ตร.ลุยค้น7จุดพื้นที่ปราจีนบุรี
ล่าพ่อรมช.ศึกษา
คดีรุกป่า-ไร้วี่แวว‘สุนทร วิลาวัลย์’
‘ก้าวไกล’ชี้ผิดจริยธรรมชัดเจน
จี้‘บิ๊กตู่’ปรับ‘กนกวรรณ’พ้นครม.
พท.ดอง7สส.‘งูเห่า’ยังไม่กล้าขับ
หนักใจซักฟอกคนทรยศเพิ่มขึ้น
บุกค้น 5 จุด จ.ปราจีนบุรี ล่า “สุนทร วิลาวัลย์” นายก อบจ.ปราจีนบุรี พ่อรมช.ศึกษาฯ คดีรุกป่าเขาใหญ่ คาดไหวตัวทัน ชิงหนีออกนอกพื้นที่ไปไม่นาน “ก้าวไกล” ตามเหน็บใกล้จะหมดอายุความ เจาะยาง “กนกวรรณ-นิพนธ์” จี้“บิ๊กตู่”ปรับพ้นครม.ทันที ด้าน“เพื่อไทย” ยังไม่ขับ 7 งูเห่าเชื่อหลังกันยายนคงลาออกไปอีก หนักใจศึกซักฟอกงูเห่าอาจขยายพันธุ์เพิ่มมากกว่าเดิม นายกฯเตือนสติผู้ชุมนุมโดยเฉพาะเยาวชนให้คิดถึง
‘อนาคต-พ่อแม่’ ชี้ไม่ใช่เวลาก่อความวุ่นวาย สร้างความเดือดร้อน แต่ควรร่วมมือฟื้นฟูบ้านเมือง
เมื่อวันที่ 12มิถุนายน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) สั่งการให้ ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และ ตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 5 จุด ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เพื่อตามจับกุมตัว นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ที่ จ.33/2565 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ข้อหา “สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ รักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล” ซึ่งเป็น บิดาของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใน จ.ปราจีนบุรี พื้นที่กว่า 150ไร่ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
โดยเป้าหมายสำคัญในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ อยู่ที่บ้านเลขที่ 21/1 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี บ้านพักของ นางกนกวรรณ บุตรสาว,บ้านเลขที่43 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี สำนักงานของนายสุนทร, โรงแรมบางปะกง เลขที่41 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี และ บ้านพักของนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งในพื้นที่ เบื้องต้นจากการเข้าตรวจค้นและตรวจสอบ ยังไม่พบตัวนายสุนทร คาดว่าไหวตัวทัน ชิงหลบหนีออกจากพื้นที่ไปได้ไม่นาน
ก.ก.จี้”บิ๊กตู่”ปรับคณะรัฐมนตรี
ที่พรรคก้าวไกล นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลปรับครม งกรณี 2 รัฐมนตรีจากพรรคร่วมถูก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ชี้มูลความผิด นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมว.ศึกษาธิการ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กรณีออกโฉนดที่ดินในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทยและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กรณีไม่อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าซ่อมรถบำรุงทางอเนกประสงค์ให้แก่บริษัทเอกชน ในสมัยดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
“ แม้ทั้งสองกรณี ยังไม่มีคำตัดสินของศาลที่เป็นคำสั่งถึงที่สุด แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำก็ควรจะตระหนักและคิดได้ เพราะในช่วงการปฏิวัติและยึดอำนาจได้พูดเสมอว่าเราเข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลงและปราบการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ใคร หรือบุคคลใดต้องมาคอยย้ำเตือน ว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยพูดไว้เป็นเพียงลมปาก “นายกรุณพล ระบุ
ไม่ปรับ2รมต.เจอโดนซักฟอกแน่
เมื่อถามว่า หากไม่ปรับ ครม.จะภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีตรีทั้ง 2คนที่ถูก ปปช.ชี้มูลหรือไม่ นายกรุณพล กล่าวว่า แน่นอน เพราะผิดธรรมาภิบาลและจริยธรรมของนักการเมืองอยู่แล้ว เพราะรัฐมนตรีทั้ง 2คน ถูก ปปช.ชี้มูลแล้ว อย่างกรณี นางปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เองก็ยังไม่ถูกศาลตัดสินแต่ก็ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปเรียบร้อยแล้ว เวลาที่รัฐบาลนี้ควรจะสร้างธรรมาภิบาลที่ถูกต้องให้กับสังคมได้แล้ว
“อยากเรียกร้องไปยังพรรคภูมิใจไทย(ภท.)และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในเมื่อทั้งสองพรรคเป็นสถาบันทางการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสถาบันการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศนี้และเคยพูดเสมอว่า การเป็นสถาบันการเมืองจำเป็นจะต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าประชาชนธรรมดาต้องมีจริยธรรมที่มากกว่า ฉะนั้นเคสนี้จะเป็นการวัดจริยธรรมของพรรคประชาธิปัตย์ว่า สิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ ส่วนพรรคภูมิใจไทยคดีนี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้อย่างชัดเจน และผมก็ขอเรียกร้องด้วย สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเหลือเวลาอีกแค่ 1วัน ที่คดีจะหมดอายุความ นายกฯอบจ.ที่ยังดำรงอยู่คงตามตัวได้ไม่ยาก ขนาดน้องๆนักเคลื่อนไหวที่คดีความเบาบางตำรวจยังตามไปอุ้มถึงบ้าน ถึงโรงแรม แต่ในเคสนี้เป็นการเอาทรัพยากรของประเทศไปเป็นของตัวเองและคดีความกำลังจะหมดอายุความ อย่าให้ประชาชน ตั้งคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมในประเทศนี้มากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ เป็นอัยการ คดีความอายุความ 20ปี ปล่อยไปจนเหลืออีกแค่เพียง 1 วัน จะหมดอายุความแล้วค่อยมาแถลงข่าว คำถามนี้ควรต้องถูกตรวจสอบจากฝั่งรัฐบาลและหน่วยงานที่อำนวยความยุติธรรมของประเทศนี้” นายกรุณพล กล่าว
ไม่มีใครมาติวศึกซักฟอก
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์จนถึงตอนนี้ฝ่ายได้รับการติดต่อถึงการอภิปรายไม่ไว้วาง อย่างเช่น การขอเอาชื่อ รัฐมนตรีคนนี้ออกจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ข้อมูลการซักฟอกรัฐมนตรี เป็นต้น ว่า ไม่มี ระดับตนไม่มี ส่วนคนอื่นตนไม่ทราบ แต่เราทำงานกันเป็นทีม ไม่ได้มีใครคนใดคนนึงตัดสิน ซึ่งตอนนี้ในส่วนของรายชื่อ รัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่วางใจมีแต่คนจะให้เพิ่มชื่อเข้ามา แต่เราดูแล้วหลักฐานข้อมูลไม่ได้แน่นขนาดนั้น
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ที่ตัวผู้อภิปราย ซึ่งในญัตติจะเป็นกล่าวหาแบบรวมๆ เช่น ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริต กระทำฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม แต่ รายละเอียดในประเด็นที่กล่าวหาอยู่ที่ตัวผู้อภิปรายฉะนั้นเราไม่ได้ห่วงถึงเรื่องการล้วงข้อมูลเท่าไหร่ ถ้าตัวผู้อภิปรายไม่ปล่อยเองก็ไม่มีใครปล่อย
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยอภิปรายไม่ไว้วางใจเน้นเรื่องอะไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเราเน้นทุกกรอบที่เราได้กำหนดไว้ แต่ในแต่ละคนจะเจาะลึกในแต่ละประเด็นไป ส่วนตนจะเป็นคนเปิดญัตติ พูดภาพกว้างชี้ให้เห็นว่าเรากล่าวหาเขาด้วยเรื่องอะไร ซึ่งอาจจะมีการอภิปรายประกอบเจาะลึกหรือในบางเรื่องบางประเด็นที่จำเป็นต้องอภิปรายก็จะอภิปรายไปเลย
อัด”กนกวรรณ-นิพนธ์”โยงบิ๊กตู่
เมื่อถามว่าจะเพิ่มรายชื่อนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กรณีออกโฉนดที่ดินในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีการไม่อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าซ่อมรถบำรุงทางอเนกประสงค์ให้แก่บริษัท เอกชน ในสมัยดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลักระหว่างอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ ถ้าอะไรที่อยู่ในหน้าที่ของแต่ละฝ่ายแล้วเราจะไม่ก้าวล่วงซึ่งกันและกัน เช่น ถ้าเป็นคดีที่อยู่ในศาลอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว โดยหลักการแบ่งแยกอำนาจแล้วเราจะไม่ก้าวล่วงเข้าไป อย่างป.ป.ช. ก็ถือเป็นกึ่งยุติธรรม ถ้าเราตีความว่านี่ก็อยู่ในกระบวนการ ยุติธรรมแล้วเราก็ไม่ควรจะก้าวล่วง และคำว่าไม่ควรคือเป็นหลักการในการแบ่งแยกการปกครอง ซึ่งถ้าอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้วก็ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรม ดำเนินการไป นี่ก็เป็นหลักที่เรายึด ถามว่ารัฐมนตรีที่ถูกป.ป.ช.ชี้ขึ้นศาลไปแล้วจะนำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ โดยหลักแล้วไม่
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แต่สามารถนำข้อมูลไปอภิปราย ตัวคนที่กำกับดูแลเขาได้ ฐานปล่อยปละละเลยและไม่ดำเนินการอะไร ปล่อยให้มีลักษณะที่เกิดขึ้น อันนี้ได้ ซึ่งเราจะไม่อภิปรายผู้นั่นโดยตรง เช่น อภิปรายนายกฯได้ แต่ตัวรัฐมนตรีที่ถูกชี้แล้วไม่ได้
‘เพื่อไทย’ดองงูเห่ายังไม่กล้าขับ
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า หลังจากผลโหวตรับร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2566 วาระรับหลักการ เสร็จสิ้นลง มี7ส.ส.พรรคเพื่อไทย โหวตสวนมติพรรค โดยทางพรรคมอบให้คณะกรรมการวินัยจริยธรรม เชิญส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรค มาชี้แจงครั้งแรกวันที่ 13มิ.ย.เพื่อสอบถามสาเหตุ แต่ล่าสุด ทางพรรคเพื่อไทย จะไม่เร่งกระบวนการสอบสวน และส่งให้กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคลงมติขับออกจากพรรคในเร็ววัน จะไม่นำเรื่องการไม่โหวตตามมติพรรค มาเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหา เนื่องจากรัฐธรรมนูญให้เอกสิทธิ์ส.ส.ในการลงมติ การขับออก จะไม่ทำให้เสร็จโดยเร็ว จะเป็นการเข้าทาง กลุ่มส.ส.ที่ต้องการจะย้ายออกจากพรรค หากโดนขับออกสามารถหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดได้ใน30วันตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่จะใช้วิธีการพิจารณา สอบสวน การทยอยเรียกมาชี้แจงให้ยาวนานที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้กลุ่มส.ส.ดังกล่าว หาพรรคสังกัดใหม่ได้ทันเวลาตามที่กฎหมายกำหนด
ห่วงลูกพรรคตีจากไปอีก
หากมีการยุบสภา ส.ส.จะต้องหาพรรคสังกัดใหม่ ภายใน30วัน แต่ถ้าหากรัฐบาลอยู่ครบวาระ ส.ส.ต้องหาพรรคสังกัดภายใน 90 วัน ขณะเดียวกัน พรรคไม่สามารถใช้ข้ออ้าง การไม่โหวตตามมติพรรคมาเป็นสาเหตุในการขับออกไปได้ เพราะรัฐธรรมนูญให้เอกสิทธิ์คุ้มครองส.ส.แต่ถึงแม้ทางพรรค จะไม่เร่งรัดกระบวนการสอบสวน ลงมติเพื่อขับออกในเร็ววันนั้น แต่ก็เชื่อว่า ในทางการเมือง ส.ส.ที่จะไม่ร่วมงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย อาจจะแก้เกม โดยเลือกใช้วิธี หากพ้นเดือนกันยายนไปแล้ว พรรคเพื่อไทย ยังไม่ขับออก จะขอลาออกจากส.ส.เพื่อไปสมัครเป็นสมาชิกกับพรรคการเมืองใหม่ ให้สังกัดพรรคใหม่ให้มีคุณสมบัติครบถ้วน มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งหน้า นอกจากนี้ตามกฎหมายระบุว่า ก่อนรัฐบาลครบวาระ6เดือน ถ้ามีส.ส.เขต ลาออก ไม่ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่
มีรายงานอีกว่า สิ่งที่ทางพรรคเพื่อไทยมีความหวั่นใจ ในการลงมติช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา151 ในเดือนกรกฎาคม อาจจะมี ส.ส.ที่ยังไม่เคยแสดงตัว แต่มีสัญญาใจกับพรรคการเมืองอื่น จะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติพรรคเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้าย ในรัฐบาลประยุทธ์ หลังจากนั้นไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกแนวทางยุบสภาฯ หรือ อยู่ครบวาระ ตามรัฐธรรมนูญ จะเหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ จึงทำให้ส.ส.ที่คิดจะย้ายพรรค กล้าแสดงตัว เปิดเผยเจตจำนงทางการเมืองมากขึ้น
จับกุมม็อบยึดพลุระเบิด8นัด
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงเหตุการณ์การชุมนุมที่บริเวณแยกดินแดงเมื่อวานที่ผ่านมาว่า ช่วงเวลา 18.00น.พบกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ประมาณ 30-40 คน เข้าพื้นที่แยกดินแดง โดยบางคนแสดงพฤติกรรมยั่วยุตำรวจที่ตั้งแนวดูแลความสงบในพื้นที่และเวลาประมาณ 19.00น.กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบบางคน ได้ขว้างปาสิ่งของและปาประทัดยั่วยุเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลา 21.55น.ตำรวจได้เข้ากระชับพื้นที่และควบคุมเหตุการณ์กลับสู่ความสงบได้ในเวลาประมาณ22.45น.เบื้องต้น ตำรวจควบคุมผู้ก่อเหตุกระผิดซึ่งหน้าได้ 1ราย พร้อมของกลางพลุ 8นัด และพบเสื้อที่พิมพ์ลาย ข้อความบอกถึงกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มหนึ่ง แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นผู้ก่อเหตุเผารถยนต์กระบะตราโล่ของตำรวจเสียหาย 2 คัน โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนและพิสูจน์ทราบตัวบุคคที่ก่อเหตุการณ์ความวุ่นวายอีกหลายคนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เผยที่ผ่านมาจับกุมแล้ว842คดี
โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่าสำหรับการดูแลสถานการณ์ในวันนี้ เบื้องต้นจะมีการชุมนุม 7 กลุ่ม อาทิ กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 16.30 น. กลุ่ม We Volunteer (WEVO) บริเวณสะพานลอยหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด เวลา 17.00 น. กลุ่ม 14 ขุนพลคนของราษฎรและกลุ่มแนวร่วม บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 18.00 น. และ 1 กลุ่มเฝ้าระวัง เครือข่ายทะลุแก๊ส บริเวณแยกใต้ด่วนดินแดง เวลา 15.00 น.
โดยทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและจัดกำลัวงดูแลในทุกพื้นที่ที่เคยมีการรวมตัวชุมนุมทางการเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุก่อกวน หรือเกิดความไม่สงบเรียบร้อยไปจนถึงเฝ้าระวังเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณแยกดินแดง พร้อมกับกำชับให้ลงพื้นที่ไปประสานและทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนให้ดูแลและป้องกันบุตรหลานที่อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์และเข้าร่วมการชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะหากถูกจับกุมดำเนินคดีจะมีผลต่ออนาคตได้ แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเข้าไปข่มขู่คุกคามประชานแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ก.ค.2563 จนถึงปัจจุบันมี คดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมฯ ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนทั้งสิ้น 842คดี ขณะนี้ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นและสั่งฟ้องไปแล้ว 485 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน 357คดี
ไม่ใช่เวลาก่อความวุ่นวาย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ผู้ชุมนุมก่อความไม่สงบบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ว่า พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความห่วงใยบรรดาผู้ชุมนุม ซึ่งอาจมีเยาวชนเข้าร่วมและกระทำผิดกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่สืบสวนตรวจสอบพบว่าผิดจริงและถูกดำเนินคดี เยาวชนเหล่านี้ก็จะเสียประวัติ เป็นการทำลายอนาคตตัวเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงอยากเตือนสติขอให้คิดถึงวันข้างหน้า คิดถึงพ่อแม่ผู้ปกครองและผู้อื่นที่ได้รับความเดือดร้อนและไม่เกี่ยวข้องด้วย เวลานี้ทุกคนควรหันหน้ามาร่วมมือกันฟื้นฟูประเทศหลังโรคโควิดเริ่มคลี่คลายและแก้ไขปัญหาปากท้อง ไม่ใช่เวลาสร้างความวุ่นวายซ้ำเติม
“รัฐบาลได้รับฟังเสียงสะท้อนจากผู้อยู่ในเหตุการณ์ว่า ไม่อยากให้เกิดภาพแบบนี้อีก ดังนั้นผู้ที่คิดจะชุมนุมจึงควรตระหนักถึงผลที่ตามมา ทั้งปัญหาการจราจรและการปะทะกัน แม้อ้างว่าเป็นการชุมนุมด้วยความสงบและได้ประกาศยุติแล้ว แต่สุดท้ายก็มีผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางไปสามเหลี่ยมดินแดงและได้ก่อความวุ่นวาย ทำลายรถราชการ มีการใช้พลุ ประทัดยักษ์ ลูกแก้ว ขวดแก้วปาใส่เจ้าหน้าที่รักษาความสงบบริเวณดังกล่าว ซึ่งการกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบและยังมีการใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ ก่อความวุ่นวายสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย เหมือนกับว่าไม่ยอมรับกฎกติกาหรือกระบวนการที่ถูกต้องตามที่ตนเองเรียกร้องมาตลอด ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้หลายคน” นายธนกร กล่าว
เตือนอย่าทำลายทรัพย์สิน
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการชุมนุมทำกิจกรรม “เดินไล่ตู่” เมื่อวันที่11มิ.ย.ที่ผ่านมา และมีการเผาทำลายทรัพย์สินทางราชการว่า การชุมนุมนั้นเป็นสิทธิตามกฎหมายที่สามารถกระทำได้ แต่ต้องเป็นการชุมนุมโดยสงบ ไม่มีการปะทะจนเกิดความบาดเจ็บ รวมถึงไม่ต้องการให้มีการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ตนในฐานะอดีตคณะอนุกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี เกี่ยวกับครุภัณฑ์ICT เมื่อมีการพิจารณางบประมาณแต่ละครั้งได้เห็นถึงความจำเป็น เพราะส่วนราชการต่างๆได้มีการตั้งงบประมาณในการจัดซื้อทดแทนส่วนที่เสียหายไป เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเงินภาษีของประชาชน จึงอยากให้การชุมนุมแต่ละครั้งต้องไม่มีการทำลายทรัพย์สินทางราชการ การชุมนุมก็เป็นสิทธิตามกฎหมาย แต่ก็อยากให้อยู่ในความสงบ ไม่อยากให้มีการปะทะกันจนเกิดความบาดเจ็บ ที่สำคัญไม่อยากให้ทำลายทรัพย์สินราชการ ไม่ว่าจะเป็นรถตำรวจ รถน้ำ กทม.เพราะเวลาเผาแต่ละครั้งหน่วยงานราชการต้องตั้งงบประมาณในการซื้อครุภัณฑ์ทดแทน มันเป็นเงินภาษีประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี