ลุ้น‘สลากตัวเลข 3 หลัก’
เปิดรับฟังความเห็นก.ค.นี้
นำเข้าครม.อนุมัติปลายปี
‘อนุชา’ยันทำถูกกฎหมาย
ภาครัฐเตรียมเปิดโฉม “สลากตัวเลข 3 หลัก” รับฟังความเห็นประชาชนในหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศกรกฎาคมนี้ ก่อนนำเข้า ครม. เห็นชอบปลายปี “อนุชา” ย้ำชัดไม่ใช่หวย 2 ตัว 3 ตัว ลั่นต้องถูกกฎหมาย “นายกฯ” พอใจ มาตรการแก้ไขจำหน่ายสลากเกินราคา และการบริหารจัดการหวยดิจิทัล
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคาที่กำหนด กล่าวถึงกรณีผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่แสดงความพอใจกับการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา โดยได้ขอบคุณประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่นต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล และมั่นใจว่าสลากฯ ราคา 80 บาท มีอยู่จริง โดยหลังจากนี้การแก้ไขปัญหาจะค่อยๆ เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ผ่านโครงการต่างๆ ที่ทยอยออกมา
ล่าสุดกองสลากฯ เตรียมปรับเพิ่ม สลากดิจิทัลอีก 2 ล้านฉบับ ในงวดวันที่ 1 ส.ค. 2565 ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. 2565 รวมเป็น 7.1 ล้านฉบับ และจะปรับเพิ่มต่อเนื่องงวดละ 2 ล้านฉบับ สูงสุด 20 ล้านฉบับภายในปีนี้ รวมถึงโครงการสลาก 80 ซึ่งปัจจุบันมีจุดจำหน่ายทั้งหมด 754 จุด และคาดว่าภายในเดือน ส.ค.นี้ จะสามารถดำเนินการให้ครบตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,077 จุดทั่วประเทศ ตลอดจนจะนำร่องขยายจุดจำหน่ายสลาก 80 ซึ่งจำหน่ายสลากผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังไปที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. และบางจากทั่วประเทศ ไม่น้อยกว่า 2,000 จุด ภายในปีนี้ ซึ่งเหล่านี้จะทำให้ประชาชนเข้าถึงสลากฯ ราคา 80 บาท ได้มากยิ่งขึ้น
ส่วนความคืบหน้าการคัดเลือกผู้ค้าในระบบซื้อจองล่วงหน้าในปี 2565 นายชาญกฤช กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานสลากฯ ได้คัดกรองจนเหลือผู้ผ่านเกณฑ์จำนวน 3 แสนราย ก่อนจะสุ่มคัดเลือกให้เหลือ 7 หมื่นราย ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ พร้อมให้ความมั่นใจต่อกระบวนการคัดกรองคุณสมบัติว่า เป็นไปอย่างโปร่งใส รอบคอบ ไม่มีการสอดไส้นำเครือข่ายตัวเองเข้ามารับโควตา เพราะได้นำฐานข้อมูลจาก 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการปกครอง กรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคม กองทุนการออมแห่งชาติ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มาประกอบการพิจารณา ทำให้การคัดกรองมีความแม่นยำ ถูกต้อง และได้ผู้ที่ทำอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวจริง ซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยหรือผู้พิการมาจัดจำหน่ายสลากฯ
นายชาญกฤช ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก” และ “สลากตัวเลข 3 หลัก” ว่า ทางสำนักงานสลากฯ ได้ลงนามในสัญญากับ ม.ขอนแก่นเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างที่ ม.ขอนแก่นจัดทำแนวทางการการรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด ก่อนจะเปิดเผยรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบตามขั้นตอนกฎหมายในต้นเดือน ก.ค. จากนั้น จึงจะเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนผ่านทางเว็บไซต์ ควบคู่กับการลงพื้นที่เปิดเวทีรับฟังทุกภาคทั่วประเทศภายใน ก.ค.นี้ ซึ่งกำหนดไว้ภาคละ 1 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ แต่ทั้งนี้ต้องรอที่ประชุมสรุปว่าจะเป็นจังหวัดใด และวัน-เวลาใด อย่างไรก็ตาม ไทม์ไลน์ทั้งหมดที่วางไว้จะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อสรุปส่งเรื่องให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือบอร์ดพิจารณา ก่อนส่งไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป
“ผมขอย้ำว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังจะออกมาไม่ใช่หวย 2 ตัว 3 ตัว เหมือนในอดีต เพราะสิ่งนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่สามารถทำได้ แต่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ดำเนินการอยู่เรียกว่า สลากตัวเลข 3 หลัก ซึ่งมีรูปแบบและวิธีการแตกต่างกัน ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดจะเปิดให้ประชาชนเห็นกันในช่วงการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็น” นายชาญกฤช กล่าว
ด้าน นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก และ สลากตัวเลข 3 หลัก ว่า เรื่องนี้ต้องรอการศึกษาวิจัยและการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังไม่ใกล้เคียง แต่ยืนยันว่าไม่ซ้ำรอยหวย 2 ตัว และ 3 ตัว ที่เคยมีปัญหาในอดีตอย่างแน่นอน เพราะการจะทำอะไรจะต้องถูกกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทันเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปลายปีนี้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไม่ได้วางไทม์ไลน์ถึงขนาดนั้น เพียงแค่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายในอันดับแรก
พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล อนุมัติให้เพิ่มจำนวนสลากดิจิทัล 2 ล้านฉบับในงวดออกรางวัลวันที่ 1 ส.ค. 65 เริ่มจำหน่ายตั้ง 17 ก.ค.นี้ จากนั้นให้พิจารณาเพิ่ม 1-2 ล้านฉบับต่องวด ตามเป้าหมายเพิ่มสลากดิจิทัล 20 ล้านฉบับภายในสิ้นปี65 นี้ เพราะนักเสี่ยงโชคสนใจซื้อสลากดิจิทัลในราคา 80 บาท สำนักงานสลากฯ จึงทะยอยเชิญตัวแทนผู้ค้าสลากฯซื้อ-จองล่วงหน้า ซึ่งได้สมัครเป็นตัวแทนขายสลากดิจิทัลผ่านแอปเป๋าตัง ตั้งแต่ 12-30 พฤษภาคม 65 จำนวน 7 หมื่นราย เพื่อทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายนสลากดิจิทัลเป็นระยะเวลา 1 ปี
โดยผู้สมัครโครงการสลากดิจิทัล ลำดับที่ 15,501-19,500 ให้เข้ามาทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัลพร้อมยืนยันตัวตน เปิดแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ระหว่างวันที่ 28-30 มิ.ย.65 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานสลากฯ แบ่งเป็นลำดับที่ 15,501-16,900 ทำสัญญาวันที่ 28 มิ.ย. ลำดับ 16,901-18,200 ทำสัญญา 29 มิ.ย. ลำดับที่ 18,201-19,500 ทำสัญญา 30 มิ.ย. ตรวจสอบรายชื่อผ่านเว็บไซต์ www.สลาก๘0.net
หลังจากผู้สมัครทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัลเรียบร้อยแล้ว ต้องชำระเงินค่าสลาก งวดวันที่ 1 ส.ค. 65 ระหว่าง 2-8 ก.ค. 65 จำนวน 35,200 บาท พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการทำสัญญา หากไม่มารายงานตัวทำสัญญา จะถือว่าสละสิทธิ์ จึงต้องเลื่อนอันดับสำรองถัดไปให้ผู้อื่นมาทำสัญญาต่อไป
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม มีความพอใจกับมาตรการแก้ไขปัญหาจำหน่ายสลากเกินราคา และการดำเนินการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือสลากดิจิทัล (Digital Lottery) ผ่านแอปพลิเคชั่นของภาครัฐ หลังเปิดจำหน่ายได้ 2 งวด ซึ่งล่าสุดสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ได้ทำการสำรวจแล้วว่ามีผลในทางบวกหลายๆ ด้าน โดยนายกรัฐมนตรี กำชับว่าการแก้ปัญหาต้องให้เป็นรูปธรรม จับต้องได้ ถูกกฎหมาย ทำให้การแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาเกิดผลเป็นรูปธรรม ประชาชนสามารถซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคา 80 บาทได้จริง ถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการลดความเหลื่อมล้ำและลดปัญหาทุจริตในการจำหน่ายสลาก
สอดคล้องกับนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่มองว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางในการแก้ไขปัญหาหวยแพง และต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ช่วยกันแก้ปัญหาดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี