ร่อแร่หนัก! เล่นเกมเดือดทำ'สภาล่มอีกแล้ว' เป็นครั้งที่สามของเดือน

ร่อแร่หนัก! เล่นเกมเดือดทำ'สภาล่มอีกแล้ว' เป็นครั้งที่สามของเดือน

วันพฤหัสบดี ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565, 16.00 น.

สภาฯล่มอีกตามเคย! ‘ฝ่ายรัฐบาล’ ฉะ ‘ฝ่ายค้าน’ ขอนับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อ ด้าน ‘เพื่อไทย’ อ้างอยากให้ส.ส.มาทำงานให้ครบ ขณะที่ ‘ปชป.’ สวนกลับ ทำเฉพาะตอนที่พบ ‘เสียงข้างมากลากไป’  ขณะที่”ชวน” เปรียบองค์ประชุมสมัยก่อนนับตัวคน ไม่เหมือนปัจจุบันอยู่ในห้องประชุมแต่ไม่กดบัตร

10ก.พ.2565 เมื่อเวลา14.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ภายหลังที่ประชุมรับทราบประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่อง นโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ 2565 เสร็จสิ้นแล้ว นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า การรับฟังรายงานจำเป็นต้องมีองค์ประชุมอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ดังนั้น ขอตรวจสอบองค์ประชุม


จากนั้นได้นายชวน ได้กดออดเรียกสมาชิกเพื่อตรวจสอบองค์ประชุม แต่นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติขอนับองค์ประชุมแบบขานชื่อ ทำให้นายพิเชษฐ์ ลุกขึ้นแจ้งว่าเมื่อมีญัตติซ้อนขึ้นมาก็น่าจะโหวตว่าเห็นด้วยกับการนับองค์แบบเสียบบัตรหรือขานรายชื่อ นายชวน วินิจฉัยว่ามีการเสนอให้นับองค์ประชุมซึ่งเป็นข้อเสนอเดียวกัน แต่วิธีการต่างกัน จึงจะขอมติที่ประชุมว่าจะเห็นควรให้นับองค์ประชุมด้วยวิธีใด

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล หารือว่า การขอนับองค์ประชุมเวลาแบบนี้เหมาะสมหรือไม่ และถือเป็นญัตติหรือไม่ เพราะเห็นว่า การนับองค์ประชุมไม่ได้เป็นญัตติ ดังนั้น ขอให้ประธานทบทวนคำหารือใหม่และใช้ดุลยพินิจพิจารณา ถ้าเป็นการขอนับองค์ประชุมเพื่อป่วนสภาฯ ตนคิดว่าเป็นการทำลายความมั่นคงของสภาฯผิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายอาญา มาตรา 157

ทำให้นายพิเชษฐ์ ลุกขึ้นประท้วงให้ถอนคำพูด แต่นายนิโรธ ไม่ยอมพร้อมกับสวนกลับว่า ขอนับองค์ประชุมเอาแบบมีมารยาทหน่อยในสภาฯ อย่าจริยธรรมตกต่ำให้มากนัก

นายชวน ชี้แจงว่า เราปฏิบัติมาอย่างนี้จะไปเอาว่าเหมาะสมหรือไม่ ไม่ได้ ถือว่าเป็นสิทธิของสมาชิกที่จะตรวจสอบองค์ประชุม เมื่อเสนอให้ตรวจสอบ ประธานมีหน้าที่ให้ตรวจสอบ และการตัดสินใจของประธานต้องยึดข้อบังคับ ไม่สามารถเอาใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ และขอร้องพวกเราว่ามีสิทธิที่จะกดบัตรแสดงตนหรือไม่แสดงตน แต่โดยหน้าที่ของเราประชาชนเลือกเราเข้ามาทำงาน ฉะนั้น เราต้องร่วมกันทำงาน สภาฯอีก 2-3 สัปดาห์เท่านั้นก็จะปิดสมัยประชุม หากมีทางใดที่เราจะร่วมกันทำงานในวันนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆมารอชี้แจงอยู่

นายพิเชษฐ์ ลุกขึ้นโดยใช้สิทธิถูกนายนิโรธพาดพิง พร้อมกล่าวว่า อยากให้ประธานวิปถอนคำพูดว่าการนับองค์ประชุมผิดรัฐธรรมนูญ ผิดอาญา นายนิโรธ เป็นประธานวิปฯไม่เข้าใจประเพณีของสภาฯหรือไม่ แต่นายชวน ชี้แจงว่า ไม่ต้องถอนคำพูดเพราะไม่ได้กล่าวหาใคร เป็นความเห็นของผู้นั้นโดยเฉพาะ ถูกผิดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และการตรวจสอบองค์ประชุมก็เป็นสิทธิของสมาชิก เมื่อเสนอให้ตรวจสอบก็ต้องอนุญาต ส่วนเหมาะสมหรือไม่ ทุกคนโดยสามัญสำนึกรู้ว่าควรหรือไม่ควร แต่เมื่อเป็นสิทธิต้องยอมให้สิทธิ กระบวนการต้องว่าไปตามกฎเกณฑ์ของการประชุม 
  
อย่างไรก็ตาม สมาชิกของฝั่งรัฐบาลได้พยายามขอร้องให้ผู้เสนอนับองค์ประชุมทั้งสองฝ่าย ถอนญัตติออกไปเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของสภาฯ โดยนายชวน กล่าวเสริมว่า บางครั้งการใช้สิทธิพร่ำเพรื่อของสมาชิกฯจะทำให้สภาฯเสียหาย 
  
ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นมาตำหนิคำพูดของนายชวน โดยระบุว่า บางครั้งประธานฯก็ใช้คำพูด ทำให้ฝ่ายค้านเสียหาย อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พรรคแรกที่ขอนับองค์ประชุมลักษณะเช่นนี้ อดีตพวกตนก็เป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านก็ขอนับองค์ประชุม แต่พวกตนที่เป็นฝ่ายค้านก็ก้มหน้าทำงานและไม่มีพฤติกรรมรุนแรง เช่น ปาข้าวของ ลากเก้าอี้เหมือนฝ่ายค้านในอดีต วันนี้พวกเราไม่ประสงค์จะให้สภาฯล่ม แต่ที่ขอนับองค์ประชุมเพราะต้องการให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมาทำงานให้ครบ  

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ขอใช้สิทธิ์พาดพิง อภิปรายว่า ตนในฐานะที่เคยเป็นฝ่ายค้านมาก่อน เคยขอนับองค์ประชุมก็จริง แต่จะขอนับก็ต่อเมื่อเป็นวาระที่สำคัญ หรือพบว่าเสียงข้างมากไม่ฟังเสียงข้างน้อย เป็นเผด็จการรัฐสภา เสียงข้างมากลากไป ไม่ใช่ขอนับองค์ประชุมแบบพร่ำเพรื่อหรือจ้องแต่จะขอนับองค์ประชุมเพื่อให้สภาฯล่ม

จากนั้น นายชวน กล่าวว่า ตนเป็นผู้นำฝ่ายค้าน 3 สมัย พอจะรู้ดีว่าการใช้สิทธิ์ดังกล่าวเป็นกรณีที่รัฐบาลกลั่นแกล้ง เช่น เขาไม่ให้พูด มีการเสนอปิดอภิปราย ยกมือก็ไม่ให้พูด สมัยนี้ดีไม่มีเลยและสมัยนี้เป็นสมัยที่เราได้อภิปรายทั่วถึงทุกคน ซึ่งไม่เคยปรากฎอย่างนี้มาก่อน เพราะเราถือว่าสภาฯเป็นที่พูด แต่การประท้วง หรือการนับองค์ประชุมนั้น สมัยก่อนก็มีในกรณีที่เห็นว่ารัฐบาลไปกลั่นแกล้งเขา เขายกมือไม่ให้พูด มีคนเสนอปิดอภิปราย

“ไม่ใช่ลักษณะอย่างปัจจุบัน ผมทราบดีเรื่องพวกนี้ เช่นเวลานับองค์ประชุม ผมเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ผมก็นั่งในห้องประชุม เพราะองค์ประชุมสมัยนั้นเขานับตัวคน แต่ปัจจุบันกดบัตร อันนี้คือข้อแตกต่างที่ทำให้บางท่านอยู่ในห้องประชุม บางครั้งห้องประชุมนี้ครบ แต่เนื่องจากสมาชิกบางท่านไม่กดบัตร องค์ประชุมก็เลยไม่ครบ ทั้งที่ความจริงแล้วองค์ประชุมครบ ถ้านับตัวบุคคล อันนี้คือข้อเท็จจริง“ นายชวนกล่าว

นายชวน ยังแจ้งว่า ขอแนะนำให้สมาชิกที่อยู่ในห้องกดบัตรเพื่อจะได้อยู่ห้องประชุม ถ้าเราใช้สิทธิอะไรพร่ำเพรื่อก็จะเสียหายต่อสภาฯ และขณะนี้มีสมาชิก 225 คนแล้ว ตนขอเวลาอีกนิดเดียว ถ้ายังไม่ครบก็ต้องปิดประชุม แต่ไม่อยากให้งานของเราล้มเหลว เพราะยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง งานใดที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองต้องช่วยกัน ที่สุด นายชวน ก็ได้แสดงผลองค์ประชุม ปรากฎมีเพียง  227 เสียง ซึ่งไม่ครบองค์ประชุม 237 เสียง ทำให้นายชวน ต้องสั่งปิดการประชุมในเวลา 15.02 น. นับถือว่าสภาล่มครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ และเป็นการล่มครั้งที่ 17 ของรัฐบาลชุดนี้

-001

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top