‘ปลัดกลาโหม’ แจงกมธ.งบฯ66 ยันแผนลดนายพล 50% ในปี 70 เผยยอดค่ารถประจำตำแหน่งเทียบเท่าข้าราชการกระทรวงอื่น ระดับ‘พล.ท.-พล.อ.’รับ 41,000 บาท ‘พล.ต.’ 31,800 บาท ‘พ.อ.พิเศษ’ 25,400 บาท ยัน‘งบลับ’จำเป็นต่อภารกิจ-เบิกจ่ายต้องรายงาน‘นายกฯ- รมว.กลาโหม’ ทุก 3 เดือน มี‘สตง.’ตรวจสอบซ้ำ การันตีจัดซื้อ‘ยูเอวี’ทำถูกต้อง
18 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เพื่อพิจารณางบประมาณของกระทรวงกลาโหม วงเงิน 197,292,732,000 ล้านบาท พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวตอบข้อซักถาม กมธ.วิสามัญฯ เกี่ยวกับแผนปรับลดกำลังพล ว่า ตามนโยบายรมว.กลาโหม จะต้องลดกำลังพลภาพรวมให้ได้ 5% ในปี 2570 ส่วนเกณฑ์ทหารในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาลดการเกณฑ์ต่อเนื่อง เช่นปีนี้เรียกเกณฑ์ 81,000 คน จากยอดผู้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร 500,000 คน คิดเป็น 15.9%
นอกจากนี้กองทัพบก มีโครงการสมัครใจเป็นทหาร โดยมีสถิติผู้สมัครใจเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันกองทัพพยายามเพิ่มแรงจูงใจให้เข้ามาเป็นทหารกองประจำการ อย่างไรก็ตามยืนยันว่ากองทัพพิจารณาเรียกเกณฑ์ทหารในจำนวนที่เหมาะสม และรอบคอบ เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณ
พล.อ.วรเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นทหารชั้นนายพลตั้งแต่ พล.ต. ถึง พล.อ. มีนโนบายลด 50% ปี 2570 ทุกปีที่มีการปรับย้ายจะลดตามกรอบที่กำหนด ปัจจุบันลด 200 กว่านาย คิดเป็น 2.5% ขณะเดียวกันลดจำนวนนักเรียนนายร้อยตามสัดส่วนเมื่อเติบโตไปในอนาคตสอดคล้องอัตรากำลังพลและตำแหน่ง
สำหรับเงินค่ารถประจำตำแหน่ง ถือเป็นตำแหน่งระดับรองนายพล รองเจ้ากรม เช่น พันเอกพิเศษ ก่อนหน้านี้หลักเกณฑ์เดิมมีรถให้ แต่หลังจากนั้นเปลี่ยนให้เบิกเป็นค่ารถแทนเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนกระทรวงอื่น โดยพันเอกพิเศษ จำนวน 25,400 บาท ส่วน พล.ต. จำนวน 31,800 บาท ขณะที่ พล.ท. และ พล.อ. จำนวน 41,000 บาท นอกจากนี้สภากลาโหมมีมติออกหลักเกณฑ์ห้ามหน่วยเพิ่มอัตรา ห้ามเปลี่ยนตำแหน่งประจำเป็นตำแหน่งหลัก
ส่วนเรื่องรถยนต์ประจำตำแหน่งของปลัดกระทรวงกลาโหม รองปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพนั้น ยืนยันไม่ใช่รถประจำตำแหน่ง แต่เป็นรถที่เสริมสร้างการปฏิบัติงาน มีระบบสั่งการสามารถควบคุมการทำงานเพื่อตอบสนองภารกิจเร่งด่วน จึงจำเป็นต้องจัดหารถที่มีสมรรถนะสูง ไม่ได้ใช้งบลับ หรืองบพิเศษ เป็นงบปกติทั่วไป
พล.อ.วรเกียรติ กล่าวอีกว่า การใช้งบลับของกองทัพ ยืนยันว่างบลับมีความจำเป็นต่อการปฏิบัติภารกิจกระทรวงกลาโหม และการใช้จ่ายเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี กำหนดให้ใช้ในภารกิจเกี่ยวกับ 1.ความมั่นคงและป้องกันประเทศ 2.ยาเสพติด 3.งานด้านการข่าว 4. ภารกิจต้องปกปิดผลประโยชน์เกี่ยวกับเศรษฐกิจ หรือความก้าวหน้าเทคโนโลยี ต้องรายงานนายกฯและ รมว.กลาโหม ทุก 3 เดือน ว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง นอกจากนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้กำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเมื่อปี 2564 ในการตรวจสอบการใช้งบลับ และผู้ว่าฯ สตง.เคยเดินทางมาพบตนและผบ.เหล่าทัพ และได้ให้ความร่วมมืออย่างดีมาตลอดในการให้ข้อมูล อีกทั้งยังมีคณะกรรมการควบคุมการเบิกจ่ายงบลับ
พล.อ.วรเกียรติ กล่าวว่า ขณะที่เรื่องยูเอวีตรวจการณ์ไกลฝั่งของกองทัพเรือนั้น ยืนยันว่าการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ หรือโครงการต่างๆที่มีมูลค่าเกิน 500 ล้านบาท ก็จะมีการเสนอขึ้นมาให้ปลัดกระทรวงกลาโหมอนุมัติ และมีหน่วยงานสำนักงบประมาณ กรมพระธรรมนูญทหารพิจารณาดูรายละเอียดความถูกต้องของโครงการ มีคณะกรรมการดำเนินการ หากตรวจสอบแล้วพบว่าถูกต้องก็อนุมัติได้ มีการตรวจสอบทั้งราคากลาง แผนการจัดซื้อจัดจ้าง ทีโออาร์ และคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอว่าเป็นไปตามขอบเขตงานหรือไม่ อีกทั้งยังมีคณะกรรมการคุณธรรมร่วมตรวจสอบด้วย ก่อนที่ตนจะเซ็นอนุมัติได้อ่านเอกสารแล้วว่าถูกต้องครบถ้วน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี