“เกียรติ” ชี้ งบฯปี66 ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องความเป็นจริง ย้ำไทยเผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งโควิด-19 สงครามยูเครน เงินเฟ้อราคาพลังงานแพง กระทบของแพง แต่โดนทั่วโลกขอสำนักงบฯ ทำแผนใช้งบฯเผื่อรองรับวิกฤต ไม่ใช่แผนปกติ จวกกระทรวงพลังงานเอื้อกลุ่มทุนบวกราคากลั่นสิงคโปร์ ได้กำไรปีละ3 หมื่นล้าน สอนงานสำนักงบฯ ใส่งบฯกลาง 5.9 แสนล้าน ใช้แก้ฉุกเฉินได้จริงแค่ 9.2 หมื่นล้าน ที่เหลืองบฯผูกพันสวัสดิการ
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 นายเกียรติ สิทธิอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ตอนหนึ่งว่า ตนเห็นว่า ต้องผ่านงบฯให้ เพราะเป็นเรื่องของประชาชน แต่ต้องปรับปรุงให้ดีกว่านี้ ในชั้นกรรมาธิการ ดูรายละเอียดแล้วมีหลายกรณียังปรับได้ ปัญหาของประเทศไทยวันนี้ ไม่ได้ต่างกับหลายประเทศทั่วโลก ที่เจอปัญหาวิกฤติซ้อนวิกฤต วิกฤตแรกคือโควิด-19 เกิดปลายปี 62 ทำให้การลงทุนหาย ท่องเที่ยวหด คนตกงานพุ่งข้นเร็ว ซ้ำมาเจอ วิกฤตสงครามยูเครน รับผลกระทบทั้งน้ำมันแพง ก๊าซแพง ค่าไฟแพง ขนส่งแพง และของแพง เสียหายอีก 250,000 ล้านบาท ทั้งภาคส่งออก การลงทุน การค้าระหว่างประเทศ 250,000 ล้าน ทำให้เกิดวิกฤตพลังงานโลก ตามด้วยราคาสินค้าพุ่งซ้ำซ้อน วัตถุดิบขาดแคลน เหล็กแพง ปู๋ยแพง ตามด้วยวิกฤตอาหารขาดแคลนในโลก แล้วยังวิกฤตสงครามเงินเฟ้อที่ทั้งโลกเจอเหมือนกันหมดเลย พูดง่ายๆ เงินที่มีอยู่ในกระเป๋า มันลดค่าลง ซ้ำของก็แพงขึ้นไปอีก วิกฤตทั้งหมดนี้มันเป็นทุกข์ที่แสนสาหัสของประชาชน เป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของประเทศไทย และทั่วโลกที่เจอเหมือนกัน
“ แต่การจัดทำเอกสารงบประมาณขอวเรา ไม่สอดคล้องกับสภาวะความเป็นจริง ทั่วโลกปรับลด GDP ของไทยทั้งหมด การทำงบช่วงวิกฤตต้องเผื่อว่าวิกฤตนี้ จบเร็ว จบช้า ใช้เวลาระยะยาวหรือไม่ ต้องวางแผนการใช้เงินงบประมาณเผื่อรองรับกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด และหวังว่า มันจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเราเผื่อไว้กับกรณีที่ดีที่สุด แต่มันเกิดเลวร้ายกว่า นี่เราเสี่ยงมาก จึงต้องวางแผนทำงบประมาณที่ดีต้องเผื่อกับกรณีที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อน ภาคส่งออกป็นพระเอก เป็นเครื่องยนต์เดียวที่เดินเต็มสูบ นอกนั้นยังเหนื่อย ส่งออกจะเห็นตัวเลขปี 64 เริ่มบวกขึ้นมา 18.9% และปี 65 นี่คาดการณ์ว่าจะบวกอีก 3.5% ต้องถือว่าตัวนี้เป็นตัวชูโรงให้ประเทศไทย ราคาพืชเกษตร ข้าวโพด ปาล์ม ราคาดี สูงกว่าประกันรายได้เป็นผลงาน แต่ของแพงก็ต้องคุม เช่น เมื่อวานภรรยาตนไปจ่ายตลาดเจอปีกไก่สดราคา กิโลกรัมละ300 บาท ขายในตลาดทั่วไปอันนี้ต้องไปดู ต้องไม่ให้ชาวบ้านถูกเอาเปรียบ แล้วก็ต้องดูแล หรือค่าไฟฟ้าก็ขึ้น 62% ค่า FT อย่างเดียว แก๊สโซฮอล์ไปไกลเลยขึ้น 60% ดีเซลถ้าขึ้นไปถึง 35 บาท เท่ากับขึ้นไป25% ปุ๋ยเคมีขึ้นไป 300% ขณะที่ราคาน้ำมัน รัฐบาลสามารถแก้ปัญหานี้ได้ดีกว่านี้ วันนี้เรายังอ้างอิงตัวเลขของกระทรวงพลังงาน ยึดค่าการกลั่นที่สูงกว่าสิงคโปร์ 20% โดยบวกค่าเดินทางมาประเทศไทย ทั้งที่กลั่นในบ้านเราเองบริษัทค้าน้ำมัน เจ้าของโครงการได้เต็มๆ 30,000กว่าล้านต่อปี ถามว่าทำไมรัฐบาลถึงปล่อยให้เกิดขึ้น ทั้งที่ธุรกิจนี้เปรียบเทียบได้ ถ้าปรับได้เรายังลดราคาพลังงานได้อีกบิตรละ3-4 บาท อน่าซ้ำเติมประชาชนไปกว่านี้เลยราคาโรงกลั่น ท่านทราบไหมว่า กำไรของบริษัทพลังงานแห่งชาติพุ่ง 250,000 ล้านบาท ปี 62 170,000 ล้านบาท ปี 63 370,000 ล้านบาท แต่เงินส่งเข้าคลังแค่ 38,000 ล้านบาท 29,000 ล้านบาท 24,000 ล้านบาทตามลำดับ ส่วนในปีหน้าทราบมาว่า จะมีการส่งเงินเข้าคลังเพียง 19,000 ล้านบาท สำนักรัฐวิสาหกิจต้องกลับไปตรวจสอบให้ดี ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด โรงกลั่นมีกำไรสูงเกินเหตุ กำไรของบริษัทสูงเกินเหตุ แต่เงินส่งเข้าคลังนิดเดียว เรื่องนี้ต้องกลับไปทบทวน อันนี้ทุกข์ของประชาชน โดนซ้ำเติม น้ำมันแพงส่วนหนึ่งเพราะบริหารตรงที่ไม่ดี จึงต้องไปจัดงบประมาณใหม่ในส่วนที่เป็นปากท้องของประชาชนดูแลประชาชนก่อนเรื่องอื่นๆ ขอให้ประชาชนอยู่ได้ก่อน อยู่รอดก่อน” นายเกียรติ กล่าว
นายเกียรติ กล่าวต่อว่า การจัดงบประมาณ ไม่มียุทธศาสตร์เฉพาะในการแก้วิกฤตปัญหา งบกลางทั้งหมด5.9แสนล้านเศษ แต่กลับใช้แก้ปัญหาฉุกเฉินได้ 92,000 ล้านเท่านั้น และมี 3,000 ล้านบาทใช้เยียวยาโควิด ที่เหลืออีก 10 รายการ ล้วนเป็นงบฯผูกพันหมดเลย ส่วนใหญ่คือ สวัสดิการ ทำไมไม่โยกสิ่งเหล่านี้ไปอยู่งบทั่วไป เอามาอยู่ในงบฉุกเฉินทำไม และทุกปีจะมีรายงานการใช้งบฯกลาง แต่รายงานฉบับนี้ กลับไม่มีรายงานการใช้งบกลางเลย เจ้าหน้าที่ของสำนักงบประมาณก็ยอมรับว่า ไม่ถูกต้อง จึงขอให้ปรับปรุง ในปีถัดไปต้องมีรายงานการใช้งบกลาง เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะขัดรัฐธรรมนูญ อีกเรื่องที่สำคัญคือ กรมอุทยานฯ ในสัวกัดกระทรวงทรัพยากรฯและสิ่งแวดล้อม ที่ท่านเขียนในวิสัยทัศน์ในหนังสืองบประมาณว่า เพิ่มพื้นป่าอนุรักษ์ 25% ภายในปี 69 เป้าหมายดี แต่ปัญหาอยู่ที่วิธีปฏิบัติของท่าน เพราะท่านใช้งบประมาณนี้อิงกับจำนวนไร่ที่ท่านคุ้มครอง ปัญหาเกิดขึ้นเพราะท่านไม่ปรับแผนที่ของท่าน ท่านมีแต่เพิ่มพื้นที่อนุรักษ์ ประกาศพื้นที่อนุรักษ์ ครม.ปีที่แล้ว ทั้งปีมีกี่รายการเข้ามาหลายครั้ง แต่ทำไมเวลาที่ สปก.ประกาศพื้นที่เป็นที่ดิน สปก.ท่านไม่ปรับแผนที่ท่าน และท่านเอาแผนที่ของท่านที่ไม่มีการปรับปรุงไปไล่ฟ้องประชาชนในคดีอาญา ไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยผู้ตรวจการแผ่นดิน ทั้งที่นายกฯมีบัญชาแล้ว ให้ทำตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ยังไม่ทำอีก ท่านในฐานะประธาน คทช. จึงขอเตือนว่าชาวบ้านกำลังจะฟ้องอาญาท่าน และการเอาความผิดอาญาไปข่มขู่พี่น้องประชาชนมีความผิดสองเด้ง ติดคุกหนักกว่า แค่เตือนใจไว้นิดนึง เพราะประชาชนเขาเริ่มทนไม่ไหวแล้ว กรมอุทยานฯท่านอย่าเพิ่งให้เขาดำเนินการใดๆจนกว่าแผนที่ฉบับ one map ทำเสร็จ คดีที่ไปฟ้องชาวบ้าน ไปถอนซะ หรือจำหน่ายคดีไปก่อน ชาวบ้านเป็นทุกข์พอแล้วทุกข์จากวิกฤตเศรษฐกิจทุกข์พอแล้ว อย่าเอาคดีอาญาไปฟาดเขาอีก
“ปัญหาหนี้นอกระบบ รัฐบาลจะเอาไงดีจริงๆ ผมสนับสนุนท่านออก พรก.เลย ถ้าใครที่อยู่นอกระบบ ไม่มาอยู่ในระบบถือว่ามีความผิดเลย แล้วหนี้ที่มีอยู่ก็ไม่ต้องจ่าย เอาแบบนี้ไหม ผมเอาด้วยทรัฐบาลถ้าทำ แก้หนี้นอกระบบภายในเวลาไม่กี่เดือน จะแก้ได้หมดเลย สำหรับเงินนอกงบประมาณ มันมีทั้งเล่มเลย ตารางเยอะมากเลย แต่คำอธิบายแทบไม่มีเลยว่ามันมาจากไหน ยังไง ใช้ยังไงตามกฎหมายมันบังคับว่า เป็นอย่างไรและทำไมบางกรณี ไปเอางบกลางไปโยงกับงบนอกประมาณ โอนถ่ายกันไปกลับไปกลับมา แต่กลับไม่มีคำอธิบาย ท่านช่วยอธิบายหน่อย ตอนนี้มันไปเกือบ 5 ล้านล้านแล้ว สูงกว่างบประมาณทั้งปีเลย ของงบประมาณของประเทศ สุดท้ายเมื่อเงินมีน้อย แต่ท่านทำไมไม่คิดนโยบายที่ใช้เงินน้อยๆ ที่จะได้ผลเยอะๆ วิธีการมี ทำได้ ถ้าท่านอยากทราบเมื่อมีเวลานั่งคุยกันได้” นายเกียรติ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี