งในการสร้างวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยทำให้คนจนลง แล้วค่อยออกนโยบายเกี่ยวกับการแจก ซึ่งรายละเอียดตนมีมากกว่านี้ จะขอนำไปอภิปราย
ส่วนนายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า จากการบริหารงานของรัฐบาล ทำให้สินค้าแพงไปหมด ยกเว้นเพียงแค่ค่าแรงงานกับยาบ้า ในการอภิปรายครั้งนี้ตนจะฉีกหน้ากาก และคำตระบัดสัตย์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยพูดไว้กับประชาชนแต่ทำไม่ได้
- 004
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี