วันเสาร์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
หายนะของการคบเด็กสร้างบ้าน กับนักการเมืองในระบบธนาธิปไตยที่เป็น'ตาอยู่'ตัวจริง

หายนะของการคบเด็กสร้างบ้าน กับนักการเมืองในระบบธนาธิปไตยที่เป็น'ตาอยู่'ตัวจริง

วันพฤหัสบดี ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 15.47 น.
Tag : วิทยุทรานซิสเตอร์ ประยุทธ์ ศรีสุวรรณ บิ๊กตู่ รวมไทยสร้างชาติ อ.สุวินัย
  •  

24 พ.ย.65 รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Suvinai Pornavalai” มีเนื้อหาดังนี้...หายนะของการคบเด็กสร้างบ้าน กับนักการเมืองในระบบธนาธิปไตย(Money Politics) ที่เป็น "ตาอยู่" ตัวจริง

การปฏิวัติร่มที่เปลี่ยนเส้นทางประวัติศาสตร์ของฮ่องกงไปตลอดกาล


บทเรียนจากวิกฤตฮ่องกง ... ถ้ามองจากมุมมองของบทบาทของปัจเจกกับการเปลี่ยนเส้นทางประวัติศาสตร์ ผมคิดว่าเราคงต้องมองไปที่การเกิดการปฏิวัติร่มเมื่อ 9 ปี ก่อน ซึ่งตอนนั้นโจชัว หว่องซึ่งเป็นผู้นำการปฏิวัติร่มที่โดดเด่นที่สุดเพิ่งมีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้นเอง

ถ้ามองย้อนกลับไปจากปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าอนาคตของฮ่องกงและเส้นทางประวัติศาสตร์ของฮ่องกงได้ตกอยู่ในกำมือของเด็กวัยรุ่นอายุแค่ 17 ปีคนหนึ่งอย่างโจชัว หว่องตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว !!

แผ่นดินฮ่องกงที่เคยรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจมาโดยตลอดในช่วง 100 กว่าปีที่ผ่านมา พลันตกอยู่ในชะตาพลิกผันอย่างเหลือเชื่อ เมื่อคนฮ่องกงส่วนใหญ่ ดันตัดสินใจ "คบเด็กสร้างบ้าน" !!
คือเอาด้วยกับขบวนการปฏิวัติร่มของพวกโจชัว หว่อง ที่ลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวเพื่อแยกดินแดนฮ่องกงให้เป็นอิสระจากจีนอย่างถาวร

นี่คือความน่ากลัวของการปลูกฝังความคิดแบบรวมหมู่ ที่จะนำไปสู่การกระทำและการแสดงออกบนท้องถนนอย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว แน่นอนว่าความไม่พอใจต่อสภาพความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของพวกเยาวชนในฮ่องกงก็มีส่วนบ่มเพาะความคิดต้องการเป็นอิสระจากจีนของพวกเขาด้วยเช่นกัน

ฮ่องกงใช้เวลาร่วม 7 ปีเต็ม กว่าที่การแตกหักทางความคิดจนนำไปสู่การก่อกบฏลุกฮือของพวกเยาวชนฮ่องกงจะได้ข้อยุติ รู้ผลแพ้ชนะอย่างถาวรในปัจจุบัน ชีวิตของเยาวชนฮ่องกงจำนวนมาก โดยเฉพาะพวกแกนนำอย่างโจชัว หว่อง ได้เปลี่ยนไปอย่างถาวร รวมทั้งเส้นทางประวัติศาสตร์ของฮ่องกงหลังจากนี้ด้วยที่ ..."น่าจะย่ำแย่ลงไปอีกนานนับสิบปีต่อจากนี้"

ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ... แกนนำบางคนได้เปิดปากยอมรับแล้วว่าเขาจะไม่ทำผิดพลาดแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว เพราะก่อนที่จะลุกฮือปฏิวัติร่ม พวกเขายังอยู่ฮ่องกงแบบมีอิสระและมีเสรีภาพมากกว่าตอนนี้มาก !! เพราะการกระทำของพวกเขาเองต่างหาก ที่ดันไปปลุกยักษ์จีน ให้กลายเป็น Deep State ยิ่งกว่าเดิมมากในการปกครองดูแลเกาะฮ่องกง

......
จากฮ่องกง ขอให้ย้อนไปดูเส้นทางประวัติศาสตร์ที่เปลี่ยนไปตลอดกาลของยูเครน เพราะการที่คนรุ่นใหม่ของยูเครนสนับสนุน "ตัวตลกสายยิว" ให้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ยั่วยุชักนำให้เกิดสงครามยูเครน(นาโต้)กับรัสเซียในปลายเดือนกุมภาพันธ์ปี 2565 จนถึงตอนนี้ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนได้พังพินาศยับเยินหมดแล้ว
.......
จากฮ่องกง ย้อนกลับมาดูเมืองไทยในปัจจุบัน

ในกรณีของเมืองไทย อนาคตของประเทศไทยและเส้นทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ก็เกือบตกอยู่ในกำมือของพวกแกนนำเยาวชนปลดแอก (สามนิ้ว) เหมือนกัน  จุดเปลี่ยนคือ คืนวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ที่ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ที่ม็อบดันชูเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อขึ้นมาอย่างปราศจากบริบทใดๆทั้งสิ้น

จุดเริ่มต้นทั้งหมดคงต้องย้อนไปที่หลังการรัฐประหารของคสช.ในปี 2557 (ซึ่งเกิดขึ้นหลังการปฏิวัติร่มที่ฮ่องกงเพียงหนึ่งปี) และการตัดสินใจสร้างพรรคอนาคตใหม่ของธนาธรและปิยบุตรหลังจากนั้น

อนาคตของประเทศไทยและเส้นทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยก็เกือบตกอยู่ในกำมือของธนาธรและปิยบุตรไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน ถ้าพรรคอนาคตใหม่ไม่ถูกยุบพรรค(เพราะพลาดเองในเรื่องข้อกฏหมาย) หลังจากที่เพิ่งได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นเอง

พวกแกนนำเยาวชนปลดแอก(สามนิ้ว) อยู่ในกำมือทางความคิดของธนาธรและปิยบุตรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การลุกฮือของขบวนการม็อบเยาวชนปลดแอกตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 ที่ชูการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ จะว่าไปแล้วก็น่าจะอยู่ในแผนการของธนาธรตั้งแต่แรกเช่นกัน คือแผนการลงไปสู้บนท้องถนน เพราะธนาธรเป็นคนหลุดคำพูดนี้ออกมาเองในช่วงต้นปี 2563

ผ่านไปแค่ปีเศษ ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ว่า "ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ" ของแกนนำม็อบเยาวชนปลดแอก (สามนิ้ว) ที่ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิตในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 นั้นเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ต้องถือว่าเป็นจุดจบอย่างเป็นทางการของขบวนการสามนิ้ว(ขบวนการล้มล้างสถาบันฯ)ในประเทศไทย แต่ปัจจัยที่ชี้ขาดจริงๆคือความจริงที่ว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ไม่เอาด้วยกับพวกสามนิ้วที่ชูเรื่องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์นั่นเอง ตรงนี้ต้องถือว่าคนไทยตัดสินใจถูกต้องกว่าคนฮ่องกงที่คิดผิดและตัดสินใจพลาดไปแล้วที่ดันไปสนับสนุนการปฏิวัติร่มเมื่อ 9 ปีก่อน

.......
แต่อนิจจา อนาคตของประเทศไทยและเส้นทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยต่อจากนี้ กลับตกอยู่ในกำมือของพวก "ตาอยู่" ตัวจริง หรือพวกนักการเมืองในระบบธนาธิปไตย (Money Politics) อย่างค่อนข้างแน่นอนแล้ว

การแก้รัฐธรรมนูญเรื่องวิธีการเลือกตั้งที่เปลี่ยนจากบัตรใบเดียวกลับไปสู่บัตรสองใบ คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ได้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข นั่นคือการเลือกตั้งจากบัตร 1 ใบ ไปเป็นบัตร 2 ใบ ตามมาด้วยการลดจำนวนคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จาก 500 เหลือ 100 สิ่งที่จะเกิดตามมาในการเลือกตั้งครั้งใหญ่ ปี 2566 ก่อนกลางปีหน้าคือ

1. ต่อไปจะเหลือพรรคการเมืองใหญ่แค่ไม่กี่พรรค การใช้เงินซื้อเสียงจะหนักมาก การเป็นส.ส.จะมีค่าตัวสูง และจะมีการทุ่มใช้เงินจำนวนมากล่อใจ ส.ส.ให้มาอยู่ด้วย (ล่าสุดได้ยินมาว่าค่าตัวสูงขึ้นถึงรายละ 80 ล้านบาทแล้ว) นี่คือต้นแบบของการเมืองแบบธนาธิปไตย ที่เงินเป็นใหญ่สุดในการเข้าสู่อำนาจรัฐ

2. โอกาสสูงมากที่ได้ส.ส.หน้าเก่าที่มาจากระบบสืบทอดตามวงศ์ตระกูล โดยที่พวกส.ส.หน้าเก่าประจำจังหวัดจะกลับมา ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าส.ส.หน้าเก่าพวกนี้จะเข้ามาไม่น้อยกว่า 70% เพราะโครงข่ายหัวคะแนนที่เลือกตัวส.ส.จะทำงานได้ผล และเป็นปัจจัยชี้ขาดในการชนะเลือกตั้งส.ส.เขต

3. ระบบมุ้งการเมืองที่แต่ละมุ้งจะดูแล ส.ส.ในสังกัดจะกลับมา มีอำนาจต่อรองสูง สามารถต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีได้หลังจากห่างซาไปนาน จะได้เห็นปรากฏการณ์มุ้งต่างๆย้ายพรรคได้ถ้าไม่พอใจเรื่องตำแหน่ง

4. ระบบการทุจริตจะหนักขึ้น เพราะต้องให้รัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้ามุ้งหาเงิน เพื่อไปดูแล ส.ส.ในสังกัด ชนิดแบ่งกันกิน แบ่งกันโกง อำนาจต่อรองของนายกรัฐมนตรีจะลดลงมาก แต่ถ้านายกรัฐมนตรียอมให้แบ่งกันโกงได้ นายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจมากขึ้น

5. เมื่อการเมืองแบบธนาธิปไตยกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง อำนาจต่อรองของประชาชนจะลดลงไปไปมาก เพราะระบบการลงคะแนนได้เปลี่ยนจากทุกคะแนนเสียงมีความหมาย เปลี่ยนมาสู่คะแนนของผู้ชนะเท่านั้น โดยที่คะแนนผู้แพ้ถูกตีตกทิ้งน้ำ

6. ภายใต้การเมืองแบบธนาธิปไตยเช่นนี้นายทุนสามานย์ นายทุนผูกขาด และนายทุนสัมปทานย่อมพร้อมที่จะลงทุนทางการเมืองอย่างเต็มที่ เพราะได้เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แน่นอน การทุจริตเชิงนโยบายจะเบ่งบานขึ้น

7. สุดท้ายการเมืองไทยจะวนเวียนกลับไปสู่อดีตเป็นวงจรอุบาทว์ อันที่จริงระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียวเหมาะกับสภาพการเมืองไทยมากกว่า เพราะอย่างน้อยสามารถปราบโกงได้ แต่บัตรเลือกสองใบต้องพึ่งเงินทุน และต้องง้อกับหงอพวกส.ส.หนักมาก

สุดท้ายแล้ว กลุ่ม 3 ป.ที่เคยฉวยโอกาสทำการรัฐประหารในปี 2557 ขึ้นมาเป็นใหญ่ปกครองประเทศไทยยาวนานถึงแปดปี ก็ต้องยอมสยบให้พวกนักการเมืองในระบบธนาธิปไตย (Money Politics) อยู่ดี

ถึงแม้ลุงตู่จะได้กลับมาเป็นนายกฯอีกสองปีในการเลือกตั้งใหญ่ข้างหน้า แต่ "ตาอยู่" ตัวจริงคือพวกนักการเมืองในระบอบธนาธิปไตยต่างหาก ดังนั้น พรรคการเมืองไหนและผู้นำคนไหนที่ชูนโยบาย "ปฏิรูปตำรวจ" เป็น Political Will (เจตจำนงมุ่งมั่นทางการเมือง) ของพรรคและของผู้นำคนนั้น  พรรคนั้นแหละและผู้นำคนนั้นแหละคือ ความหวังที่แท้จริงของประเทศนี้
มีแต่รัฐบุรุษเท่านั้นที่จะสามารถปฏิรูปตำรวจไทยได้

ขอให้ลุงตู่จงเลือกเดินเส้นทางรัฐบุรุษให้สุดทางเถิด และขอให้พรรครวมไทยสร้างชาติจงเป็นพรรคของเหล่ารัฐบุรุษมาชุมนุมกันด้วยเทอญ

ด้วยจิตคารวะ
สุวินัย ภรณวลัย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'ชูศักดิ์\'โยนถาม\'พีระพันธุ์\' ปมถูกร้องคุณสมบัติถือหุ้นบริษัท 'ชูศักดิ์'โยนถาม'พีระพันธุ์' ปมถูกร้องคุณสมบัติถือหุ้นบริษัท
  • บทเรียนไฟฟ้าดับ!! โซเชียลขุดคลิป\'ลุงตู่\'เคยสั่งใช้วิทยุทรานซิสเตอร์ หากระบบสื่อสารล่ม บทเรียนไฟฟ้าดับ!! โซเชียลขุดคลิป'ลุงตู่'เคยสั่งใช้วิทยุทรานซิสเตอร์ หากระบบสื่อสารล่ม
  • นักกฏหมายชี้ช่องยื่นศาล รธน.สอบปม\'พีระพันธุ์\'ส่อขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี นักกฏหมายชี้ช่องยื่นศาล รธน.สอบปม'พีระพันธุ์'ส่อขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี
  • ยุทธการโรยเกลือ\'พรรคส้ม\'ย้อนแย้ง! ยื่นฟัน\'ประยุทธ์-ศักดิ์สยาม-ธรรมนัส\' แต่โรยแป้งเย็นให้ \'อุ๊งอิงค์\' ยุทธการโรยเกลือ'พรรคส้ม'ย้อนแย้ง! ยื่นฟัน'ประยุทธ์-ศักดิ์สยาม-ธรรมนัส' แต่โรยแป้งเย็นให้ 'อุ๊งอิงค์'
  • \'ธนกร\'แนะเชิญ\'อดีตนายกฯเพื่อไทย-บิ๊กธุรกิจ\'ช่วยเจรจา\'ทรัมป์\' 'ธนกร'แนะเชิญ'อดีตนายกฯเพื่อไทย-บิ๊กธุรกิจ'ช่วยเจรจา'ทรัมป์'
  • รทสช.ย้ำชัด คัดค้านร่างนิรโทษกรรมล้างผิด ม.112-คดีโกง รทสช.ย้ำชัด คัดค้านร่างนิรโทษกรรมล้างผิด ม.112-คดีโกง
  •  

Breaking News

SCB ประกาศเก็บค่าธรรมเนียม 5 บาท โอนเงินไปบัญชีบุคคลอื่น เริ่ม 7 มิ.ย.นี้

ตลาดกลางผลไม้เทศบาลหัวดงอุตรดิตถ์คึกคัก นักท่องเที่ยวแห่ชิม-ซื้อ'ทุเรียนลับแล'

ตรังสั่งเฝ้าระวัง ‘น้ำท่วมฉับพลัน-ดินถล่ม’ ช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้9–13พ.ค.นี้

กรมประมง-เร่งเสริมศักยภาพ ‘การเพาะเลี้ยงม้าน้ำ’ สู่สัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved