ปมวาระ8ปีให้ถามศาลรธน.
‘บิ๊กตู่’ไม่กังวล
‘ศรีสุวรรณ’ยื่นตีความแล้ว
ฝ่ายค้านตามยื่นซ้ำกลางสิงหา
แบะท่ารับก.ม.ลูกฉบับครม.
พรรคเล็กยังดิ้นลุ้นหาร500
‘จุรินทร์’ลั่นกวาด30สส.ใต้
“บิ๊กตู่” ไม่กังวล ปมวาระเป็นนายกฯ 8 ปี โยนให้ถามศาลรัฐธรรมนูญ ขณะ “ศรีสุวรรณ” ยื่น กกต.-ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งให้ศาลรธน.วินิจฉัย ส่วน “เพื่อไทย” จ่อยื่นตีความซ้ำกลางสิงหาคม ปธ.วิปฝ่ายค้าน แบะท่ารับร่างกฎหมายลูกฉบับครม. ด้าน พรรคเล็กยังดิ้นบอกสงครามยังไม่จบแนะ 10 สิงหาคม ยังมีลุ้นหาร 500“จุรินทร์” ลั่น ปชป.กวาด สส.ใต้ 30 ที่นั่ง ขณะที่ “เฉลิมลักษณ์” อดีต สส.ภูเก็ต ย้ายซบ “ภูมิใจไทย”
เมื่อเวลา11.30น.วันที่5 สิงหาคม ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม ปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถามสื่อมวลชน ที่ถามว่ากังวลเรื่องของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี หรือไม่
บิ๊กตู่ไม่กังวลปม8ปี/ให้ถามศาลรธน.
โดยนายกฯกล่าวเพียงสั้นๆว่า“ให้ไปถามศาลรัฐธรรมนูญโน้น”เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ามีความกังวลใกล้วาระครบ 8 ปี หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า”จะกังวลอะไรเล่า” เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจใช่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนรีบเดินทางกลับ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังเป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฎิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศของไทย พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย และนายวราวุธ ศิลปอาชารมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา ได้หารือที่ห้องรับรองเป็นเวลาประมาณ 25 นาที ก่อนเดินทางกลับ
คืนถิ่นรั้วแดง-กำแพงเหลือง
ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าที่กองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้เดินทางเข้ามาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครอบรอบ 135 ปี ภายในกองบัญชาการกองทัพบก โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ จากนั้นได้เดินทักทายนายทหารในพิธี ขณะขึ้นรถเดินทางกลับได้เปิดกระจกรถทักทายกำลังพลที่ทำงานตามจุดต่างๆอย่างอบอุ่น โดยนายกรัฐมนตรีมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีได้ใช้เวลาเพียง 8 นาทีเท่านั้น
‘พท.’ย้ำไม่ผ่านก.ม.ให้เผด็จการ
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคเพื่อไทยตั้งใจให้พิจารณาวาระ 2 3 ไม่แล้วเสร็จตามกรอบ 180 วัน เพื่อให้กลับไปใช้ร่างกฎหมายเดิมที่คณะรัฐมนตรีเสนอเข้าสู่การพิจารณา ที่มีสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100 ว่า แนวทางนี้เป็นการใช้กลไกที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้ตามมาตรา 132 เราเห็นว่าการกลับไปใช้ร่างแรกที่คณะรัฐมนตรีเสนอเป็นแนวทางที่จะได้กฎหมายลูกเร็วที่สุด และได้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100 ตามเจตนารมณ์ในการแก้รัฐธรรมนูญ หากปล่อยให้รัฐสภาผ่านวาระ3ก็ไม่แน่ใจว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะทักท้วงหรือไม่ หากไม่ทักท้วงการหาร500ก็จะถูกยื่นตีความอยู่ดี สุดท้ายกฎหมายอาจตกไป หรือหากไปล้มในการลงมติวาระ 3 ก็ต้องมาเริ่มกระบวนการกันใหม่ อาจเป็นประโยชน์กับรัฐบาลรักษาการก่อนการเลือกตั้ง เราจึงต้องเลือกวิธีที่จะได้กฎหมายลูกออกมาโดยเร็วที่สุด
และที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยนั้น ยืนยันว่าวิธีที่พรรคเลือกใช้เป็นวิธีที่เปิดช่องไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญการไปเป็นนั่งร้านทำกฎหมายให้เผด็จการ กับการไม่เป็นองค์ประชุมเพื่อต่อสู้ยับยั้งกฎหมายของเผด็จการอันไหนดีกว่ากัน เราเลือกการต่อสู้เพื่อล้มกฎหมายเผด็จการ และยืนยันเรื่องนี้พรรคไม่ได้รวมหัวกับพรรคพลังประชารัฐ เราคิดของเราก่อนแต่สุดท้ายพรรคอื่นเข้ามาร่วมด้วย
ฝ่ายค้านจ่อยื่นตีความนายกฯ8ปี
เมื่อถามถึงการยื่นตีความการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม พรรคฝ่ายค้าน จะยื่นเมื่อใด นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยรวมถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านมีคณะทำงานพิจารณาเรื่องดังกล่าว ซึ่งพิจารณาแล้วยืนยันเรายื่นตีความแน่นอน แต่ที่ยังไม่ยื่นก่อนหน้านี้เพราะต้องการยื่นในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งตอนนี้ได้ข้อตกลงแล้วว่าจะเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภา เพื่อส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ครบ 8 ปี วันที่ 24 ส.ค. 2565 ประมาณ 1 สัปดาห์ ประมาณวันที่ 16 หรือ 17 ส.ค. เรามองว่ายื่นเวลานี้ดีที่สุด เพราะหากปล่อยเลยไปเสี่ยงว่าการบริหารประเทศจะเสียหายได้.
ศรีฯยื่นกกต.-ผู้ตรวจฯส่งศาลชี้ขาด
เวลา10.00น.นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ กกต. และผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้เสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับสถานะนายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี ในคืนวันที่ 23 สิงหาคมนี้ หากนับตั้งแต่การเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อ 24 สิงหาคม 2557 ว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ ที่บัญญัติว่านายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่ไม่ให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหรือไม่
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 วันที่ 24 สิงหาคม 2557 ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ครั้งที่ 2 วันที่ 9 มิถุนายน 2562 ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้ขณะนี้มีข้อถกเถียงในสังคมต่อเรื่องดังกล่าวเป็น 3 ทาง แนวทางที่ 1 เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์จะดำรงตำแหน่งได้ถึงแค่คืนวันที่ 23 สิงหาคมนี้ เพราะไม่มีบทยกเว้นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 โดยมองว่าถ้ารัฐธรรมนูญมีเจตนาที่จะไม่ให้ใช้บทบัญญัติว่าด้วยคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของคณะรัฐมนตรีในข้อใดมาบังคับใช้กับคณะรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งมาก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ต้องเขียนระบุชัดเจนไว้ในบทเฉพาะกาล ซึ่งในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ได้บัญญัติให้มีการยกเว้นการนำมาตรา 158 วรรคสี่ มาใช้บังคับกับนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนหน้ารัฐธรรมนูญประกาศใช้ ระยะ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ได้โปรดเกล้าเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 1 คือ 24 สิงหาคม 2557 และดำรงตำแหน่งได้ถึงคืนวันที่ 23 สิงหาคม 2565 เท่านั้น
แนวทางที่ 2 มองว่าตามหลักกฎหมายทั่วไปและหลักนิติธรรมจะบังคับใช้กฎหมายที่เป็นโทษกับบุคคลย้อนหลังไม่ได้ ถ้าจะบังคับใช้ต้องมีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจน ซึ่งกรณีนี้รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับเมื่อ 6 เมษายน 2560 และพล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อ 9 มิถุนายน 2562 หากนับเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ 8 ปี นับแต่ได้รับการโปรดเกล้าพล.อ.ประยุทธ์ จะสามารถตำแหน่งถึงปี 2570 โดยจะเกินวันที่ 24 สิงหาคม 2570 ด้วยซ้ำ เพราะจะต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่อย่างน้อย 1 ครั้ง คืออย่างช้าที่สุดต้นปี 2566 เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรครบวาระ 4 ปี จึงจะมีช่วงดำรงตำแหน่งในฐานะนายกรัฐมนตรีที่อยู่ปฏิบัติหน้าต่อไปหลังพ้นตำแหน่ง ตามมาตรา 158 วรรคสี่ตอนท้าย ไม่ได้ให้นับรวมเข้าไว้เป็นข้อจำกัด 8 ปี
อ้างไม่ต้องการให้เกิดปัญหา
ส่วนแนวทางที่ 3 มองว่าการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ให้เริ่มนับแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 ที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ ซึ่งถ้าเริ่มนับระยะเวลาตามนี้พล.อ.ประยุทธ์ จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ในปี 2568
กรณีดังกล่าวสังคมไทยวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากว่าสุดท้ายแล้วพล.อ.ประยุทธ์ จะดำรงตำแหน่งได้ถึงเมื่อใด ทางสมาคมฯเห็นควรหาข้อยุติ และเห็นช่องทางว่า กกต.และผู้ตรวจการแผ่นดิน สามารถจะคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งได้ โดยการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับการบริหารราชการแผ่นดิน ขอให้การยื่นเรื่องมีคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์ ยุติปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยด้วย
‘ฝ่ายค้าน’รับกม.ลูกฉบับครม.
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่10ส.ค.นี้ว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันจะดำเนินการตามที่นพ.ชลน่าน ศรีน่าน ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กำหนดไว้
เมื่อถามว่า เมื่อถึงชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มองว่า กกต.สามารถให้ความเห็นและปรับแก้เนื้อหาให้สมบูรณ์ที่สุดได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของกกต. ในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติที่จะพิจารณาว่าทำงานอย่างไรให้ไม่มีปัญหาในอนาคต หากประเด็นใดที่มองว่าในอนาคตจะมีปัญหาในทางปฏิบัติ ไม่ควรปล่อย หากมีช่องทางที่ปรับปรุงได้ กกต.ควรทำ
ยันจะไม่ยื่นส่งตีความ
เมื่อถามถึงประเด็นการยื่นศาลรัฐธรรมนูญนายสุทิน กล่าวว่า หากใครติดใจต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีขั้นตอนที่ดำเนินการได้ แต่หากร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.แพ้ฟาล์วแพ้เทคนิค พรรคเพื่อไทยจะไม่ยื่น เพราะสูตรคำนวณนั้น ไม่ใช่จำนวน500คนซึ่งมีปัญหาแล้ว อีกและหากไม่ยื่นจะทำให้กระบวนการประกาศใช้กฎหมายจะสั้นลง
ส่วนกรณีที่อาจมีผู้ร้องเรื่องจริยธรรมส.ส.ที่ไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม นายสุทินกล่าวว่าไม่กังวล แต่ต้องอธิบายกับสังคมเพื่อแสดงความสุจริตใจ เหตุผลที่ไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม ไม่ใช่ขาดความรับผิดชอบ แต่เพื่อยับยั้งกฎหมาย
‘พรรคเล็ก’แนะจับตา10สิงหา
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่... ) พ.ศ.... รัฐสภา กล่าวถึงการนัดประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 10ส.ค.นี้ว่า ตนเชื่อว่าฝ่ายที่สนับสนุนสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วยจำนวน 500 คนหาค่าเฉลี่ย ส.ส.พึงมี ต้องยื้อเต็มที่ โดยร่างพ.ร.ป.ดังกล่าวอาจจะไม่ได้พิจารณา หรือหากได้พิจารณาเชื่อว่าจะยื้อจนถึงที่สุดเพื่อให้ร่างพ.ร.ป.พิจารณาไม่แล้วเสร็จและเกินกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ทำให้เสร็จภายใน 180 วันหรือ 15ส.ค.นี้
เมื่อถามว่าฝั่งหนุนสูตรคำนวณด้วยจำนวน500คนหาร จะแก้เกมองค์ประชุมอย่างไร นพ.ระวี กล่าวว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เป็นปกติที่การประชุมเกือบทุกครั้งไม่ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุม ดังนั้นอย่าไปโทษพรรคเพื่อไทย แต่ปัญหาที่เกิดคือพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ยอมแสดงตน ทำให้ต้องเสียเวลารอองค์ประชุม และเสียเวลารอการลงมติ ดังนั้นตนเชื่อว่าฝั่งที่สนับสนุนสูตรหารด้วย 100 คนนั้น เตรียมฉลอง แต่ตนขอบอกไว้ว่า สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร เพราะวิธีการที่เขาทำเรียกว่า ต้อนให้หมาจนตรอก ทั้งนี้ยังมีด่านสำคัญ คือ ด่านกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)และด่านศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่าจะเข้าพบพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเพื่อให้ช่ววยแก้ปัญหาหรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า ตนเชื่อว่าพล.อ.ประวิตร คงทราบข่าวแล้ว และขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ และต้องวินิจฉัยเองในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่สำคัญว่าจะมีท่าที หรือสั่งสอน ส.ส.พลังประชารัฐอย่างไร ซึ่งประเด็นดังกล่าวตนไม่ก้าวล่วง
“การจะเข้าร่วมเป็นองค์ประชุม หรือไม่เป็นไปตามวิจารณญาณของแต่ละคนส.ส.และส.ว.ที่ตัดสินใจว่าจะอยู่ในเกมการเมือง ไม่สนใจชื่อสภาหรือภาษีประชาชนที่ใช้เงินเดือนร่วมประชุมก็แล้วแต่ ผมพูดได้คำเดียวว่าสงครามยังไม่จบและวันที่10ส.ค.นี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ผมยังเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา ส.ส. และส.ว.เห็นปัญหาแล้ว จะตัดสินใจทำหน้าที่ลงมติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา114”นพ.ระวีย้ำ
เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นมีคนประเมินว่าพรรคเล็กถูกหลอก นพ.ระวี กล่าวว่า อย่าคิดถึงขนาดนั้น ที่มีคนบอกว่าฝ่ายรัฐบาลหลอกพรรคเล็กโหวตผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ถูกหักหลังตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะกลุ่มพรรคเล็กไม่มีแม้แต่พรรคเดียวไปต่อรอง
เมื่อถามว่าจะยื่นจริยธรรมส.ส.ที่ขาดองค์ประชุมหรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า ตนไม่ยื่น แต่ไม่มั่นใจว่าจะมีคนอื่นร้องหรือไม่ ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเกมการเมือง คนที่ไม่อยู่เป็นองค์ประชุมซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด อาจติดงานสำคัญในพื้นที่ หรือมีภารกิจสำคัญ ญาติป่วย งานของหัวคะแนน หากร้องจริยธรรมทั้งหมดก็ลำบาก อย่างไรก็ดีในวันที่ 10ส.ค. ที่มีงานวันกำนันผู้ใหญ่บ้าน ส.ส.เขตบางส่วนต้องขาดไป เพราะเป็นงานสำคัญ
‘อนุชา’ยันไม่ได้ยื้อกม.ลูก
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีประสานงานวิปรัฐบาล และคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะมีการปล่อยให้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ไม่แล้วเสร็จภายในกรอบ 180 วันในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ จะส่งผลให้กลับมาใช้ร่างหลักของรัฐบาลที่เสนอโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)โดยใช้สูตรหาร 100 หรือไม่ ว่า ก็ไม่มี ข้อกล่าวหา ถือเป็นเรื่องปกติของสภา ตนยังไม่เห็นอะไรผิดปกติ
ส่วนมีข้อกล่าวหาว่ารัฐสภาจะปล่อยให้พ้น180วัน หรือไม่นายอนุชา กล่าวว่า ไม่มี มันเป็นไปตามข้อกำหนดอยู่แล้วจะพ้นหรือไม่พ้น ถ้าทำไม่ทันก็กลับไปสู่ร่างเดิม ถือเป็นเรื่องที่กำหนดไว้อยู่แล้วในรัฐธรรมนูญ เราก็คิดว่าเป็นไปตามวิถีทางของสภา ไม่มีอะไรแปลก
ปัดพปชร.จับมือเพื่อไทย
เมื่อถามว่ามีข้อกล่าวหาที่ระบุว่าพรรคพปชร.และพรรคเพื่อไทยจับมือกันให้สภาล้ม เพื่อให้กฎหมายลูกไม่เสร็จภายในกรอบเวลาวันที่ 15 สิงหาคม นายอนุชา กล่าวว่า ไม่มี เป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา ที่การประชุมจะเสร็จหรือไม่เสร็จ เขาถึงมีบทบัญญัติระบุไว้ถ้าไม่เสร็จก็ไปใช้ของเดิม ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนต้องบังคับว่าต้องเสร็จ มันก็เหมือนกับกฎหมายอื่นๆ ถ้าทำไม่ได้ก็ให้กลับมาใช้แบบนี้เป็นไปตามข้อกำหนด
ในส่วนของรัฐบาลอยากให้กฎหมายดังกล่าวรัฐสภาพิจารณาเสร็จตามกรอบเวลาหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ถือว่าเป็นเรื่องส่วนรวมของสมาชิกรัฐสภา ใครก็ไม่สามารถมาตัดสินใจแทนกันได้ ต้องตัดสินร่วมกัน ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งจะชี้นำอะไรได้ เมื่อถามว่าหากพิจารณากฎหมายไม่ทันตามกรอบเวลากังวลหรือไม่ที่จะถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ นายอนุชากล่าวว่าคนออกไปพูดทำให้สังคมสลับสน คนที่ออกไปพูดก็พูดเรื่องตัวเอง ไม่ได้พูดตามข้อกฎหมาย
‘จุรินทร์’ลั่นกวาดสส.ภาคใต้30ที่นั่ง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ที่กล้เข้าสู่การเลือกตั้งมีพรรคการเมืองทยอยเปิดตัวและมองว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์สาขา2หลังมีอดีต ส.ส.หรือสมาชิกพรรคย้ายพรรคว่า พอใกล้โหมดเลือกตั้ง ปรากฎการณ์การย้ายพรรคของส.ส.ก็จะเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย ไม่ได้เกิดสมัยนี้ แล้วก็มีเข้าออกทุกพรรค
โดยวันที่14 ส.ค.นี้ตนจะได้เดินทางไปประชุมกับเลือดใหม่ประชาธิปัตย์ที่จังหวัดสงขลา โดยมีนายเดชอิศม์ ขาวทอง และนายนิพนธ์ บุญญามณี ได้เตรียมการแล้ว ซึ่งในวันดังกล่าวจะทราบว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมแค่ไหน ทั้งตัวบุคคล พื้นที่ไหนชัดเจนก็จะประกาศให้ทราบต่อไป
สำหรับเลือดใหม่ ประชาธิปัตย์ภาคใต้ 30 กว่าที่ ยกเว้นบางพื้นที่ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะต้องทำโพล ก็ต้องรอผลการสำรวจ เพราะว่ามีผู้สนใจสมัคร 2 คน 3 คนบ้าง เราก็จะเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ดีที่สุดให้กับพี่น้องประชาชนได้เป็นทางเลือกสำหรับคนปักษ์ใต้ต่อไป ส่วนจังหวัดภูเก็ตจบแล้ว แต่ยังรอเวลาที่เหมาะสมที่จะเปิดตัวทั้ง 3 เขต และในวันที่19ส.ค.นี้จะได้เดินทางไปจังหวัดพิจิตร เพื่อเปิดตัวผู้สมัคร เพื่อให้เห็นว่าประชาธิปัตย์นั้น มีความพร้อมอีกด้วย
บอกทุกพรรคมีสิทธิ์ฝันได้สส.
เมื่อถามว่ามีความกังวลใจหรือไม่กับการที่มีพรรคใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ประกาศยกจังหวัดในภาคใต้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกพรรคก็มีสิทธิ์ฝัน และผู้ให้คำตอบก็คือพี่น้องประชาชน สำหรับประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรหวั่นไหว เราก็เตรียมพร้อมไว้ ที่ยังแน่นเหนียวอยู่กับพรรคก็มีมาก มีเยอะ และเลือดใหม่ก็เข้ามาเยอะ มีคุณภาพคับแก้วทั้งนั้น เพราะเราต้องการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เป็นทางเลือกกับพี่น้องประชาชนในการเสนอตัวเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์
ปชป.พร้อมเลือกตั้งทุกรูปแบบ
นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.จะเสร็จภายใน 180 วันหรือไม่ว่าประชาธิปัตย์จะเข้าประชุมตามปกติ และจะไม่เข้าไปร่วมกระบวนการที่จะทำให้ที่ประชุมล่ม เราเดินหน้าไปตามกระบวนการรัฐสภา ที่เราเห็นว่าเหมาะสม ส่วนผลจะออกมาอย่างไรขอให้เป็นไปตามมติของที่ประชุมรัฐสภา ประชาธิปัตย์พร้อมสำหรับการเลือกตั้งทุกรูปแบบ เรายืนหยัดตามอุดมการณ์ ตามแนวทางของเรา ในวิถีทางรัฐสภาที่เรามั่นใจ และอย่างมั่นคง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะมีบุคคลที่มีชื่อเสียง ตัดสินใจเปิดตัวทำงานการเมืองกับพรรค ทั้งใน กทม. และในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเร็วๆ นี้ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมเปิดโอกาสให้บุคคลต่างๆ เข้ามาทำงานการเมืองร่วมกับพรรค เพื่อสานต่อภารกิจและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค ให้เกิดประโยชน์สุขกับประชาชนตลอดไป.
‘พิสิฐ’ยันภักดีเหนียวแน่นอยู่ปชป.
ที่รัฐสภา นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณีอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ย้ายออกจากพรรคว่า เป็นเรื่องธรรมดาวิธีการแบบนี้จะสามารถทำให้พรรคดึงคนรุ่นใหม่ๆเข้ามา ส่วนคนที่ยังอยู่กับพรรค ท่านก็ต้องตัดสินใจของท่านเองว่าท่านจะอยู่ที่ไหน ตนเชื่อว่าตัวท่านต้องมีวิจารณญาณ และบอกไม่ได้ว่าจะมีใครออกจากพรรคอีกหรือไม่ อยู่ที่ใจของแต่ละคน เชื่อว่าแต่ละคนก็คนต้องชั่งใจด้วยตัวเองเราคงไปบังคับใครไม่ได้และอดีตส.ส.ของพรรคปชป.ไปอยู่พรรคโน่นพรรคนี้ เต็มไปหมด ก็เป็นเรื่องธรรมดา ตนเชื่อมั่นในตัว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคที่จะนำพาพรรคอย่างเหนียวแน่นต่อไป
“ขอบคุณที่ทุกคนเป็นห่วง ผมเคารพทั้งหัวหน้าพรรคและประธานสภาฯ ที่เป็นคนเปิดโอกาสให้ผมเข้ามาและผมก็ทำงานเต็มที่ ส่วนจะอยู่ต่อหรือไม่ก็สุดแท้แล้ว ถ้าพรรคเห็นว่าผมเป็นประโยชน์ ก็ขอทำงานต่อให้ ถ้าไม่ให้ผมอยู่ ผมก็ยืนยันที่จะอยู่ข้างหลังแต่ไม่มีใจออกห่างพรรคแต่ประการใด”นายพิสิฐ ย้ำ
‘เฉลิมลักษณ์’ย้ายซบ‘ภูมิใจไทย’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าน.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ อดีตส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองป่าตองและนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมใหญ่2แห่งในภูเก็ตได้ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปอีกคน หลังก่อนหน้านี้มีการลาออกอย่างต่อเนื่อง โดยมีภาพการ่วมโต้ะกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและแกนนำพรรคพร้อมฐานคะแนนเสียงในพื้นที่ภูเก็ต รอเพียงการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในพื้นที่ เพื่อประกาศเปิดตัวลงส.ส.ในนามพรรคภูมิใจไทย เขต3จนเป็นที่วิจารณ์ในสภากาแฟถึงศึกชิงพื้นที่จ.ภูเก็ตการเลือกตั้งส.ส.ต้นปีหน้าว่าเป็นพื้นที่ช้างชนช้างอีกพื้นที่หนึ่ง
สอท.ติว50ว่าที่ผู้สมัครสส.อีสาน
วันเดียวกัน พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค จัดประชุมพบปะว่าที่ผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัคร ส.ส. ภาคอีสาน กว่า 50 คน โดยนายอุตตม ได้กล่าวกับผู้เข้าร่วมประชุมว่า ในพื้นที่ภาคอีสาน พรรคต้องทำงานอย่างหนัก และละเอียด เพราะเป็นพื้นที่หลักที่พรรคให้ความสำคัญ และถือเป็นพื้นที่สำคัญของประเทศ ซึ่งพรรคมีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งในหลายพื้นที่ โดยแนวทางของพรรคจะเลือกคนที่ใช่จริง ๆ มาทำงานด้วยกัน พรรคพร้อมทำงานและสนับสนุนอย่างเต็มที่ วันนี้ถึงเวลาแล้ว ขอให้ผู้สมัครฯทุกคนทำงานในพื้นที่อย่างจริงจังและเต็มที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี