นโยบาย ภท. เคยถูกดูแคลน โฆษณาเกินจริง สมัยพรรคภูมิใจไทย ทำนโยบาย ‘กัญชาเสรี’ ชูหาเสียงเลือกตั้ง ปี2562
เวลาผ่านไป หลายคนตั้งคำถามว่า จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะสำหรับประเทศไทย การถอดสารหรือพืชชนิดใดออกจากบัญชียาเสพติดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
ผนวกกับประชาชนมีบทเรียน เวลาหาเสียงนักการเมืองชอบชูนโยบายเวอร์ๆ แต่ถึงเวลาชนะเลือกตั้ง เข้าไปนั่งเป็นฝ่ายบริหาร เป็นฝ่ายสภา ลืมทุกอย่างที่เคยพูดไว้ ทิ้งนโยบายเหล่านี้เอาไว้กลางทาง
แต่ใครจะไปคิดว่า วันนี้ “หมอหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ผู้เป็นหัวเรือใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย ผลักดันนโยบายกัญชามาถึงฝั่งฝัน เลยอีกไม่กี่ขั้นตอน หลังบ้านประชาชนจะสามารถปลูกต้นกัญชา เพื่อใช้ในเชิงสุขภาพ และเศรษฐกิจได้
“อนุทิน” ทำให้คนไทยได้เห็น ภาพติดลบนักการเมืองเป็นแค่เรื่องเฉพาะตัวบุคคล เฉพาะพรรค เหมาเข่งไม่ได้ โดยเฉพาะกับ “พรรคภูมิใจไทย” เวอร์ชั่นปัจจุบัน เป็นพรรคของคนทำงาน “พูดแล้วทำได้” ไม่ใช่ขายฝัน
จริงจังนโยบายนี้ตั้งแต่เข้าสู่อำนาจ ยื่นเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญในการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล “อนุทิน” ขออาสาดูแลรับผิดชอบกระทรวงหมอ เพื่อสานฝันกัญชาทางการแพทย์ เรื่องที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ในประเทศไทยด้วยตัวเอง
หกล้มคลุกคลาน เจอ “ตอ” มานักต่อนักกว่าจะถึงวันนี้ ตั้งแต่การผลักดันกฎหมายในสภา จนนำมาสู่การบังคับใช้ “พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด 2564” ใบเบิกทางแรกที่ให้ถอด “กัญชา” ออกจากยาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.ปี64
มาต้นปี 2565 “อนุทิน” และคนภูมิใจไทย ยังบู๊ต่อ เพราะเหลือขั้นตอนและ “ด่านหิน” อีกหลายด่าน เข็น (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. ... ฝ่าด่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 และคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ที่มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิระดับบิ๊กๆ อยู่เพียบมาได้
แต่ด่านใหญ่สุดหนีไม่พ้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ บอร์ด ป.ป.ส. ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพราะกรรมการบางคนกังวลเรื่องอนุสัญญาระหว่างประเทศ ที่ก่อนการประชุม 1 วัน “อนุทิน” หยิบเรื่องนี้ไปอธิบายให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ฟังกันกลางห้องประชุม ครม.เมื่อวันที่24 ม.ค.
นโยบายนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ขอนายกฯ ช่วยผลักดัน ข้อกังวลทั้งหมดที่มีกระทรวงสาธารณสุขมีแผนการรองรับไว้หมดแล้ว กระทั่ง นายกฯ ประกาศว่าเรื่องกัญชาต้องสำเร็จเพราะเป็นนโยบายรัฐบาล
เรียกว่า เตรียมตัว ทำการบ้านมาดี จนฝ่าด่านอรหันต์ที่ยากที่สุดมาได้ นโยบายกัญชาของ “พรรคภูมิใจไทย” วันนี้เดินมาไกลกว่าที่หาเสียงเสียอีก เหมือนกับที่ “อนุทิน” บอกหลังร่วมประชุมบอร์ด ป.ป.ส. “ก็ทำหมดแล้ว นี่มันทะลุซอยแล้ว”
แล้วให้หลังประชุมบอร์ด ป.ป.ส.ไม่พ้น 24 ชั่วโมง “อนุทิน” และ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ไม่รอช้า เดินหน้าหวังให้เป็นรูปธรรมเร็วที่สุด ยื่นเสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. .... ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อพิจารณานำเข้าสู่กระบวนการตราเป็นพระราชบัญญัติเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
ถือเป็นด่านสุดท้าย ท้ายสุด เพื่อเป็นการประกาศว่า “กัญชง-กัญชา” ได้พ้นจากความเป็นยาเสพติดแล้ว คนไทยสามารถปลูกใช้ดูแลรักษาสุขภาพได้
“สำหรับประชาชนที่ประสงค์จะปลูกกัญชา เพื่อพึ่งพาตนเอง ด้านสุขภาพ ขอให้ รอ 120 วัน ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ส. กำหนดไว้ ทั้งนี้เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย ว่ากัญชา ยังเป็นยาเสพติดหรือไม่ จะไม่ต้องตีความกันอีกต่อไป เพราะเมื่อครบ 120 วัน แล้ว หลังประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดชื่อยาเสพติด ออกมาแล้ว จะไม่มีการนำกฎหมายยาเสพติดมาใช้กับผู้ปลูกกัญชา เพื่อพึ่งพาตนเอง ได้อีกต่อไป” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้คำมั่นเอาไว้
เป็นการตอกย้ำแบรนด์ “ภูมิใจไทย” ที่ว่า “พูดแล้วทำได้” และ แสดงให้เห็นแล้วว่า เป็นพรรคการเมืองที่พร้อมทำตามสัญญา เพื่อประโยชน์ของประชาชน และเป็นพรรคการเมืองที่รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน พร้อมนำข้อห่วงใย มาหาแนวทางแก้ไข เพื่อให้การปฏิบัติตามนโยบาย ไม่เกิดผลกระทบ ไม่เป็นปัญหาต่อสังคม
นับเป็นมหาโปรเจกต์ใหญ่ที่ “อนุทิน” และ “ภูมิใจไทย” พลิกโฉมการเมืองไทยครั้งสำคัญ ถือว่า สมศักดิ์ศรี เข้ามาแล้วไม่ลืมว่า เคยสัญญากับประชาชนไว้ คอนเซปต์ “พูดแล้วทำ” รอดู120 วันผลลัพธ์ในอนาคตอันใกล้ต่อจากนี้ไป..!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี