‘ฮุนเซน’ติดโควิดงดประชุมเอเปก

‘ประยุทธ์’รอด

ไทยเดินหน้าภารกิจเจ้าภาพเต็มที่

ตรวจATKหลังเยือนกัมพูชาไม่ติดเชื้อ

ม็อบนัดชุมนุมแยกอโศก 17 พ.ย.

ตร.ไล่ให้กลับไปลานคนเมือง

ขอร้องทุกฝ่ายเป็นเจ้าภาพที่ดี

อุ่นเครื่องประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปกเตรียมงานต่างๆราบรื่น ขณะที่สมเด็จฮุนเซน งดร่วมประชุมที่กรุงเทพฯหลังติดโควิด ด้านนายกฯบิ๊กตู่ บอกยังโอเคแม้เคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้นำเขมร ระบุตรวจหาเชื้อทุกวันปลอดภัยดี ขณะที่ม็อบราษฎรลุย 5 สถานทูต ยื่นหนังสือโจมตีรัฐบาล ทั้งนัดชุมนุมใหญ่แยกอโศก 17 พฤศจิกายนตำรวจไล่ให้กลับไปปักหลักที่ลานคนเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเช้าวันที่ 15 พฤศจิกายนจากศูนย์การประชุม แห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่ประชุม ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) 2022 มีการการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปกอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจะมีความชัดเจนเรื่องการผลักดันร่างเป้าหมายกรุงเทพว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปก ครั้งที่ 33 ร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 29 รวมทั้ง เน้นการหารือแผนเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก หรือ FTAAP สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น

ฮุนเซ็นติดโควิดงดประชุม

ด้านสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศผ่านเฟซบุ๊กในช่วงเช้าวันที่ 15พฤศจิกายน ว่า เขาคิดโควิด-19 ขณะอยู่ที่เกาบาหลี เพื่อเข้าร่วมการประชุมจี 20 โดยระบุว่า เขาตรวจโควิด-19 ทุกวันก่อนเดินทางออกจากกัมพูชา โดยเฉพาะก่อนออกเดินทาง และไม่พบว่าติดเชื้อ ทั้งยังไม่รู้ว่าตนเองติดเชื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ กระทั่งมีความชัดเจนเมื่อไปถึงโรงพยาบาลในอินโดนีเซีย และเข้าพักผ่อนในตอนเย็น ก่อนจะตื่นมาได้รับการยืนยันว่ามีผลโควิด-19 เป็นบวก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ทุกฝ่ายก็ต้องลุ้นระทึกกันต่อไป เนื่องจากระหว่างการประชุมในกรุงพนมเปญ ผู้นำโลกได้จับมือ สวมกอด และพูดคุยกับสมเด็จฯฮุน เซน อย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ที่มีการสวมกอดกับสมเด็จฯฮุน เซน อย่างแนบแน่น รวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ

อย่างไรก็ดี สมเด็จฯฮุน เซน ระบุว่า ยังโชคดีที่เขาเดินทางไปถึงเกาะบาหลีล่าช้า ทำให้เมื่อคืนวันที่ 14 พฤศจิกายน เขาพลาดที่จะไปร่วมรับประทานอาหารค่ำกับผู้นำประเทศที่เข้ามีประธานาธิบดีฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ เพื่อความปลอดภัยของผู้แทนที่เข้าร่วมประชุม เขาจึงตัดสินใจให้ผู้แทนกัมพูชาเดินทางกลับทั้งหมด ขณะที่ตัวเขาเองวางแผนที่จะเดินทางกลับกัมพูชาในเย็นวันที่ 15 พฤศจิกายน ด้วยเที่ยวบินพิเศษตามปกติ

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการวางแผนเกี่ยวกับการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ซึ่งตามแผนการจะมีขึ้นระหว่างการเข้าร่วมประชุมเอเปกในไทย ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังตรวจพบว่าติดโควิด-19 ทำให้สมเด็จฯฮุน เซน ต้องยกเลิกการเข้าร่วมประชุมเอเปกในฐานะแขกของเจ้าภาพไปด้วย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าผู้นำกัมพูชาจะมอบหมายให้ใครมาเข้าร่วมประชุมแทนหรือไม่ ล่าสุด มีรายงานว่า ทางการกัมพูชาจะไม่ส่งผู้แทนมาเข้าร่วมประชุมเอเปก เนื่องจากคณะส่วนใหญ่ที่เดินทางร่วมไปจี 20 กับสมเด็จฯฮุน เซน ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัวทั้งหมด

“บัวแก้ว”บอกน่าเสียดาย

นายณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พบผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นบวกระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาลในอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับทราบรายงานข่าวสมเด็จฯฮุน เซน มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวกแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และคงทำให้ผู้นำกัมพูชาต้องส่งผู้แทนมาร่วมประชุมเอเปกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะมีการประชุมระดับผู้นำในวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้

“บิ๊กตู่”ยังโอเคตรวจเชื้อทุกวันไม่พบ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังนายกรัฐมนตรีฮุน เซน แห่งกัมพูชา ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ตามกติกาแล้วเป็นการเชิญผู้นำเขตเศรษฐกิจโดยตรง ในการประชุมแบบนี้ วันนี้คือนายกฮุนเซน ก็ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมเอเปกที่ประเทศไทย เนื่องจากท่านติดเชื้อโควิดและไม่สบาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของนายกรัฐมนตรีได้มีการตรวจหาเชื้อแล้วหรือยัง เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับนายกฯฮุนเซน ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ ผมตรวจบ่อยอยู่แล้ว ซึ่งก็มีการตรวจเองที่บ้านด้วย มีเจ้าหน้าที่มาตรวจให้ด้วย และวันไหนที่มีงานอะไรพิเศษก็จะมีการมาตรวจที่ทำเนียบรัฐบาล และเวลาอยู่ที่บ้านก็ตรวจเป็นประจำ หลังจากเดินทางกลับมาจากกัมพูชาในการประชุมสุดยอดอาเซียน ก็ทำการตรวจ และวานนี้ (14 พ.ย.) หลังเป็นประธานเปิดนิทรรศการนำเสนอความสำเร็จ การขับเคลื่อนวาระเศรษฐกิจ BCG ในช่วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก็ได้ตรวจอีกครั้ง ก็ยังโอเคอยู่“

ทุกฝ่ายยังต้องสวมหน้ากากอนามัย

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายฮุนเซนได้มีการส่งใครมาร่วมประชุมเอเปกที่ไทยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องว่าจะส่งใครมา แต่ตามกติกาคือต้องเป็นตัวผู้นำจริงๆที่จะต้องเดินทางมา

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องเพิ่มการตรวจเข้มในเรื่องของมาตรการการแพร่ระบาดของ โควิด-19 หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่เค้ามีการดำเนินการตรวจอยู่แล้วทั้งในส่วนของโรงแรมที่พัก รวมถึงผู้ที่เดินทางมาและชุดการแสดงต่างๆก็มีการตรวจกันอย่างละเอียดอยู่แล้ว ซึ่งมีการทำกันอย่างละเอียด เพราะไม่มีใครอยากจะเป็นหรอก อย่างไรก็ตามช่วงนี้การเดินทางก็มีบ่อยครั้งและมีการเจอกันจำนวนมาก เพราะฉะนั้นอยากฝากเตือนพวกเราด้วยแล้วกันว่าวันนี้เรายังมีการฉีดเข็มกระตุ้นและการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ อยากให้เชื้อโควิดมันกลับมาอีก เพราะการท่องเที่ยวก็เริ่มเต็มคนก็เยอะ ธุรกิจก็ดีขึ้นก็ขอฝากด้วยแล้วกัน

ปลื้มประชุมสุดยอดอาเซียนตามเป้า

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงคำปรารภ และข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า นายกฯ ได้กล่าวถึงความสำเร็จจากการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามวัตถุประสงค์ และได้รับความสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีการประชุมประเด็นกรอบอาเซียน และการประชุมทวิภาคี ที่นายกฯ ได้พูดคุยปรึกษาราชการ กับประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งหลายที่ ได้พูดว่าท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันของทั่วโลก ที่พบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย อาเซียนถือว่าเป็นความหวัง และแสงสว่างทำให้เศรษฐกิจของโลกกระเตื้องขึ้น จึงเป็นโอกาสของอาเซียน และของไทย ในฐานะที่เรามีความสามารถในการแข่งขันหลายส่วนและได้พัฒนามากขึ้น

นายอนุชา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมและรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญที่สุดคือ ไทยยังเป็นแหล่งผลิตอาหารสำคัญของโลก และมีความมั่นคงทางอาหาร ที่ทั่วโลกพูดถึง ดังนั้นอุปสรรคหลายอย่างที่อาเซียน รวมถึงไทยให้ความสนใจคือต้นทุนการผลิตของเกษตรกร เช่น ปุ๋ยแพง ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาทั่วโลก จึงต้องพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง โดยตอนนี้จะเป็นการพูดคุยในการประชุม G20 ที่อินโดนีเซีย จึงต้องติดตามอย่างต่อเนื่องว่าหลังจากการประชุม G20 แล้ว จะมีการพูดประเด็นอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ดังนั้น อาจจะพูดคุยต่อเนื่องมาถึงการประชุมเอเปกที่ไทยด้วย

“ดอน”เป็นห่วงเรื่องความไม่สงบ

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงความพร้อมการจัดการประชุมเอเปก 2022 ว่า ข่าวสารความเคลื่อนไหวออกมาค่อนข้างมาก ส่วนความพร้อมจะเรียกว่าสมบูรณ์ 100% ไม่ได้ แต่ยอมรับว่าการได้ไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ที่กรุงพนมเปญช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความสมบูรณ์มาก เงียบสงบ เรียบร้อย และข่าวที่ออกจากประเทศไทยไม่เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่พนมเปญ เราอยากเห็นความสงบเรียบร้อยสมบูรณ์เกิดขึ้นที่ประเทศไทยในการประชุมเอเปก

เมื่อถามว่าเป็นห่วงการชุมนุมที่จะเกิดขึ้น ในช่วงการประชุมเอเปกหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ก็หวังจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะสิ่งที่เราเห็นที่กรุงพนมเปญสมบูรณ์ เราก็อยากให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราเช่นเดียวกัน และเสียงที่ประเทศอื่นไปประชุมที่กัมพูชา ก็อยากจะเห็นประเทศไทยเกิดความเรียบร้อยเหมือนประเทศกัมพูชา หากจะถามว่าเป็นห่วงอะไร ก็น่าจะเป็นห่วงเรื่องนี้

เมื่อถามว่ามั่นใจได้หรือไม่ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ปี 2553 ที่พัทยา นายดอน กล่าวว่า มันคนละยุคกันแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นอีกประเทศไทยต้องกลับมาพิจารณาตนเอง เพราะเราเป็นคนไทย

“เรื่องมันคนละยุคกันแล้ว เราก็ไม่ได้คิดว่ามันจะกลับไปเป็นแบบนั้น ถ้าเป็นอย่างนั้น ต้องดูอนาคตของพวกเราด้วย เพราะกระทบกับทุกคน” รมว.ต่างประเทศ กล่าว

ประชุมรักษาความวงบเรียบร้อย

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมเอเปก 2565 เปิดเผยถึงผลการประชุมมาตรการดูแลความปลอดภัย การบริหารจัดการจราจร และสถานการณ์การข่าว ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.กอ.ร่วมฯพร้อมด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์,พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.,ตัวแทนกองบัญชากองทัพไทย,กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 30หน่วยงาน เข้าร่วมประชุม เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการประชุมเอเปก 2565 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยวันนี้จะเริ่มเดินทางเข้ามาของคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในบางประเทศ

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า สภาพการจราจรพบว่า วันที่ 14พฤศจิกายน ปริมาณรถจำนวนมาก เนื่องจากยังเป็นวันปกติที่ส่วนราชการและโรงเรียนยังเปิดปกติ แต่ยังเคลื่อนตัวได้ดี โดยทางตำรวจนครบาล ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเพิ่มความเข้มในการดูแลอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน เพื่อให้มีผลกระทบต่อประชาชนในการเดินทางสัญจรให้น้อยที่สุด ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ ขยายเวลาการลงทะเบียนของผู้พักอาศัย ที่มีความจำเป็นต้องใช้ถนนบริเวณที่งดการใช้การจราจรกว่า 45,000 รายในพื้นที่ สน.ลุมพินี และ สน.ทองหล่อ โดยได้เปิดให้ลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ขนส่งพัสดุ ไปรษณีย์ อาหารหรือเอกสารต่างๆ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณจุดตรวจและแสดงเอกสารหลักฐานเพื่อขอเข้าพื้นที่ได้เป็นรายๆไป

ให้รวมตัวได้ที่ลานคนเมือง

ในด้านการแจ้งการชุมนุมในพื้นที่พบว่า มีการแจ้งขอใช้สถานที่กับ กทม. (ลานคนเมือง) เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกาย โดยแจ้งการชุมนุมระหว่างวันที่ 16-18พฤศจิกายน เบื้องต้นได้ประสานขอให้ใช้พื้นที่ที่จัดไว้ให้ดังกล่าวในการชุมนุมฯ ขอความร่วมมืออย่าเคลื่อนย้ายการชุมนุม หรือเดินขบวน เพื่อมิให้กระทบกับมาตรการรักษาความปลอดภัยและหากจะยื่นข้อเรียกร้องสามารถยื่นต่อกระทรวงการต่างประเทศ ศูนย์ดำรงธรรม โดยทางกระทรวงการต่างประเทศ จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ รับไปดำเนินการทันที เพื่อเยียวยา แก้ไขปัญหา และรับเรื่องไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

โฆษก กอ.ร่วมฯกล่าวเพิ่มเติมว่า ผบ.ตร.ให้ความสำคัญกับกำลังทุกนายที่มาปฏิบัติหน้าที่ ได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาลงไปดูแลความเป็นอยู่ และสวัสดิการต่างๆอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกนาย ทุกภาคส่วน พร้อมปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ ภาพรวมการรักษาความปลอดภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งกองอำนวยการร่วมฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดีในการต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก หากมีข้อมูล เบาะแส สิ่งผิดปกติ แจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตลอดเวลา โทร.191 หรือ 1599

ปรับเปลี่ยนป้ายให้ทันสมัย

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ภาพป้ายปรับเปลี่ยนข้อความ (VMS) บนทางพิเศษฉลองรัช ที่ขึ้นข้อความต้อนรับการประชุมผู้นำเอเปกแล้วมีข้อความบางคำมีตัวอักษรตกหล่นนั้น การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลพื้นที่ได้แจ้งว่า จุดที่มีตัวอักษรตกหล่นนั้นเป็นป้าย VMS แบบ Full LED ที่ติดตั้งบนทางพิเศษฉลองรัชบางป้าย และ กพท.ได้ดำเนินการแก้ไขทันทีที่ตรวจสอบพบว่าข้อความตกหล่น ตั้งแต่วันเสาร์ ที่ 12 พ.ย.65 ส่วนข้อความบนป้าย VMS บนทางพิเศษอีก 7 สายทางไม่มีข้อผิดพลาดแต่อย่างใด”กทพ.ได้ดำเนินการแก้ไขข้อความที่ตกหล่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับขออภัยที่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น และได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอีก ดังนี้จึงขอความร่วมมือประชาชนงดการแชร์ภาพข้อความที่ตกหล่น เพื่อร่วมรักษาภาพลักษณ์ที่ดีในช่วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเอเปกระหว่าง 14 - 19 พ.ย.65 นี้” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

บอกทุกอย่างต้องเรียบร้อย

ทั้งนี้ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้นโยบายทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานเพื่อเตรียมการทุกด้านสำหรับการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 29 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในส่วนของการคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้สั่งการทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมปฏิบัติภารกิจให้สอดคล้องตามแผนของคณะอนุกรรมการด้านพิธีการและอํานวยการ และคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร โดยมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ (War Room) ขึ้นที่สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม มีทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ เข้าร่วมเพื่อปฏิบัติภารกิจ 4 ด้าน ประกอบด้วย

ภารกิจด้านทางบก เช่น ตรวจสอบกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่อยู่ในเส้นทางการเดินทางของผู้นำ บุคคลสำคัญและคู่สมรส การประดับธง APEC และป้าย Welcome ตามสายทางที่อยู่ในเส้นทางการเดินทางของผู้นำตรวจสอบและบริหารควบคุมโครงการก่อสร้างที่อยู่ในเส้นทางการเดินทางของผู้นำให้สามารถสัญจรได้อย่างสะดวก ภารกิจทางน้ำ เช่น จัดเจ้าหน้าที่พร้อมเรือและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องร่วมปฏิบัติการกับกองทัพเรือ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการรักษาความปลอดภัยทางน้ำ และการจัดระเบียบการจราจรทางน้ำ

ภารกิจด้านทางราง เช่น ปรับเวลาการเดินรถไฟในเส้นทางที่ขบวนรถยนต์ของผู้นำเอเปกและคณะผ่าน พร้อมกับ วางมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณสถานีรถไฟใกล้เคียงสนามบิน

ภารกิจด้านทางอากาศ เช่นสนับสนุนการปฏิบัติตามแผนต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (Anti Drone) ของกองทัพอากาศ การจัดพื้นที่จอด ณ ท่าอากาศยานต่างๆ

ม็อบเดินสายยื่นหนังสือ5สถานทูต

วันเดียวกัน เครือข่ายกลุ่มเคลื่อนไหว “ราษฎรหยุด APEC 2022” เดินทางไปยื่นหนังสือถึง 5 สถานทูต ได้แก่ สถานเอคอัครราชทูต แคนาดา, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อสื่อสารถึงผู้นำที่จะมาเข้าร่วมการประชุม เวลา 10.00น.ที่อาคารอับดุลราฮิเพลส สถานทูตแคนาดา ประจำประเทศไทย เขตบางรัก ตัวแทนราษฎรหยุดเอเปก 2022 เดินทางมารวมตัวพร้อมเตรียมยื่นหนังสือ ประกอบด้วย นักศึกษา และตัวแทนนักกิจกรรมจากหลากหลายกลุ่ม อาทิ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, พรรคโดมปฏิวัติ, ศาลายาเพื่อประชาธิปไตย, กลุ่มทะลุวัง, We Volunteer, Supporter Thailand (SPT), เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG), กลุ่มทะลุแก๊ส, คณะราษฎรยกเลิก 112 (ครย.112), คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) อาทิ น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม แกนนำเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ และ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ หนอนบุ้ง ผู้ต้องหาคดีอาญา มาตรา 112 จากการทำโพลสำรวจความเห็น นายณัฐภูมิ เลิศไพจิตร หรือ เติร์ด อดีตโฆษกกลุ่ม We Volunteer เป็นต้น

เวลา 11.45น.ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย น.ส.ธนพร หรือ ไหม เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน กล่าวว่า วันนี้เราจะส่งสารของเรา ผ่านทางทูตสหรัฐอเมริกา ที่จะพูดถึงปัญหาสิทธิแรงงาน และกล่าวถึงที่มาของการเดินทางไปยื่นหนังสือ ถึง 5 สถานทูต

ขู่รวมตัวชุมนุมใหญ่แยกอโศก17พย.

โดยภายหลังยื่นหนังสือ น.ส.ธนพร ยังกล่าวด้วยว่า วันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ เราจะมีการชุมนุมใหญ่ เจอกันที่แยกอโศก เวลา 12.00 น. ขอเชิญพี่น้องประชาชนที่จะไปร่วมยื่นหนังสือต่อผู้นำเอเปก เราอาจพูดถึงว่า เอเปก ประชาชนได้อะไร

น.ส.ณัฐนิช หรือ ใบปอ กลุ่มทะลุวัง เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ว่า เรียนเอกอัครราชทูตประจำประเทศแห่งระบอบประชาธิปไตย วันนี้เราเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประทเศไทยในปัจจุบัน และจุดยืนของเราที่มีต่อการประชุมความร่วมมือ ทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิค หรือ เอเปก ประจำปี2565 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ภายหลังการเลือกตั้งนายกฯ ในปี 2562 ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ไม่ปกติ ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร กลับมาดำรงตำแหน่ง นายกฯ อีกครั้ง การกลับมาของรัฐบาลเผด็จการนำไปสู่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วประเทศ ในปี 2563 ซึ่งมีข้อเรียกร้องสำคัญ 3 ประการ คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯและองคาพยพต้องลาออก 2.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 3.ปฏิรูปสถาบันฯ

น.ส.ณัฐนิชกล่าวต่อว่า รัฐใช้กำลังและความรุนแรงในการเข้าสลายการชุมนุมโดยสันติของประชาชน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 526 ราย เสียชีวิต 2 ราย และ มีการดำเนินคดีมาตรา 112 กับนักกิจกรรมทางการเมืองและประชาชนจำนวนมาก