"สว.สมชาย"ค้านแนวทางการลดโทษ 1 ใน 3 กรณี 8 ปี ย้อนถามเอาเกณฑ์มาจากไหน หากเป็นนักโทษที่ต้องติดคุก 50 ปี ถึงตลอดชีวิต แต่ได้รับสิทธิลดโทษตามระยะปลอดภัย 8 ปีเหมาะสมหรือไม่ จี้นายกฯสอบจนท.ราชทัณฑ์ พร้อมเสนอควรยึดเกณฑ์การรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เป็นเกณฑ์เดียว หรือกำหนดเวลารับโทษจำคุกมาแล้ว 15 ปี พร้อมจี้สอบจนท.ราชทัณฑ์ใช้ดุลยพินิจกับนักโทษทั่วไป หรือใช้กับบางคนบางกรณีเท่านั้น เผยเท่าที่ทราบพบว่ามีนักโทษบางคดี ที่ศาลพิพากษาจำคุก 100 ปี ในคดีฉ้อโกง ติดคุกจริงเพียง 3 ปีเศษ
13 เม.ย.65 นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการปรับปรุงแนวทางการจัดชั้น เลื่อนชั้นนักโทษ เพื่อให้มีแนวทางที่ชัดเจนต่อการอภัยโทษว่า ในประเด็นมาตรการที่กำหนดให้นักโทษที่จะได้รับอภัยโทษ ไม่ว่าลดโทษหรือ ปล่อยตัว ต้องรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ จำคุกมาแล้ว 8 ปี หรือแล้วแต่ระยะเวลาใดถึงก่อน ตนสงสัยว่า เกณฑ์ 8 ปีนั้นนำมาจากไหน หากเป็นนักโทษที่ต้องติดคุก 50 ปี ถึง ตลอดชีวิต แต่ได้รับสิทธิลดโทษตามระยะปลอดภัย 8 ปีเหมาะสมหรือไม่
อย่างไรก็ดีตนเห็นว่าควรยึดเกณฑ์การรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เป็นเกณฑ์เดียว หรือกำหนดเวลารับโทษจำคุกมาแล้ว 15 ปี ซึ่งกรณีดังกล่าวนั้นตนมีข้อเสนอให้ ส.ส.รับไปพิจารณา คือการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อให้ใช้เป็นเกณฑ์ดำเนินการในอนาคต เนื่องจากส.ว.ไม่สามารถเสนอร่างกฎหมายให้สภาฯ พิจารณาได้
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า สำหรับการให้อภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานั้น ตนยืนยันว่าพระราชกฤษฎีกานั้นไม่ผิด และไม่ต้องแก้ไข แต่ประเด็นที่ควรตรวจสอบคือการใช้ดุลยพินิจ ของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาลดโทษให้กับนักโทษ ที่มีความพิรุธ คือ พิจารณาลดโทษนักโทษ 3 ครั้งในปีเดียว ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หรือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมสามารถสั่งการให้ทุกเรือนจำส่งรายงานการพิจารณาการลดโทษนักโทษที่ได้รับการลดโทษติดต่อกัน 3 ครั้งใน1 ปีให้ตรวจสอบได้ ซึ่งตนเชื่อว่ามีหลักสิบถึงหลักร้อยคนเท่านั้น
“สิ่งที่ต้องตรวจสอบว่าการใช้ดุลยพินิจดังกล่าวใช้กับนักโทษทั่วไป ที่มีกว่า 2-3 แสนคนหรือไม่ หรือใช้กับบางคนบางกรณีเท่านั้น เพราะเท่าที่ทราบพบว่ามีนักโทษบางคดี ที่ศาลพิพากษาจำคุก 100 ปี ในคดีฉ้อโกง ติดคุกจริงเพียง 3 ปีเศษ และล่าสุดได้รับการปล่อยตัวแล้ว ดังนั้นกรณีที่เกิดขึ้นต้องทำให้เป็นตัวอย่างเพื่อป้องกันในอีกหลายกรณีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ให้เกิดการใช้ดุลยพินิจที่ฉ้อฉล หากเรื่องนี้ไม่แก้ไขความผิดพลาด สังคมต้องตั้งคำถามต่อไป และหากไม่แก้สังคมไม่ยอมแน่” นายสมชาย กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีที่สังคมคาใจ แต่ผู้บริหารไม่แก้ไขจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เชื่อว่าจะมีคนดำเนินการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หากพบว่าทุจริต ซึ่งตนไม่ได้กล่าวหา แต่สงสัยว่ากติกาที่ใช้นั้น ใช้กับนักโทษทุกคนหรือไม่ โดยเรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้ว่าในปี 2564 มีนักโทษกี่คนที่กรมราชทัณฑ์ลดโทษให้ 3 ครั้ง เหลือกี่ปี ขณะที่ศาลพิพากษาจำคุกกี่ปี และเปิดเผยต่อสาธารณะ ถ้าทำถูกคือถูก แต่อย่าอ้างว่า พระราชกฤษฎีกาอัยโทษผิด เพราะไม่เกี่ยว แต่ที่ผิดคือ คนเสนอเรื่องและใช้ดุลยพินิจ
“เรื่องนี้ผมมองว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปราการทุจริตแห่งชาิต ควรตั้งอนุไต่สวน เพราะเป็นผู้แทนของรัฐและของประชาชนที่ตรวจสอบคดีจำนำข้าว ที่สร้างความเสียหายให้ประเทศกว่า 5 แสนล้านบาท อีกทั้งป.ป.ช. ได้สร้างมาตรฐานทางจริยธรรมในคดีของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐมาแล้ว ดังนั้นบทบาทของป.ป.ช.สามารถทำได้ ทั้งเรียกเอกสาร ดำเนินคดี ถ้าไม่ทำอาจมีคนยื่นไต่สวนท่านเหมือนกัน” นายสมชาย กล่าว
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี