‘เจี๊ยบ’ ปะทะคารม ‘บิ๊กตู่’ ยกกระจกขึ้นส่อง ซัด ‘ทรราชย์ 2 แผ่นดิน’ ปิดกั้นปชช. เที่ยวสอนคนอื่นไปทั่ว ‘นายกฯ’ เชือดกลับเทียบเอา ‘ตู่กะเตี้ย’ เหมือนกันหรือไม่ ลั่นรับไม่ได้เคลื่อนไหวชัดก้าวล่วงสถาบัน จี้ใจดำ ‘อมรัตน์’ เลือดขึ้นหน้า อย่าตีขลุมยัดคดี 112 ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ ‘ปธ.ชวน’ เบรคดังเอี๊ยด เล่นเขาไว้หนัก ต้องระวังด้วย
21 กรกฎาคม 2565 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจ แต่ขาดความรู้ความสามรถ ใน 3 ประเด็นคือ 1.จงใจปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในกองทัพอย่างกว้างขวาง 2.สร้างความเสื่อมเสียกับพระเกียรติยศในโครงการเทิดพระเกียรติ และ 3.มีจิตสำนึกเผด็จการ สันดานทรราชย์ หลังรัฐประหารแล้วยังจงใจบ่อนทำลายการปกครอง และอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีข่าวเล็กๆของเพจทางโซเชียลหนึ่ง แต่น่าสนใจ คือเมื่อช่วงต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา กองทัพบกได้จัดพิธีอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ในหลวงรัชกาลที่ 9 จากพระบรมมหาราชวัง กทม. ไปแทนที่อนุสาวรีย์พระยาพหลพลพยุหเสนา ในศูนย์การทหารปืนใหญ่ ค่ายภูมิพล จ.ลพบุรี วงเงินดำเนินการกว่า 59.9 ล้านบาท
นางอมรัตน์ กล่าวต่อว่า และยังพบว่ากองทัพบกดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 โดยเริ่มจากเปลี่ยนชื่อจากเดิมคือค่ายพหลโยธิน มาเป็นชื่อค่ายภูมิพล เมื่อเดือน ธ.ค.2562 หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมกองทัพบกตั้งงบประมาณสูงถึงเกือบ 60 ล้านบาท เพราะเป็นแค่การปรับปรุงภูมิทัศน์และต่อมาศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมของดิจิทัลฯ ได้ออกมาระบุข่าวดังกล่าวว่าเป็นข่าวบิดเบือน โดยทางกองทัพบกชี้แจงว่าทุนทรัพย์ที่นำมาดำเนินการมาจากการเงินสมทบทุนในการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่เท่าที่ตนสืบค้นข้อมูล ไม่พบว่ามีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้สมทบทุนบริจาคเลย นอกจากนี้ยังพบว่ารายการแสดงงบการเงินของกองทัพบก 2 ปี คือปี 2563-64 มียอดรายการเงินบริจาครวมกันเพียง 5 ล้านบาทเศษ ยังห่างไกลกับยอดเงิน 60 ล้านบาท
“หมกเม็ดอะไรกันไว้ ทำไมถึงไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส มันวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่งหรือไม่ หรือเอาไปเก็บใส่ปี๊บที่ไหน หรือเอาเงินจำนวนนี้ไปฝากไว้ในบัญชีแม่ทัพนายกองนายพลคนไหน ขณะเดียวกันในเอกสารบก.01ที่ได้แสดงวงเงินงบฯที่ได้รับจัดสรร และแสดงราคากลางของโครงการนี้ระบุว่า งบฯเกือบ60ล้านบาท ได้มาจากเงินเพิ่มเติมระหว่างปีงบประมาณ2564 ดังนั้นถ้าเป็นเงินที่มาจากรัฐ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯเอาข่าวปลอมจากกองทัพบกมาเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเงินนี้มาจากการบริจาคหรือใช่หรือไม่ เป็นเฟคนิวส์ซ้อนเฟคนิวส์หรือไม่ เงินจำนวนมากขนาดนั้นเก็บไว้ในปี๊บที่ไหน” นางอมรัตน์ กล่าว
นางอมรัตน์ กล่าวต่อว่า โครงการของกองทัพหลังการรัฐประหาร ในยุคพล.อ.ประยุทธ์ มันมีกลิ่นโชยมาตลอด เมื่อประชาชนจะตรวจสอบก็ยากเย็น เพราะพล.อ.ประยุทธ์ กลัวการตรวจสอบเหลือเกิน อย่างนี้เขาเรียกว่าประยุทธ์สันหลังหวะหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นอกจากประเด็นสำคัญครงการปรับปรุงภูมิทัศน์กองทัพบก ค่ายภูมิพล จ.ลพบุรี จำนวน60ล้านบาทแล้ว จากที่ตนได้ให้ทีมงานลงพื้นที่ พบว่ายังมีการให้รื้ออนุสาวรีย์จอมพลป.พิบูลสงคราม ที่ตั้งอยู่ที่บริเวณวงเวียนไม่ไกลจากค่ายภูมิพล มีพี่น้องทหารลพบุรีฝากตนสื่อไปยังพล.อ.ประยุทธ์ว่า การอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์มาไว้ที่ค่ายทหารเป็นเรื่องดี แต่ทำไมกองทัพบกในยุคพล.อ.ประยุทธ์ จะต้องไปรื้ออนุสาวรีย์พระยาพหลฯ และจอมพล ป. ที่พวกเขาเคารพศรัทธามานานด้วย ในยุคของผู้นำคนนี้เกิดการรื้อถอนทำลายสัญลักษณ์ของการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ
“ขณะเดียวกันวานนี้(20ก.ค.) ช่วงเย็น พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงพฤติกรรมชูแขนขึ้นเหนืออก ยิ้มร่ารับว่าตัวเองก่อการกบฎคนเดียว คือการไร้ยางอาย ไม่มีวุฒิภาวะ ทำอะไรไม่ถูกกาลเทศะ ถ้าปล่อยให้ผู้นำอย่างพล.อ.ประยุทธ์ ครองอำนาจต่อไป วันหนึ่งแม้นแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถนนราชดำเนิน ก็จะไม่มีเหลือ ดิฉันไม่อาจไว้วางใจทรราชย์สองแผ่นดิน พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ และรมว.กลาโหมต่อไปได้ มั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะต้องชดใช้ความเสียหายที่ทำไว้ต่อชาติบ้านเมืองในที่สุด” นางอมรัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายช่วงท้ายของ นางอมรัตน์ได้ยกกระจกขึ้นมา พร้อมกล่าวว่า “ดิฉันมีสิ่งสุดท้ายอยากมอบพล.อ.ประยุทธ์ สิ่งนั้นคือกระจก เพราะท่านปิดช่องคอมเมนท์ในเพจเฟสบุ๊ค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประชาชนไม่มีสิทธิ์สะท้อนความรู้สึกไปยังท่านได้ ดิฉันอยากบอกว่า กระจกบานนี้เวลาที่ท่านชี้หน้าใครบอกว่าใครก่อความวุ่นวายไม่สงบท่านมองที่กระจกบานนี้ เวลาที่ท่านเที่ยวชี้หน้าใครบอกว่าไม่มีมารยาทไม่รักชาติ และเวลาที่ว่าใครไม่อ่านประวัติศาสตร์ มองที่กระจกบานนี้” พร้อมหันกระจกส่องไปยังพล.อ.ประยุทธ์ และกล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งหมดคนในกระจก
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า เช้านี้ตนติดภารกิจไปกราบสมเด็จพระสังฆราชฯ เนื่องในโอกาสวันอาสาฬหบูชา และตนได้ขอแบ่งมอบให้ทุกคนด้วยเนื่องในบ่วงเวลาอันเป็นมงคลนี้ให้กับทุกคนทุกท่าน ก็สุดแล้วแต่ใครจะรับได้รับไม่ได้ เพระทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ทำกรรมดีก็เป็นไปทางที่ดี ทำกรรมไม่ดีก็คงปรากฎต่อไป ตนพยายามทำเต็มที่ให้ดีที่สุด แต่อาจไม่ดีในสายตาของท่าน วันนี้ท่านบอกว่าชื่อตนมีความโน่นนี่ ก็ไปคิดเอาล่ะกันว่าตู่กะเตี้ย ความหมายเหมือนกันหรือไม่ มันคงไม่เหมือน โดยในระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง ได้มีเสียงหัวเราะจากบรรดาส.ส.ในสภาฯอย่างอารมณ์ดีด้วย
“ไปดูว่าประโยชน์ใครทำอะไรมากกว่า ผมเองเห็นท่านไปเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ท่านบอกว่าศึกษาประวัติศาตร์ โอเค ก็ดีครับ ก็ศึกษาประวัติศาสตร์ส่วนที่ดีไว้บ้างแล้วกัน สิ่งที่ท่านทำในหลายๆอย่างวันนี้ก็ปรากฎแล้วว่ามันเกี่ยวข้องกับการก้าวล่วงสถาบันของชาติ ซึ่งผมรับไม่ได้อยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะชี้แจงเรื่องกระจก ที่นางอมรัตน์พยายามจะสื่อถึง แต่นางอมรัตน์ได้ลุกขึ้นประท้วง โดยใช้สิทธิ์พาดพิงกล่าวว่า นายกฯกล่าวถึงตนว่าก้าวล่วงสถาบัน ตรงไหน ข้อหานี้มันผิด มันมีโทษร้ายแรง อยู่ดีๆจะมาปากพล่อยว่าคนอื่นอย่างนี้ได้ไง อย่ามั่ว เที่ยวพูดตีขลุมแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามชี้แจงสวนกลับว่า เวลาท่านพูดอะไรมาทั้งหมดตนก็ฟังได้ ท่านก็ฟังของท่านบ้าง ตนไม่ได้ว่าอะไรที่เกินความเป็นจริงเท่าไหร่ ว่าไปดูในคดีต่างๆ ก็มีอยู่หลายคดีเหมือนกัน ก็ไปเตรียมต่อสู้คดีเอาแล้วกัน
ทำให้นางอมรัตน์ ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งว่า นายกรัฐมนตรีได้พาดพิงโดยขอให้ถอนคำพูดทั้งสองอย่าง โดยระบุว่ามาตรา 112 เป็นมาตราร้ายแรง จะมาเที่ยวป้ายให้ใครแบบนี้ได้อย่างไร นี่ก็เอาเด็กไปเข้าคุกไม่ยอมปล่อยไม่ให้ประกัน อย่ามั่ว ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้พูดสวนกลับมาว่า “ผมไม่ได้ป้าย ผมไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับกระบวนการ” ทำให้นางอมรัตน์ ลุกขึ้นกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีถอนคำพูด โดยนายกรัฐมนตรีได้สวนกลับว่า “ผมไม่ถอน”
ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ต้องปิดไมโครโฟนของนางอมรัตน์อีกครั้ง และกล่าวว่าขอให้ฟังประธาน โดยนายชวน กล่าวว่า เราอภิปรายเขาก็หนัก เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถอน โดยขอให้นายกรัฐมนตรีนั้นอภิปรายต่อ และตนคิดว่าดีที่สุดคือเราต้องระมัดระวัง
009
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี