“หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน”ปลุกพลังเงียบคนสุรินทร์ปักป้ายต้านนักการเมืองโกงกินแผ่นดินคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 ที่อาคารศาลาบ้านหนองบัว ต.หนองบัว อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ นายอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย นางนิตยา นาโล ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันภาคอีสาน และประชาชน ร่วมกับ นายสมชาย เพ็งประสิทธิพงศ์ นายก. อบต.หนองบัว นายบุญเกิด พิเลิศ สารวัตรกำนันตำบลหนองบัว อบต.หนองบัว นำนักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เปิด"หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน" ตามแนวทางของ “แรมโบ้” นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ที่ต้องการให้ประชาชนที่อยู่ตามหมู่บ้าน และ ชนบท มาร่วมกันแสดงพลังในการเปิด “หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน” ไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์และจุดยืนสำหรับผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามสโลแกนที่ว่า เราจะอยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี
นายอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย กล่าวถึงนักการเมืองที่โกงกินแผ่นดินและมีความคิดจาบจ้วงหวังล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์พวกคุณอย่าคิดเนรคุณแผ่นดิน เพราะบาปกรรมจะตามสนองบั้นปลายชีวิตก็จะไม่มีแผ่นดินอยู่ต้องไปจบชีวิตลงต่างประเทศเหมือนกับหลายๆ คนที่คิดทรยศแผ่นดิน ต่อพระมหากษัตริย์ซึ่งท่านเปรียบเสมือน “เทวดาเดินดิน” ที่ทำให้พวกเรามีอยู่มีกิน ร่มเย็น มาจนถึงทุกวันนี้ก็ด้วยเพราะบารมีใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร พวกเราปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพระบารมี ฟื้นฟูปฐพีไทย หยาดทิพย์ชโลมแผ่นดิน ไม่มีก้อนดินใดในผืนดินนี้ที่น้ำพระหฤทัยของพระองค์กษัตริย์ไทยทุกพระองค์ไปไม่ถึง พวกตนจึงขอประกาศ “อยู่อย่างจงรัก ขอตายอย่างภักดี” ไปตามจุดต่างๆ ในการเปิดหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน
นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ถ้าหากประเทศไทยไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วจะเกิดอะไรขึ้น นักการเมืองและข้าราชการประจำจะไม่เห็นหัวประชาชน สถาบันเป็นด่านสุดท้ายที่ไม่ทรงยอมโปรดเกล้านักการเมืองเลวหรือลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าข้าราชการเลว ๆ แม้จะไม่ได้ทรงใช้พระราชอำนาจพิเศษ เหล่านี้มากนัก แต่ก็เป็นด่านสำคัญที่นักการเมืองและข้าราชการเกรงกลัว การร้องทุกข์ของราษฎรคือการถวายฎีกา แต่หลายกรณีก็ได้รับพระมหากรุณาปัดเป่าทรงช่วยเหลือ ข้าราชการที่ดีและนักการเมืองน้ำดีก็มีกำลังใจในการทำงาน อย่างน้อยก็รู้ว่าฟ้ามีตา สวรรค์มีใจ และทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ในพระเนตรพระกรรณ เพราะถ้าหากไม่มีสถาบันซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติก็อาจนำมาสู่ปัญหานักการเมืองที่จะทะเลาะเบาะแว้งจนไม่มีใครฟังใคร ประชาชนจะถูกยุยงปลุกปั่นให้ออกมาทะเลาะกันรุนแรงเพื่อผลประโยชน์แต่ละฝ่าย โดยไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครฟังใคร บ้านเมืองจะวุ่นวายมากขึ้น เพราะขาดผู้ที่มีบารมีพอที่ทุกคนเต็มใจรับฟัง ดีไม่ดีอาจก่อให้เกิดสงครามกลางเมือง และที่สำคัญประชาชนจะเคว้งคว้าง ขาดศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจ ความคิดในการเสียสละและทำเพื่อบ้านเมืองจะลดน้อยลง
“ประเทศไทยอาจจะแตกแยกแบ่งออก ไทยเหนือ ไทยใต้ ต่างชาติจะเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย แผ่นดินไทยจะร้อนระอุไม่ได้แตกต่างจากหลาย ๆ ประเทศที่สิ้นชาติ หรือแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ประเทศ แน่นอนว่าชาติมหาอำนาจย่อมหวังเข้ามาแทรกแซงและอีกหลาย ๆ ประเทศเมื่อสิ้นสถาบันแล้วประเทศมหาอำนาจก็จะเข้ามาครอบงำ ทำให้ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของชาติมหาอำนาจซึ่งพวกเราคงไม่มีวันยอม”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี