‘เครือข่ายปราจีน’บุกยื่นหนังสือ ประธานกมธ.การพัฒนาการเมืองฯ เรียกร้องหยุดขยายพื้นที่‘EEC’ในปราจีนบุรี จี้ตรวจสอบปัญหามลพิษและผลกระทบเชิงโครงสร้าง
12 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 10.30 น.ตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่ รัฐสภา เพื่อคัดค้านการเสนอจังหวัดปราจีนบุรีเป็นพื้นที่ขยายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( EEC )
นายเฉลิมชัย กล้าหาญ ตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง กล่าวว่า จังหวัดปราจีนบุรีกำลังเผชิญปัญหาการปนเปื้อนมลพิษในพื้นที่จากการพัฒนาอุตสาหกรรมเดิมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชนอย่างรุนแรง รวมไปถึง ผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมของกลุ่มทุนต่างชาติที่ขาดความโปร่งใสของทุนจีนเทา ที่มีพฤติกรรมลักลอบใช้ทรัพยากร สร้างมลพิษ จ้างแรงงานต่างชาติ แรงงานผิดกฎหมาย และการทำอาชีพสงวนหลีกเลี่ยงท้าทายกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงในชุมชนอย่างชัดเจน โดยยังไม่มีมาตรการหรือแผนงานที่เป็นรูปธรรมในการจัดการและฟื้นฟูพื้นที่
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า สิ่งที่จำเป็นและควรกระทำโดยเร่งด่วนในขณะนี้ ได้แก่ การศึกษาแหล่งกำเนิดมลพิษ การกำหนดแผนฉุกเฉินในการจัดการมลพิษ และการฟื้นฟูพื้นที่อย่างจริงจัง รวมถึงการเอาผิดกับผู้ก่อมลพิษอย่างชัดเจน ไม่ใช่การขยายพื้นที่ EEC เข้ามาซ้ำเติมอีก และยังปรากฏกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษา ซึ่งสร้างความคลางแคลงใจให้กับประชาชนในพื้นที่ถึงบทบาทและวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในเชิงนโยบายการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนต่างชาติ ยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจของประชาชนต่อกระบวนการทั้งหมด
ขณะที่นายสุนทร คมคาย ตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง กล่าวว่า การเดินหน้าผลักดันให้จังหวัดปราจีนบุรีเป็นพื้นที่ขยาย EEC ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายพิเศษ เป็นการเปิดทางให้กับการลงทุนขนาดใหญ่โดยไม่มีมาตรการรับประกันสิทธิของประชาชนหรือกลไกการมีส่วนร่วมที่แท้จริงและโปร่งใส จึงเป็นการซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้าง และอาจเป็นการเปิดช่องให้นายทุนเข้ามาใช้พื้นที่โดยไม่รับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ทางเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง ขอเสนอให้ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้เร่งดำเนินการ ยกเรื่องการขยายพื้นที่ EEC ในจังหวัดปราจีนบุรีขึ้นเป็นวาระเร่งด่วนของคณะกรรมาธิการฯ เนื่องจากกระบวนการศึกษาของสำนักงาน EEC และสถาบันที่ให้คำปรึกษาฯ มีกรอบระยะเวลาจำกัดและดำเนินการอย่างเร่งรัด ซึ่งอาจทำให้ประชาชนในพื้นที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลและแสดงความเห็นอย่างแท้จริง และส่งผลกระทบระยะยาวต่อสิทธิและความมั่นคงของชุมชน
นายสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ยังขอให้ กมธ.ฯ ดำเนินการตรวจสอบ TOR ของโครงการศึกษาการขยายพื้นที่ EEC เพื่อตรวจสอบขอบเขตงาน แนวทางการมีส่วนร่วม และระยะเวลาการดำเนินการ ตรวจสอบกระบวนการการดำเนินงานว่ามีขั้นตอนอย่างไร รวมไปถึงที่ดำเนินการไปแล้วเช่นประชุมกลุ่มย่อย การลงพื้นที่ หรือวงหารือในลักษณะต่าง ๆ ที่จัดขึ้นนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามกฎหมายหรือไม่ มีการประกาศจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างเปิดเผย โปร่งใส ผ่านช่องทางที่ประชาชนเข้าถึงได้จริง ตามกฎหมายกำหนดหรือไม่ และขอรายงาน รายชื่อผู้เข้าร่วม พร้อมทั้งบันทึกการประชุมในส่วนที่ดำเนินการแล้วทั้งหมด รวมไปถึง ขอให้คณะกรรมาธิการฯ ช่วยผลักดันให้มีการระงับกระบวนการทั้งหมดของการขยายพื้นที่ EEC มายังจังหวัดปราจีนบุรี ไว้ก่อน
ด้านนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ รองประธาน กมธ.ฯ เข้ารับหนังสือ พร้อมกล่าวว่า เราให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน EEC เริ่มต้นจากคสช.โดยเริ่มในพื้นที่ระยอง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ประชาชนไม่มีสิทธิ์ออกเสียง ดังนั้นเมื่อจะมีการขยายพื้นที่ซึ่งปัจจุบันเป็นประชาธิปไตย ทางคณะกรรมาธิการฯ จึงขอรับเรื่องทั้งหมดไปพิจารณา แล้วประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้ถูกต้องตามหลักการประชาธิปไตย ซึ่งกรณีนี้ต้องพิจารณาทบทวนถึงพื้นที่ 3 จังหวัด EEC เดิมสัมฤทธิ์ผลหรือไม่อย่างไรสร้างปัญหาอะไรบ้าง หากเราติดตามจะเห็นว่าพื้นที่ EEC เดิมมีปัญหาเยอะมาก
“จากเดิมที่คาดหวังอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าแต่ที่ผ่านมามีแต่ธุรกิจทุนเทา สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ มากมาย ซึ่งปราจีนเองก็มีปัญหาที่เกิดขึ้นมากมายเช่นมลพิษ ปัญหาโรงงานที่ไม่ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วม ดังนั้นก่อน EEC จะขยายไปที่ปราจีนบุรี ถึงเวลาที่ต้องพิจารณา พ.ร.บ.EEC ทั้งคำสั่งของ คสช การยกเว้นผังเมือง สรุปบทเรียนจากพื้นที่ 3 จังหวัด EEC เดิม ทบทวน พ.ร.บ.EEC กันใหม่ก่อนที่จะขยายไปยังพื้นที่ใหม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี