ศาลรธน.นัดอ่านคำวินิจฉัยบ่าย3
ชี้ชะตา‘บิ๊กตู่’
ตร.ระดมกำลัง-ตั้งวอร์รูมคุมเข้ม
‘ประยุทธ์’ไม่เครียดน้อมรับคำตัดสิน
‘บิ๊กป้อม’รอฟังผลมูลนิธิป่ารอยต่อ
กอ.รมน.ย้ำทุกหน่วยเกาะติดม็อบ
ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยคำร้องปมวาระ 8 ปี นายกฯ ชี้ชะตา“บิ๊กตู่”วันที่ 30 กันยายน บ่าย 3 โมง ถ่ายทอดสดผ่านยูทูบ ตร.ระดมกำลัง-ตั้งวอร์รูม คุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยศาลฯ
‘ปธ.ชวน’ขอรอศาลวินิจฉัย ชี้ชะตา‘นายกฯ8 ปีอย่าเพิ่งพูดอะไรล่วงหน้า อุบัติเหตุการเมืองผ่าลงกลางสภา ‘บิ๊กป้อม’ ไม่ห่วง การันตีไม่มีม็อบชนม็อบป่วน โฆษก กอ.รมน.ชี้ยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหวผิดปกติ ย้ำทุกหน่วยเกาะติดม็อบป่วน‘ธนกร’วอนสารพัดม็อบ อย่าชุมนุม กดดันศาลฯ ยันไม่ว่าคำตัดสินออกมาอย่างไร‘บิ๊กตู่’น้อมรับอย่างชายชาติทหาร ‘เพื่อไทย’แถลงค้านกฎเหล็ก 180วัน กกต. ยก5ข้อจวกระเบียบ กกต.ซัดซัดลักลั่น ขวางช่วยปชช. ไม่ทำให้เลือกตั้ง สุจริต-เสรี-เป็นธรรม หวั่นบังคับใช้ไม่เท่าเทียม ‘จุรินทร์’ย้อน‘ฝ่ายค้าน’เคยเป็นรัฐบาลมาก่อน ไม่มีใครได้เปรียบจากกฎเหล็ก กกต.ด้าน‘ถาวร’เปิดตัวนั่ง ประธานพรรคไทยภักดี ยันไม่ควบรวมกับพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศ ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับสื่อมวลชนที่จะมารายงานสดและติดตามการอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในคดีวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดยคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมในเวลา 09.00น.เพื่อพิจารณาวินิจฉัยและปรึกษาหารือก่อนลงมติ และ จะออกนั่งบัลลังค์อ่านคำวินิจฉัยเวลา15.00น.โดยจะมีการถ่ายทอดสดการอ่านคำวินิจฉัยจากห้องพิจารณาลงมา ยังห้องสื่อมวลชนที่บริเวณลานชั้น2ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ได้ติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดและลำโพงเรียบร้อยแล้ว ประกอบกับ จะมีการถ่ายทอดสดผ่านยูทูป“สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ”เพื่อให้ประชาชนได้ติดตามการอ่านคำวินิจฉัย โดยไม่ต้องเดินทางมา ที่ศาลรัฐธรรมนูญ
ตร.ระดมกำลัง-ตั้งวอร์รูมคุมเข้ม
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยยังคงยึดตามระเบียบสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญที่จะควบคุมพื้นที่โดยรอบ มีการติดป้ายเขตอำนาจศาล และจัดกำลังตำรวจดูแลความเรียบร้อย
ทั้งนี้มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาดูสถานที่และจัดตั้งวอร์รูมบริเวณชั้นล่างของสำนักงาน โดยจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตามสถานการณ์ทและเฝ้าติดตามในกรณีมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆโดยที่ผ่านมาการจัดกำลังดูแลความปลอดภัยจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ทุ่งสองห้อง เป็นกำลังหลักขณะที่ช่วงเย็นวันที่ 29 กันยายน หลังเจ้าหน้าที่เลิกงานแล้วจะนำแผงเหล็กมาวางตามแนวด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อแสดงถึงพื้นที่ขอบเขตอำนาจศาล ประกอบกับไม่ให้บุคคลเข้าออกหรือใช้พื้นที่ดังกล่าว
‘บิ๊กป้อม’ยัน30ก.ย.ไม่มีม็อบชนม็อบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีการเปิดให้ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักข้างทำเนียบฯ เข้าพบเมื่อวันที่ 28ก.ย.ได้มีการพูดคุยกันหรือไม่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดจะเดินทางกลับวันไหนว่า ไม่รู้เขาเขามาขอร้องในฐานะที่เป็นประธานในการช่วยเรื่องความยากจน ปัญหาที่ดิน ปัญหาเรื่องน้ำและปัญหาที่อยู่ที่อาศัยซึ่งเขาก็บอกว่ายังไม่ได้อะไรบ้าง เขามาแค่นั้นเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการมองกันว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่มาปักหลักข้างทำเนียบฯเพื่อมาเป็นแนวป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆที่จะมาชุมนุมในวันที่ 30 ก.ย.นี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวปฏิเสธว่า“ไม่รู้”เมื่อถามย้ำว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้แจ้งใช่หรือไม่ว่า จะเดินทางกลับเมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า“ไม่ได้แจ้ง”เมื่อถามว่าวันที่30ก.ย.นี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า“ไม่ห่วง ผมไม่ห่วง”
“ธนกรวอนม็อบอย่าชุมนุมกดดันศาล
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเรียกร้องไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมนัดชุมนุมในวันที่ 30 ก.ย.ว่า อยากให้ผู้ชุมนุมทุกกลุ่มยุติความคิดที่จะออกมาเคลื่อนไหวในขณะนี้ เพราะหากออกมาเคลื่อนไหวชุมนุม อาจจะถูกมองว่าเป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญได้ ควรรอฟังคำวินิจฉัยของศาลก่อน อย่าด่วนฟัง คำพูดบิดเบือนของนักการเมืองบางกลุ่มแล้วรีบออกมาร่วมม็อบบนท้องถนน เพราะสุดท้ายแล้ว หากเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาก็มีให้เห็นหลายครั้งหลายกรณีแล้วว่าแม้แต่แกนนำที่ปลุกปั่นให้ท่านออกมาชุมนุมนั้นก็ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆเลย แต่เป็นตัวท่านที่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง ขอร้องประชาชนทุกคนว่าขณะนี้บ้านเมืองสงบสุขมาเป็นเวลานานแล้ว โควิด-19 พึ่งจะเบาบางลง ชาวบ้านได้กลับมาหากินกันตามปกติ การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจกำลังจะกลับมา หลังทั่วโลกต่างผจญกับวิกฤติเศรษฐกิจโลกมานาน อยากขอให้พี่น้องประชาชน รอฟังคำวินิจฉัยของศาลอยู่ที่บ้าน
ยัน‘บิ๊กตู่’พร้อมน้อมรับคำตัดสิน
อดีตโฆษกสำนักนายกฯระบุว่า ยืนยันว่าไม่ว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไรพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล อย่างชายชาติทหาร ขณะที่กลุ่มการเมืองที่ออกมาปลุกปั่นประชาชนอยู่ในขณะนี้ก็ควรรับคำตัดสินของศาลด้วยไม่ใช่ว่าคำตัดสินโดนใจก็เฮ แต่ถ้าไม่โดนใจก็ออกมากดดัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อยากถามว่า เขาพร้อมน้อมรับคำตัดสินอย่างลูกผู้ชายด้วยหรือไม่ หรือมีธงในใจอยู่แล้วว่าจะทำอะไรต่อไป ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาแบบไหนก็ตาม
กอ.รมน.ยังไร้เคลื่อนไหวผิดปกติ
ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก กอ.รมน. กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยวาระ 8ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาทางกอ.รมน.มีการดูแลเรื่องความมั่นคงภายในอย่างไรว่า ยังไม่ได้มีภารกิจอะไร ซึ่งปกติทุกหน่วยราชการ จะติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอยู่แล้วและมีหน่วยงานหลักรับผิดชอบดูแลอยู่แล้วเช่นกัน ส่วนการข่าวที่อาจมีผู้ชุมนุมเคลื่อนไหว หาก พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านการวินิจฉัยนั้น ทุกหน่วยงานติดตามอยู่แล้ว แต่ในส่วนอื่น ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวทางการเมืองบ้างแต่ผู้ที่มีหน้าที่หลัก ก็ยังทำหน้าที่ปกติ และหาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อ กอ.รมน.ทำงานปกติ มีงานรับผิดชอบตามกรอบกฎหมายกำหนดอยู่แล้ว เราก็ยังเป็นหน่วยปฏิบัติไปตามกลไก ขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในด้านความมั่นคง
ทบ.นิ่ง-ทหารช่วยถ้าตร.ร้องขอ
พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก และโฆษกกองทัพบก ยังระบุถึง สถานการณ์การเมืองในวันพรุ่งนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยวาระ 8 ปีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาว่า กองทัพบกก็ยังคงทำหน้าที่ปกติ ส่วนกรณีที่อาจจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมการเมืองออกมาเคลื่อนไหว ก็ขึ้นอยู่กับการร้องขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะให้ทหารเข้าไปช่วยดูแลสถานการณ์หรือไม่
‘ชวน’ย้ำรอศาลวินิจฉัยปม8 ปี‘บิ๊กตู่’
ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏรกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ8ปีหรือไม่ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ทางสภาฯจะมีการเตรียมตัวอย่างไรหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นว่า เรื่องนี้มีกฎหมายกำหนดไว้อยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งไปพูดอะไรไว้ก่อน ต้องรอศาลฯตัดสิน
อย่าเพิ่งพูดล่วงหน้า‘อุบัติเหตุการเมือง’
เมื่อถามว่าขณะนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯหากต้องมีการเลือกนายกฯใหม่จะดำเนินการอย่างไร หรือจะสามารถเปิดประชุมสภาฯได้หรือไม่ ประธานสภาฯ กล่าวว่า“อย่าไปสมมติเลย ยังไม่ตัดสิน ไว้รอดูพรุ่งนี้ อย่าเพิ่งพูดอะไรล่วงหน้าเลย เพราะมีกฎกติกา กฎหมายรัฐธรรมนูญมันมีอยู่แล้ว มันไม่ได้มีอะไรพิเศษออกมา”เมื่อถามว่า จะไม่เป็นสุญญากาศทางการเมืองหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า มันไม่มี ปกติก็เป็นเรื่องสถานการณ์ตำแหน่งนายกฯจะอยู่จะไป ก็ต้องรอดูศาลฯตัดสิน ส่วนจะต้องส่งฝ่ายกฎหมายสภาไปร่วมรับฟังคำวินิจฉัยศาลฯวันพรุ่งนี้(30ก.ย.)หรือไม่ นายชวน กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ฝ่ายส.ส.ร้องมายังสภาฯเพราะฉะนั้นสภาฯก็ต้องมีตัวแทนไปซึ่งตนก็เซ็นมอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมายสภาฯไปรับฟังคำวินิจฉัย
พท.แถลงค้านกฎเหล็ก180วันกกต.
ที่พรรคเพื่อไทย(พท.)น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) อ่านแถลงการณ์พรรคเพื่อไทยกรณีระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เรื่อง ข้อปฏิบัติในระยะเวลาหาเสียง 180วันก่อนวันครบอายุสภาผู้แทนราษฎร มีเนื้อหาว่า ตามที่ กกต.ได้ออกระเบียบตามมาตรา 64, 65 และ 68 กฎหมายเลือกตั้งว่า ภายในระยะเวลา 180 วันนับตั้งแต่วันที่ 24กันยายน2565 ไปถึงการเลือกตั้งทั่วไป ผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องรวมนับค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง และมีข้อห้ามอื่นๆ เรื่องการแจกสิ่งของและวิธีการหาเสียง นั้น พรรคเพื่อไทยมีความเห็นว่า กฎหมายเลือกตั้งต้องทำให้การเลือกตั้งสุจริต เสรีและเป็นธรรม ใช้บังคับกับนักการเมือง พรรคการเมือง และว่าที่ผู้สมัครอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะมีตำแหน่งอยู่ในฝ่ายบริหารหรือไม่ก็ตาม
ยก5ข้อจวกระเบียบกกต.ซัดลักลั่น
โดยมีความเห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าว อาจมีปัญหาว่าขัดกับหลักสามัญสำนึก หลักนิติธรรมและหลักปฏิบัติที่ใช้กันมา ดังนี้1.บทบัญญัติในกฎหมายเลือกตั้งทำนองนี้ ไม่เคยมีมาก่อน แต่เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหาร และ พิจารณาโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่สมาชิกไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่กลับเป็นผู้พิจารณาเรื่องการเลือกตั้ง 2.ข้อจำกัด180วัน มีความลักลั่น เนื่องจากถ้าในการเลือกตั้งภายหลังการยุบสภา จะต้องใช้บทบัญญัติอื่นที่ระยะเวลาในการคำนวณค่าใช้จ่าย และห้ามกระทำบางเรื่องจะสั้นกว่า ตามปกติประมาณ 60 วัน สะท้อนว่าการห้ามเป็นระยะเวลา180วัน ไม่มีตรรกะที่ดีในการร่างกฎหมาย
โวยจำกัดสิทธิ เสรีปชช.เกินไป
3.เงื่อนไข 180วัน เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนนานเกินควรที่จะได้รับทราบนโยบายของนักการเมืองในบางสถานที่และเวทีที่มีข้อห้ามและประชาชนมาชุมนุมกันจำนวนมาก เช่น เวทีที่มีมหรสพ อีกทั้งยังทำให้นักการเมืองไม่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติประเพณีได้ในช่วงเวลานั้น เช่น การใส่ซองงานประเพณีต่างๆ นอกจากนั้นข้อห้ามที่ค่อนข้างนานกระทบต่อการดูแลช่วยเหลือประชาชนถ้ามีกรณีภัยพิบัติต่างๆ เช่น น้ำท่วม เป็นต้น
หวั่นบังคับใช้เกิดความไม่เท่าเทียม
4.เงื่อนไขในลักษณะนี้ มีปัญหาเรื่องความชัดเจน ก่อให้เกิดความกังวลว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ซึ่ง แม้ กกต.จะได้ชี้แจง แต่ข้อกังวลยังคงอยู่ เพราะยังมีช่องในการตีความ และใช้ดุลพินิจ กฎหมายที่ดีควรชัดเจนและไม่ควรเปิดช่องให้ต้องตีความ 5.ข้อที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ ความเป็นธรรมและความเท่าเทียม ถ้าบทบัญญัติและระเบียบห้ามนักการเมืองทั่วไปว่าทำไม่ได้ แต่ผู้มีตำแหน่งทางฝ่ายบริหารในรัฐบาลเช่นรัฐมนตรีทำได้ อาจรู้สึกว่าลักลั่นกัน มีปัญหาเรื่องความเท่าเทียมเป็นธรรมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองก่อนเข้าสู่การเลือกตั้ง พรรคมีความเห็นว่าบทบัญญัติกฎหมายต้องไม่ทำให้ฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ
ฉะไม่ได้ทำให้ลต.สุจริต เสรี เป็นธรรม
พรรคเพื่อไทย เห็นว่าโจทย์สำคัญของการเลือกตั้งคือ ต้องสุจริต เสรีและเป็นธรรม ดังนั้นกฎหมายเลือกตั้งต้องตอบโจทย์นี้ให้ได้ ถ้าบทบัญญัติเรื่องค่าใช้จ่าย และการห้ามทำกิจกรรมในบางเรื่องในช่วงเวลา 180 วันก่อนสภาผู้แทนราษฎรครบวาระ ไม่ตอบโจทย์และไม่ได้ทำให้การเลือกตั้งสุจริต เสรีและเป็นธรรมมากขึ้น เราก็ต้องช่วยกันพิจารณาหาทางแก้ไข และพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะพิจารณาเสนอแนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ร่วมกับประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อปรับปรุงกฎหมายให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากกฎหมายที่ดีต้องชัดเจน ปฏิบัติตามได้ สอดคล้องกับสามัญสำนึก และหลักนิติธรรม
‘จุรินทร์’ลงออนทัวร์กระบี่-พังงา
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในเรื่องการหาเสียงช่วง 180 วัน ว่า ระหว่างวันที่ 30 ก.ย. ถึง 3 ต.ค. นี้จะจัด “จุรินทร์ออนทัวร์” ลงพื้นที่จังหวัดพังงา และกระบี่ โดยวันที่ 1-2 ต.ค. จะมีการสัมมนา ส.ส.ของพรรค ที่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่
เดินหน้าติวเข้ม กฎเหล็กกกต.
นายจุรินร์กล่าวว่าในที่ประชุมคงได้มีการพูดคุยกันถึงกติกาของ กกต. ในเชิงลึกอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ในภาพรวม ในฐานะหัวหน้าพรรคก็ได้สั่งการไปแล้วว่าขอให้สมาชิกพรรคทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งหรือกฎระเบียบทั้งหมดที่ออกโดย กกต. แต่หากในภาคปฏิบัติจริง กกต. จะมีศูนย์ช่วยตอบคำถามข้อข้องใจของผู้สมัครหรือผู้สนใจลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือพรรคการเมือง หรือผู้เกี่ยวข้องในลักษณะที่เป็นการตอบคำถามภาคปฏิบัติ และผู้ตอบคำถามสามารถตอบในฐานะตัวแทนของ กกต.ได้ก็จะเป็นประโยชน์ในการที่จะช่วยให้ทุกฝ่ายสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างเคร่งครัด และเข้าใจยิ่งขึ้น
“ประชาธิปัตย์ ไม่มีความประสงค์ที่จะปฏิบัตินอกเหนือไปจากกฎเกณฑ์กติกาทางกฎหมาย ผมได้สั่งการไปทั้งหมดแล้ว ยินดีปฏิบัติตามที่ กกต. กำหนดทุกประการ และเรียนว่าเราไม่มีเจตนา ขอพูดไว้เบื้องต้นเลย เพราะได้สั่งการไปทั้งหมดแล้ว”นายจุรินทร์ ย้ำ
ลั่นไม่มีใครได้เปรียบกฎเหล็กกกต.
เมื่อถามว่าการที่ฝ่ายค้านมองว่าการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในช่วง 180 วันหรือไม่นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ถ้าเป็นการลงพื้นที่ในการปฏิบัติปกติ ไม่ว่าฝ่ายค้านวันนี้ ซึ่งอดีตเคยเป็นรัฐบาลมาก็ปฏิบัติเป็นไปตามนั้น ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นกฎหมายก็ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอยู่แล้ว การไปปฏิบัติราชการก็เป็นหน้าที่ของคนที่เป็นรัฐบาล เพราะถ้าไม่ลงไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ ประกอบกับส่วนกลางด้วย ก็จะถูกตำหนิว่าไม่สนใจประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ เช่นเมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วม รัฐบาลจะอยู่เฉพาะในกรุงเทพฯ เฉพาะที่กระทรวง ที่ทำเนียบฯ ก็ทำไม่ได้ ต้องลงไปดูสารทุกข์สุขดิบของประชาชน และต้องลงไปสั่งการให้หน่วยราชการต่างๆ ลงไปแก้ปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำมันไม่ปกติ แต่เรื่องการหาเสียงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบของ กกต.
‘มาดามเดียร์’ติวเข้มผู้สมัครสส.กทม.
วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึง การสัมมนาเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “Social Media in Advance” ที่ คณะกรรมการการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 30 ก.ย.นี้ ว่า เป็นกิจกรรมเชิงรุกของทีมกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค เป็นหัวหน้าทีม สำหรับการทำกิจกรรมในวันนี้ก็เป็นการปฏิบัติการอบรมเชิงรุกและการใช้สื่อยุคใหม่ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะต้องใช้ศาสตร์และศิลป์เพื่อให้การสื่อสารในทางการเมืองของทีมกรุงเทพของพรรคไปสู่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผลยิ่งขึ้น ซึ่งมีติวเตอร์หลายรายที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.ส.วทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์ มาเป็นติวเตอร์สำคัญที่จะช่วยให้ทีมปฏิบัติการสามารถลงมือปฏิบัติได้จริง
หวังใช้โซเชียลเพิ่มคะแนนลุยเลือกตั้ง
นายจุรินทร์กล่าวสื่อยุคใหม่โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและพรรคปชป.ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และใช้สื่อโซเชียลมากกว่า 10 ปีแล้ว เฟซบุ๊กก็มีคนติดตามล้านกว่าคน แต่ช่วงหลังเราต้องยอมรับความจริง แม้แต่เฟซบุ๊กเองก็ปิดกั้นการเข้าถึงของผู้ติดตามหรือ followerในระดับหนึ่ง เราจะทะลุทะลวงสิ่งนี้ไปได้อย่างไร ก็เป็นเรื่องของภาคปฏิบัติที่จะต้องมีการอบรมให้ความรู้ความสามารถกับผู้สมัคร ส.ส. ผู้สมัครท้องถิ่นของกรุงเทพฯและทีมสนับสนุนทั้งหมดต่อไปในอนาคต กิจกรรมวันนี้ต่อไปก็คงจะต้องขยายไปทำในทุกภาคด้วย
ด้าน นายองอาจกล่าวถึงการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ว่า เป็นการติวเข้มผู้สมัคร ส.ส. กทม. และทีมงานให้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นในการใช้โซเชียลมีเดีย ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ถึงแม้ผู้สมัคร ส.ส. กทมและทีมงานจะมีพื้นฐานความรู้การใช้โซเชียลมีเดียอยู่แล้วแต่การสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้จะเป็นการฝึกปฏิบัติจริงในเทคนิควิธีการใหม่ที่จะทำให้การสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น เชื่อว่าการติวเข้มผู้สมัคร ส.ส. กทม. ครั้งนี้ จะช่วยทำให้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์จากการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนรอบด้านและน่าสนใจมากขึ้น
‘ถาวร’นั่งประธานพรรคไทยภักดี
ที่พรรคไทยภักดี นายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.คมนาคม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)เปิดตัวนั่งตำแหน่ง ประธานพรรคไทยภักดี หลังจากช่วงเช้าได้เข้าสมัครสมาชิกพรรคไทยภักดี โดยมี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี, พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช เลขาธิการพรรค พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคไทยภักดี ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมมอบบัตรสมาชิก สวมเสื้อพรรคไทยภักดีและคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรือง
ลั่นพอกันที‘ประยุทธ์’ไม่ปราบโกง
นายถาวร กล่าวว่าการรัฐประหาร ในวันที่ 22 พ.ค.2557 มีความประสงค์ที่จะยุติความวุ่นวาย และกวาดล้างการทุจริต อยากถามว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ พร้อมย้ำการปฏิรูปประเทศต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อประชาชนหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ปฏิรูปประเทศ ไม่ปราบปรามการทุจริต ก็พอกันที
แม้พรรคไทยภักดี จะเป็นพรรคเล็ก ไม่มีนายทุนผูกขาด แต่มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ตั้งใจทำการเมืองให้ดีขึ้น ต้องปฏิรูปประเทศให้ครบทุกด้าน ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของการเป็นผู้นำประเทศ ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ เราสามารถสกัดกั้นคนไม่ดี ไม่ให้มาบริหารประเทศได้และส่งเสริมคนดีให้มานั่งบริหารประเทศ
“ซึ่งเราได้มอบจิตวิญญาณ มอบความตั้งใจ พละกำลังทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ ปฏิรูปประเทศ การทุจริตจะต้องลดลง และชาติบ้านเมืองจะต้องเจริญ ประชาชนจะต้องอยู่ดีกินดี คนชั่วจะไม่มีที่ยืน นักการเมืองที่ทุจริตเอาเปรียบ จะต้องเข้าคุก หาก พล.อ.ประยุทธ ไม่ปฏิรูปประเทศ ไม่ปราบปรามการทุจริต ก็พอกันที”นายถาวร ย้ำ
ประกาศชัดไม่ควบรวมกับพรรค
ส่วนช่วงนี้มีการควบรวมพรรคการเมือง พรรคไทยภักดีจะควบรวมกับพรรคอื่นหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า จากการที่ได้คุยกับคณะกรรมการบริหารพรรคขณะนี้ เราไม่จะไปจับมือ หรือควบรวมกับใคร พรรคไทยภักดี ยืนด้วยความแข็งแกร่ง มีหัวใจที่พองโตและความมุ่งมั่นสูงมาก
ทั้งนี้ นพ.วรงค์ เปิดเผยว่า พรรคไทยภักดี เตรียมจัดงานระดมทุนครั้งใหญ่วันที่ 23 ต.ค.ที่เมืองทองธานีเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง และสิ่งที่ประชาชนได้รับตอบแทนจากพรรคไทยภักดี คือ การปราบปรามการทุจริตจะเกิดขึ้นอย่างจริงจัง และ นำไปสู่นวัตกรรมเปลี่ยนแปลงประเทศ ที่ไม่มีพรรคการเมืองใดทำได้
ศรีฯยื่นกกต.ฟันเอาผิดป้าย‘ภท.-สอท.’
สำนักงาน กกต.ศูนย์ราชการฯ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นเบาะแสต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนสอบสวนเอาผิดพรรคภูมิใจไทยและพรรคสร้างอนาคตไทย ที่จัดทำและติดตั้งป้ายโฆษณาหาเสียงบริเวณริมถนนต่าง ๆ ทั่วประเทศไม่เป็นไปตามระเบียบของ กกต.สืบเนื่องจากกกต.ได้ออกระเบียบ ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา รวมทั้ง พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ในส่วนของมาตราที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.บางส่วนได้กำหนดให้ว่าที่ผู้สมัครและพรรคการเมืองจะต้องปฏิบัติตาม ในช่วง 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.2565 ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระในวันที่ 23 มี.ค.2565 แล้ว
ปรากฏว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรคฯ ได้เริ่มจัดทำป้ายหาเสียงออกมาติดตั้งในบริเวณพื้นที่หาเสียงต่าง ๆ บริเวณริมถนนสายต่าง ๆ หลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยนำเสนอนโยบายพรรค นำเสนอรูปหัวหน้าพรรคหรือบุคคลสำคัญของพรรค หรือนำเสนอรูปผู้สมัครพร้อมชื่อของพรรค เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งและบุคคลทั่วไปได้จดจำ ชื่อผู้สมัคร ชื่อหัวหน้าพรรคหรือแกนนำพรรค ชื่อของพรรค และหรือนโยบายของพรรคในด้านต่างๆนั่นเอง เนื่องจากระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ระบุไว้ชัดเจนว่า ประกาศการโฆษณาหรือแผ่นป้ายการโฆษณาหาเสียง สามารถระบุชื่อ รูปถ่าย หมายเลข ประจำของตัวผู้สมัคร ชื่อของพรรคการเมือง สัญลักษณ์ของพรรคการเมือง นโยบายของพรรคการเมือง คติพจน์ คำขวัญ หรือข้อมูลประวัติเฉพาะที่เกี่ยวกับตัวผู้สมัครหรือพรรคการเมือง พร้อมระบุชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่ของผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต จำนวน และวันเดือนปีที่ผลิตไว้อย่างชัดเจนที่ด้านหน้าของประกาศการโฆษณาหรือแผ่นป้ายการโฆษณาด้วย
อ้างขัดระเบียบหาเสียงของกกต.
จากการตรวจสอบป้ายหาเสียงของพรรคภูมิใจไทย ที่เริ่มติดตั้งอยู่ริมถนน ตรอก ซอย ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ อาทิ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชลบุรี จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดนครราชสีมา ฯลฯ และของพรรคสร้างอนาคตไทยบางพื้นที่ กลับพบว่าแผ่นป้ายโฆษณาหาเสียงทุกแผ่นป้ายของสองพรรคการเมืองดังกล่าว มีพิรุธจัดทำไม่เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 และระเบียบ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2565 อันเป็นสาระสำคัญของระเบียบดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานมาแจ้งเบาะแสให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการเอาผิดตามครรลองต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี