รัฐบาลยันพร้อมลุยศึกซักฟอก
ไม่ชิงยุบสภาหนี
ให้ถล่ม2วัน/อภิปรายหลัง15ก.พ.
อ้างให้ผ่าน14ก.พ.วาเลนไทน์ก่อน
พท.ไม่ยอมต้องชำแหละก่อน3ก.พ.
‘บิ๊กตู่’วอนเลิกแตกแยก-ลดชิงชัง
“บิ๊กตู่”เสียงหาย พูดเยอะต่อเนื่อง มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี’67 ย้ำทุกคดีทุจริต ต้องถูกดำเนินคดี ไม่มีข้อยกเว้น สั่งลุยปราบการใช้โซเชียลในทางไม่เกิดประโยชน์-หลอกลวง ขอทุกฝ่ายอย่าให้เกิดความแตกแยก-ความชิงชัง บอกแม้คำพูด ไม่น่าฟังแต่ทั้งหมดมาจากใจ “สุชาติ” หวังกวาด 40 สส.โซนภาคกลาง-ตะวันออก-ตะวันตก หนุน“บิ๊กตู่” วอนอย่าจับ‘บิ๊กตู่’ชน‘บิ๊กป้อม’ชี้‘เอกนัฏ’เหมาะนั่งเลขาฯรทสช.ที่สุด ‘วิรัช’ปลุก พปชร.ร่วมแรงร่วมใจผลักดัน‘ลุงป้อม’นั่งนายกฯคนที่30 มั่นใจกทม.มีลุ้นได้ส.ส.จากนโยบายพรรค ‘อนุทิน’ชูจุดขาย‘ภท.’สลายขั้วขัดแย้ง ถ้าได้เป็นแกนนำรบ.ทำแน่‘ดึงมือคนไทยออกจากกองไฟ’ด้านฝ่ายรัฐบาล ขีดเส้น‘ฝ่ายค้าน’ซักฟอก2วันหลัง15ก.พ.ไม่ยุบสภาหนี วอนจ้ออย่างสร้างสรรค์ ขณะฝ่ายค้าน ซัด รบ.ขีดเส้นซักฟอก จี้ขยับอภิปรายไม่เกิน3กพ. สภาแจ้งเหลือยอดส.ส.ในสภา434คน องค์ประชุม217คน
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 12 มกราคม 2566 ที่ห้องรอยัล จูบีลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข,พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย,นายธนากร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี,นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน,นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลังและนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คลัง ร่วมงาน
นายกฯย้ำคดีทุจริตต้องเอาผิดไม่มีละเว้น
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่าเรื่องการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการเฝ้าระวังการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างจริงจังและเข้มงวด ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม มีขั้นตอนในการดำเนินการทุกอย่าง อะไรที่เป็นความผิด ต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายทั้งสิ้น ไม่มีข้อยกเว้นและขึ้นอยู่กับหลายส่วนด้วยกันที่ต้องร่วมมือกัน ขอฝากในเรื่องนี้ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญ ตนไม่เคยปล่อยปละละเลยใดๆทั้งสิ้น ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามความรับผิดชอบของทุกส่วนในกระบวนการยุติธรรมที่จะต้องมีความร่วมมือของประชาชนในการร่วมมือร้องทุกข์กล่าวโทษ ข่าวเจ้าหน้าที่ไม่ทำ ก็ต้องถูกดำเนินการต่อไป
ห่วงใยทุกคน-ดูแลให้เป็นธรรม
นายกฯกล่าวว่า ส่วนเว็บไซต์ภาษีไปไหน ตนได้มีการสั่งการเพิ่มเติมว่าให้ว่าภาษีไปไหน มาแล้วให้รู้ว่าภาษีมาจากไหนต้องรู้ว่าทุกอย่างมาอย่างไรไปอย่างไร ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าจัดสัดส่วนต่างๆ ได้เหมาะสมหรือไม่จะได้รู้ได้เข้าใจกัน แล้วจะเป็นปัญหาในอนาคต ส่วนการใช้จ่ายเงินจะใช้ ให้ใคร นั่นคือรายจ่ายต้องคำนึงถึงที่มาของรายได้ อยากบอกให้ทุกคนทราบว่ารัฐบาลเป็นห่วงเป็นใยทุกคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายทุกพวก แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้มาจากภาษีของประชาชน ในแต่ละประเภทให้เกิดความสมดุลเกิดความเป็นธรรม ดังนั้น จะต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากที่สุด รัฐบาลได้วางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศไปสู่อนาคตและต้องดูแลให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่มีรายได้น้อยว่าจะดูแลได้อย่างไรเพิ่มเติมแต่ต้องหาเงินก่อนและจะต้องทยอยดำเนินการ ในห้วงรัฐบาลที่อยู่มาก็พยายามทำอย่างเต็มที่
“มี 2 คำที่ผมใช้อยู่เสมอคือความเท่าเทียมด้านโอกาส และเท่าเทียมด้านกฎหมาย จึงขอเน้นย้ำจะทำอะไรก็ตาม ต้องไม่สร้างภาระ ระยะยาว จะต้องทำอย่างระมัดระวัง ดำเนินการภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเหมาะสม”นายกฯกล่าว
เน้น6แนวทางจัดทำงบประมาณปี’67
นายกฯ กล่าวอีกว่า แนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ประกอบด้วย1.น้อมนำแนวทางพระราชดำริและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2.ให้ความสำคัญกับการดำเนินการเพื่อยกระดับศักยภาพประเทศในทุกมิติ 3.บริหารรายจ่ายประจำอย่างประหยัดคุ้มค่ามีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ การเสนอแผนการใช้จ่ายในแต่ละโครงการจะต้องมีการตรวจสอบความเป็นไปได้ ทั้งโครงการระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว เรื่องไหนที่เสนอมาแล้วไม่ผ่านก็ต้องนำกลับไปทบทวน 4.ประเมินผลสำเร็จของการดำเนินงาน 5.ส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6.จัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน
ย้ำใช้งบโปร่งใส-ไร้ทุจริต-มีต้องลงโทษ
“ถ้าเราใช้งบประมาณที่ถูกต้อง คุ้มค่า สุจริต โปร่งใสและเป็นธรรม ตรวจสอบได้ ถือหลักการของผมในฐานะนายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาลฉะนั้นจะต้องไม่มีการทุจริต ถ้ามีก็ต้องถูกลงโทษ ผมไม่เคยละเว้นใครทั้งสิ้น ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งต้นทาง กลางทางและปลายทาง ขอให้ช่วยกันให้เรียบร้อยทุกเรื่อง อย่าให้เกิดความแตกแยก ชิงชัง ผมไม่ต้องการแบบนั้น บ้านเมืองไปกันไม่ได้ เราใช้กลไกที่มีอยู่แล้วเดิมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ขอบคุณทุกคนที่ฟัง คำพูดของผม อาจไม่น่าฟังมากนัก แต่ทั้งหมดนี้ คือจิตใจของผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เสียงหายพูดเยอะติดกันหลายงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงหนึ่งระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวมอบนโยบายมีอาการ คอแห้ง เสียงหายไปในลำคอ พูดเสียงไม่ออก รวมไปถึงมีอาการไอ เป็นระยะ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับกล่าวว่า”พูดเยอะ”ก่อนหยุดหันไปดื่มน้ำ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ ไม่สบายหรือไม่ เห็นว่าเจ็บคอ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า”ก็ทำงานเยอะและหนัก”ทั้งนี้ ก่อนขึ้นเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับนายสุชาติว่าไม่ได้ป่วย แต่เป็นเพราะพูดติดกันหลายงาน จึงทำให้มีอาการดังกล่าว
‘สุชาติ’รับสมัครเข้ารทสช.พร้อมบิ๊กตู่
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวถึงการทำงานในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่าตนได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช.เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่าน พร้อมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯซึ่งตนมั่นใจคะแนนเสียงในพื้นที่ของตน แม้จะเปลี่ยนพรรค เพราะอยู่ที่ตัวผู้สมัครที่สามารถจับต้อง โทรหา และช่วยเหลือได้ เชื่อว่าชาวบ้านจะเลือกผู้แทนที่จับต้องได้ เมื่อถามว่า ยังเชื่อมั่นว่าส.ส.ในกลุ่มจะได้กลับมาอีกครั้งหลังเลือกตั้งหรือไม่ นายสุชาติ ตอบว่าตนมั่นใจอยู่แล้ว แต่อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ถึงเป้าหมายของ พล.อ.ประยุทธ์
วอนสื่ออย่าจับ‘บิ๊กตู่’ชนกับ‘บิ๊กป้อม’
เมื่อถามว่าตอนนี้มีการมองเปรียบเทียบกันระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายสุชาติ กล่าวว่า สื่อก็จับไปชนอย่างนี้ อย่าไปมองเลย เมื่อสื่อถามว่าจะไม่มองได้อย่างไรเพราะคนจากพลังประชารัฐก็ไหลไปอยู่พล.อ.ประยุทธ์ นายสุชาติ ระบุว่า“นิดเดียว แต่ไปที่อื่นเยอะมากกว่านี้อีก”
ชี้”เอกนัฏ”เหมาะนั่งเลขาฯรทสช.
ส่วนมีการวางไว้ให้มีตำแหน่งสำคัญใดในรทสช.หรือไม่ นายสุชาติ ตอบว่า เชื่อว่าไม่ เพราะตนจะลงสมัคร ส.ส.เขตเหมือนเดิม หากเป็นเลขาธิการพรรคจะเอาเวลาตรงไหนซึ่งนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เป็นน้องตนอยู่แล้ว สามารถคุยกันได้ทุกเรื่องและคิดว่านายเอกนัฏมีความเหมาะสมที่สุดแล้ว ซึ่งขณะนี้บรรยากาศภายในพรรค รทสช.เชื่อว่าได้เพราะเรามีเป้าหมายเดียวกัน เราไม่ได้มองที่ตัวบุคคลหรือประโยชน์ส่วนตัว แต่เรามองประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ
มั่นใจใน‘บิ๊กตู่’เดินหน้าดันนั่งนายกฯ
ถามอีกว่า กังวลกับกระแสข่าวพลังประชารัฐจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยในอนาคตและรวมไทยสร้างชาติ จะถูกเทหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่าเราไม่สามารถคิดแทนคนอื่นได้ เพราะยังไม่ถึงวันนั้น เลือกตั้งจบก็รู้กัน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ได้ส.ส.100คน ใครๆก็ต้องโหวตให้ท่านเป็นนายก
ถามต่อว่ามองอย่างไรกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารทสช.จะได้ส.ส.ไม่ถึง25คน นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นการวิเคราะห์ได้ แต่จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร เพราะคนที่จะเดินไปข้างหน้า ต้องมั่นใจตัวเอง ถ้าเราไม่มั่นใจตัวเรา ไม่มั่นใจพรรค ไม่มั่นใจพล.อ.ประยุทธ์ จะมากันทำไม
หวังกวาด40สส.โซนกลาง-ตอ.-ตต.
เมื่อถามว่ามั่นใจว่าส.ส.ในกลุ่มนายสุชาติจะได้กี่เสียง นายสุชาติ กล่าวว่ามีความรู้สึกว่าต้องทำให้ได้ ซึ่งในกลุ่มที่ตนชวนมา มีทั้งภาคกลาง ตะวันออกและตะวันตก เชื่อว่าจะได้40 เสียงซึ่งตนจะทำในส่วนของตัวเอง พูดไปก็เหมือนว่า จะโม้ แต่หลังเลือกตั้งจะรู้เองว่าจริงหรือเท็จเมื่อถามย้ำว่าจะคว้า40เก้าอี้มาให้พล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ นายสุชาติย้ำว่าตนต้องทำและจะมียุทธศาสตร์ในการดำเนินการ ไม่ต้องถามว่าทำอย่างไร
‘บิ๊กป้อม’ยิ้มแย้มปัดตอบปมการเมือง
เวลา12.25น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยเสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตร ได้เดินลงมาจากตึกบัญชาการ 1 อย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเปิดแมสก์และยิ้มให้กับสื่อมวลชนที่มารอสัมภาษณ์ ทั้งนี้ สื่อมวลชนได้ระบุขอสอบถามประเด็นการเมืองได้หรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธว่า ไม่ได้ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามต่อถึงการเตรียมวางคิวลงพื้นที่หาเสียงของพรรค พปชร.นั้น พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถามใดๆ และขึ้นรถยนต์ออกจากทำเนียบฯ ทันที
พปชร.ชูดัน‘ลุงป้อม’นั่งนายกฯคนที่30
ที่ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพปชร.กล่าวก่อนการอบรม ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคว่าได้อบรมอย่างต่อเนื่องหลายรุ่นของพรรคเพื่อเตรียมพร้อมก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในปีนี้ เป็นการแนะนำให้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวกันอย่างไร
“พรรคพลังประชารัฐ เราได้สร้างนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ในการเลือกตั้งปี 62 วันนี้เราก็ต้องร่วมแรงร่วมใจในการที่จะสร้างหัวหน้าพรรคของเรา ร่วมผลักดันให้หัวหน้าพรรรคของเราขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้ได้ การที่จะขึ้นมาได้ ก็ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชารัฐจะได้คะแนนเสียงเท่าไหร่”นายวิรัช ย้ำและว่า พปชร.มี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่รวมถึงที่เป็นอดีตส.ส.ถึงวันนี้แล้วก็ประมาณ120คน ที่เรานำมาเข้าคอร์ส อบรม เพราะถือว่าส่วนนี้จะอีกส่วนหนึ่งที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนของพรรค ส่วนนี้เราได้มากเท่าไหร่โอกาสที่เราจะช่วยกันให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีก็เริ่มแจ่มใสขึ้น
มั่นใจกทม.มีลุ้นส.ส.จากนโยบายพรรค
นายวิรัชกล่าวอีกว่าเมื่อมี ส.ส.เข้ามาร่วมงานกับพรรคเยอะส.ส.ที่ลาออกก็ต้องมี เป็นธรรมดา บางครั้งเราก็จะเห็นว่าขบวนการเปลี่ยนแปลง ก่อนมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นทุกสมัย ครั้งนี้ก็ไม่แปลก เพราะผ่านการเมืองมาหลายครั้งหลายรอบก็เห็นสภาพแบบนี้ จึงเป็นสิทธิ ใครจะเข้า จะออกส่วนมากแล้วคิดว่าวันนี้เราเข้ามากกว่าออก”
ส่วนของการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯกทม.นั้น นายวิรัช กล่าวว่า ช่วงนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมผู้สมัครอีก1ชุด ส่วนใหญ่ก็เป็นบุคคลที่ยังไม่ได้เปิดตัวเลย ถ้ารวมในชุด กทม.แล้ว ก็คิดว่าเราคงไม่แพ้พรรคอื่น ในส่วนของนโยบาย และในส่วนของการทำงานของ พลเอกประวิตร ก็น่าจะเป็นแรงผลักดันให้ กทม. เรามีโอกาสได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.
‘อนุทิน’ชูจุดขายภท.สลายขั้วขัดแย้ง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวถึงจุดยืนของพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางความขัดแย้ง แบ่งขั้วของพรรคการเมืองว่าเราไม่ได้เป็นขั้วไหน เราก็แค่ทำงานของเรา มีนโยบายอะไรที่ให้ไว้กับประชาชน ก็ต้องทำ ได้รับมอบหมายงานอะไร ก็ต้องทำให้ดี พรรคภูมิใจไทย เคยบอกว่าจะทำให้กัญชาถูกกฎหมาย ใช้เพื่อการแพทย์ และเศรษฐกิจ เราทำได้แล้ว หากเราได้เป็นแกนนำรัฐบาล สิ่งที่จะทำคือการทำงาน เรื่องขั้ว เรื่องข้างต้องเลิก การตรวจสอบต้องโปร่งใส ทำตามหลักการที่ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ว่า บิดเบือน โจมตี ใส่ร้าย กันอย่างเอาเป็นเอาตายมุ่งด้อยค่าอีกฝ่าย การสลายขั้วเกิดขึ้นได้ ถ้าผู้บริหารประเทศรับฟัง และประนีประนอม มีเป้าหมายจะทำงานไปข้างหน้า
ย้ำทำแน่‘ดึงมือคนไทยจากกองไฟ’
“เราอยากดึงมือคนไทยออกจากกองไฟ เป็นแนวทางของพรรค พรรคเรามีคุณสมบัติ ที่จะทำสิ่งเหล่านี้ จากแนวปฏิบัติที่ผ่านมามา ความคิดของผู้บริหารพรรค ก็อยู่ในแนวนี้ ถ้าใครมองว่าความขัดแย้ง มันไม่ได้นำไปสู่ความสำเร็จ ความก้าวหน้า ยิ่งถ้ามองว่าความสามัคคีคือเส้นทางสู่ความเจริญรุ่งเรือง ผมมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทย น่าจะอยู่ในใจท่าน”นายอนุทิน กล่าว
รบ.ให้ฝ่ายค้านซักฟอก2วันหลัง15กพ.
ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล )แถลงถึงความคืบหน้ากรณีญัตติพรรคร่วมฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายทั่วไปมาตรา152ว่าครม.มีหนังสือกลับมาถึงสภาผู้แทนฯแล้วว่ามีความพร้อมตอบชี้แจงในวันที่15ก.พ.2566 เป็นต้นไปซึ่งวิปรัฐบาลเห็นว่าเหมาะสม เนื่องจากประเด็นฝ่ายค้าน20ประเด็นนั้นทุกประเด็นที่ฝ่ายรัฐบาล ได้ติดตามมา สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจน ตอบจำแนกได้ถึง40ประเด็นสำคัญ ขอเชิญชวนประชาชนตลอดตามการอภิปรายที่สำคัญครั้งนี้ โดยวันที่25 ม.ค.2566 ประธานสภาผู้แทนฯได้นัดหมายให้วิป2ฝ่ายหารือกำหนดวันญัตติ คาดจะเป็นวันที่ 15-16 ก.พ.หรือ23-24ก.พ.2566ซึ่งวิปรัฐบาลยืนยันให้ใช้เวลาประมาณ 2วัน จึงขอให้ได้อภิปรายกันอย่างเต็มที่
ยันไม่ยุบสภาหนี-จ้ออย่างสร้างสรรค์
ส่วนประเด็นที่ฝ่ายค้านและนักวิชาการขอให้นายกฯอย่ายุบสภาหนีการอภิปราย นายชินวรณ์ กล่าวว่าเมื่อมีหนังสือจาก ครม.มา อยากเรียนด้วยความมั่นใจว่าคงไม่ยุบสภาหนีการอภิปราย การอภิปรายทั่วไปครั้งสุดท้าย ในสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้ ขอให้อภิปราย ในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ควรนำเรื่องส่วนตัวมาอภิปราย ควรเสนอแนะปัญหาประเทศชาติบ้านเมืองอย่างตรงไปตรงมา เหมือนเปิดการดีเบตกันครั้งสุดท้าย คิดว่าการอภิปรายเชิงสร้างสรรค์ จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน เชื่อว่าโลกยุคใหม่นี้ ข่าวสารจะถึงประชาชนซึ่งอาจส่งผลต่อการเลือกตั้งต่อไปด้วย
รบ.ให้ฝ่ายค้านซักฟอก2วันหลัง15กพ.
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล )แถลงถึงความคืบหน้ากรณีญัตติพรรคร่วมฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายทั่วไปมาตรา152ว่าครม.มีหนังสือกลับมาถึงสภาผู้แทนฯแล้วว่ามีความพร้อมตอบชี้แจงในวันที่15ก.พ.2566 เป็นต้นไปซึ่งวิปรัฐบาลเห็นว่าเหมาะสม เนื่องจากประเด็นฝ่ายค้าน20ประเด็นนั้นทุกประเด็นที่ฝ่ายรัฐบาล ได้ติดตามมา สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจน ตอบจำแนกได้ถึง40ประเด็นสำคัญ ขอเชิญชวนประชาชนตลอดตามการอภิปรายที่สำคัญครั้งนี้ โดยวันที่25 ม.ค.2566 ประธานสภาผู้แทนฯได้นัดหมายให้วิป2ฝ่ายหารือกำหนดวันญัตติ คาดจะเป็นวันที่ 15-16 ก.พ.หรือ23-24ก.พ.2566ซึ่งวิปรัฐบาลยืนยันให้ใช้เวลาประมาณ 2วัน จึงขอให้ได้อภิปรายกันอย่างเต็มที่
ยันไม่ยุบสภาหนี-จ้ออย่างสร้างสรรค์
ส่วนประเด็นที่ฝ่ายค้านและนักวิชาการขอให้นายกฯอย่ายุบสภาหนีการอภิปราย นายชินวรณ์ กล่าวว่าเมื่อมีหนังสือจาก ครม.มา อยากเรียนด้วยความมั่นใจว่าคงไม่ยุบสภาหนีการอภิปราย การอภิปรายทั่วไปครั้งสุดท้าย ในสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้ ขอให้อภิปราย ในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ควรนำเรื่องส่วนตัวมาอภิปราย ควรเสนอแนะปัญหาประเทศชาติบ้านเมืองอย่างตรงไปตรงมา เหมือนเปิดการดีเบตกันครั้งสุดท้าย คิดว่าการอภิปรายเชิงสร้างสรรค์ จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน เชื่อว่าโลกยุคใหม่นี้ ข่าวสารจะถึงประชาชนซึ่งอาจส่งผลต่อการเลือกตั้งต่อไปด้วย
‘ฝ่ายค้าน’รุมอัดครม.ขีดเส้นซักฟอก
ด้าน นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแถลงว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค. คณะรัฐมนตรีมีมติส่งหนังสือแจ้งกลับมายังสภาผู้แทนฯเรื่องอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา152ว่าสะดวกที่จะมีการประชุมญัตติดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.เป็นต้นไป โดยมอบให้นายอนุชา นาคาสัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาประชุมหารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อกำหนดวันเวลา ที่จะอภิปรายกับวิปทั้ง2ฝ่ายอีกครั้ง
จี้ขยับอภิปรายไม่เกิน 3 กุมภา
นายสุขุมพงศ์ ยังระบุว่า ทั้งนี้ฝ่ายค้านเห็นว่าการที่ครม.ให้เริ่มอภิปรายวันที่ 15 ก.พ.นั้นถือว่าล่าช้าซึ่งท่านไม่ได้แจ้งเหตุผล ทราบเพียงเหตุผลจากสื่อมวลชนเท่านั้นว่าท่านอ้างว่าวันที่ 14 ก.พ.เป็นวันแห่งความรัก อยากให้คนรักกัน ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าว ฝ่ายค้านเห็นว่าการที่มีหนังสือเช่นนี้น่าจะคลาดเคลื่อน น่าจะขาดเหตุผลจึงขอให้กำหนดวันประชุมใหม่ ไม่เกินวันที่1-3กุมภาพันธ์นี้
นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลกล่าวว่าตนมี3ประเด็นที่อยากจะเน้นย้ำ 1.อย่าดึงนาน 2.อย่ายุบสภาหนี 3.อย่าปิดกั้น คือต้องให้เวลาอภิปรายอย่างเต็มที่ เรื่องจากฝ่ายค้านมีประเด็นที่จะต้องอภิปรายหลายเรื่องตั้งแต่ที่รัฐบาลแถลงนโยบายมา แม้จะไม่มีการลงมติในสภา แต่ประชาชนจะลงมติในคูหา เราต้องการอภิปรายเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า
‘พท.’ซัด‘บิ๊กตู่’ตั้งที่ปรึกษาฯเอื้อลต.
ช่วงเช้าที่รัฐสภาได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา ทำหน้าที่เป็นประธานวาระกระทู้ถามสดด้วยวาจาโยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยได้ถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมกรณีการตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ เช่น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเลขาธิการนายกฯรวมถึงบุคคลในพรรครวมไทยสร้างชาติหลายคนเป็นที่ปรึกษาของนายกฯช่วงที่ใกล้จะมีการเลือกตั้ง โดยถามตั้งแต่มีสภามา นายกฯไม่เคยมาตอบแต่เมื่อนายธนกรที่หีบทองหล่นใส่เท้าบวมจนได้เป็นรัฐมนตรี มาตอบแทน อยากสอบถามเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินวันก่อนตนถามนายธนกรว่าได้เป็นรัฐมนตรีแล้วทำอะไรเพื่อชาติบ้านเมืองบ้างเพราะวันๆ เห็นเป็นวอลเปเปอร์หลังนายกฯปะฉะดะฝ่ายค้านแทนนายกฯ
“การแต่งตั้งบุคคลเหล่านี้เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะนายกฯ จะหมดวาระใน 22 มีนาคม 2566 และส่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง หลังได้สมัครเข้าพรรคร่วมไทยสร้างหนี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงอยากถามว่า นายกฯ ใช้ระเบียบราชการแผนดินใด และกฎหมายใดเป็นที่ตั้งแต่งตั้งบุคลลต่างๆ ทั้งที่อีก 3 เดือนจะเลือกตั้งแล้ว” นายจิรายุ กล่าว
‘ธนกร’แจงยิบชี้ยุค‘แม้ว-ปู’ก็ตั้งไม่มีใครว่า
นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายให้มาตอบแทนชี้แจงว่าการแต่งตั้งที่ปรึกษานายกฯมี 2 แบบ คือ1.ที่ปปรึกษานายกฯ เป็นตำแหน่งทางการเมือง ใช้อำนาจตามมาตรา 8 วรรค 1 ของ พ.ร.บ.ข้าราชการการเมือง พ.ศ.2535 ตามกรอบมีจำนวน 5 อัตรา ได้รับเงินเดือน อัตราละ 57,660 บาทต่อเดือน และเงินประจำตำแหน่งอัตราละ15,000บาทต่อเดือน มีหน้าที่ตามที่นายกฯ มอบหมาย ปัจจุบันมี 4 คน คือ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล, พล.ต.วิระ โรจนวาศ, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์และพล.ต.อ.ชยพล ฉัตรชัยเดช
และ2.ที่ปรึกษาของนายกฯ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง นายกฯ แต่งตั้งโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 11 (6) ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 จะไม่มีกรอบอัตรา และไม่มีสิทธิประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น สามารถออกคำสั่งแต่งตั้งได้เลย ปัจจุบันมี 6 คน คือ นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์, นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี, นายดิสทัต โหตระกิจ, นายชัชวาลล์ คงอุดม, ชุมพล กาญจนะ และนายเสกสกล อัตถาวงศ์
“ผมขอโทษคุณนายจิรายุเรื่องที่ผมอาจจะโชคดีไปหน่อยที่นายกฯแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีก่อน ผมเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์จึงมีหน้าที่ชี้แจงผลงานของรัฐบาลตามปกติ”นายธนกรระบุและสิ่งที่ตนอธิบายชัดเจนแล้วเพราะในอดีตที่ผ่านมาทุกรัฐบาลก็ตั้งที่ปรึกษาแบบนี้ ทั้งสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายทักษิณ ชินวัตร ก็ตั้งที่ปรึกษานายกฯ 15-16 คน ไม่เห็นมีอะไรเลย
สภาฯแจ้งเหลือส.ส.ในสภา434คน
ต่อมาเวลา12.15น.ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2ทำหน้าที่ประธานซึ่งได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบเรื่องการสิ้นสุดสมาชิกภาพของส.ส. คือนายสุชาติ ชมกลิ่น มีหนังสือขอลาออกจากการ เป็นส.ส.ชลบุรี พรรคพปชร.เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2566 นายวีระกร คำประกอบ ได้มีหนังสือลาออกจาก ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพปชร.ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.2566และน.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ มีหนังสือลาอกจาก ส.ส.กทม. พรรคพปชร.ตั้งแต่วันที่ 11ม.ค.2566
และรับทราบประกาศสภาฯเรื่องให้ผู้ที่มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองเลื่อนขึ้นเป็น ส.ส.แทนที่ว่าง ตามที่นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค พปชร.ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.2566 เป็นเหตุให้สมาชิกภพสิ้นสุดลง คือนายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ลำดับที่ 30 เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.และได้ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่และปฏิบัติหน้าที่ได้ ณ เวลานี้ 434 คน องค์ประชุมจะต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง คือ 217 คน
‘สมัคร ป้องวงษ์’เท‘ภท.’ซบ‘รทสช.’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัคร ป้องวงษ์ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร พรรคชาติพัฒนาซึ่งย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทย เมื่อกลางเดือนธ.ค.2565ได้ลาออกจากสังกัดพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่10ม.ค.ผ่านสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรคซึ่งนายสมัครได้สังกัดพรรคภูมิใจไทยเป็นระยะเวลาไม่ถึงเดือน
โดยนายสมัครให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลของการย้ายสังกัดอีกครั้งว่าพรรคภูมิใจมีมติส่งนายเชิดศักดิ์ โภคกุลกานนท์ ให้ลงสมัคร ส.ส.อุบลราชธานี เขต 7แทนตน เพราะมองว่าตนเป็นอดีต ส.ส.นอกพื้นที่ ทำให้ต้องหาสังกัดพรรคการเมืองใหม่ แต่ตนมองว่ากระแสพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังพอไปได้ในพื้นที่อุบลราชธานีซึ่งเมื่อวันที่ 9ม.ค.ตนได้เข้าร่วมงานเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ ที่เข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ คาดว่าจะมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในโอกาสต่อไป
ลูก-หลานชายกำนันป้อซบพท.ชนภท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม อดีตกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยประกาศยุติบทบาททางการเมืองมีปัญหาสุขภาพแต่ยังคงให้การสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยอยู่นั้น
ล่าสุดมีรายงานว่านายอาทิตย์ หวังศุภกิจโกศล กำนัน ต.กุดโบสถ์ ต.เสิงสาง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา บุตรชายนายวีรศักดิ์มีแนวโน้มจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะลงสมัครส.ส.นครราชสีมา ในพื้นที่อ.เสิงสาง เพื่อแข่งขันเลือกตั้งกับ นายพรชัย อำนวยทรัพย์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย รวมทั้งนายนรเสฏฐ์ ศิริโรจนกุล รองนายก อบจ.นครราชสีมา หลานชายนายวีรศักดิ์ จะสมัครเข้าเพื่อไทยเช่นกันจะลงสมัคร ส.ส.นครราชสีมา พื้นที่ อ.ปักธงชัย ซึ่งเป็นพื้นที่ของนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้ทั้งนายอาทิตย์ นายนรเสฏฐ์ได้มาลานายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ครอบครัวพท.ยกทัพบุกอุดรฯ15มค.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย(พท.)กล่าวว่าพรรค พท.เตรียมจัดกิจกรรม “ครอบครัวเพื่อไทย อีสานยามใด๋ เพื่อไทยทอนั่น”ที่จ.อุดรธานี ในวันที่15ม.ค.นี้ ช่วงเช้าทีมครอบครัวเพื่อไทยจะลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ อ.บ้านดุงและอ.เพ็ญ เพื่อนำเสนอนโยบายที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศเอาไว้ รวมทั้งรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน และเวลา16.30น.เป็นต้นไป จะมีการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ทุ่งศรีเมือง อ.เมือง จ.อุดรธานี นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ
‘อุ๊งอิ๊ง’ขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรก
นายณัฐวุฒิกล่าวว่าจะเป็นครั้งแรกที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ขึ้นปราศรัยใหญ่เวทีกลางแจ้ง ในบรรยากาศของการเตรียมการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศไทย ที่จะนำเสนอนโยบายและเป้าหมายไปสู่การเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตยในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงและการจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยที่อุดรธานีเพื่อเป็นการยืนยันว่าในปี2566นี้จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นปีแห่งการทวงคืนอนาคตจากรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการที่ไร้ความสามารถและอยู่ในอำนาจมา8ปี
เตรียมลุยทุกภาคปลุกโหมโรมลต.
ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยกล่าวว่า ทั้งนี้ หลังการจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย ที่ จ.อุดรธานี แล้วจะจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยไปยังภูมิภาคต่างๆได้แก่ภาคกลาง อีสานใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ จนกว่าจะมีการยุบสภา เมื่อมีการยุบสภาแล้ว พรรคเพื่อไทยจะจัดเวทีปราศรัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อประกาศคิกออฟนโยบายชุดใหญ่ เป็นนโยบายในโค้งสุดท้ายเพื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้ง เป้าหมายของพรรคเพื่อไทยคือการมุ่งเป้าที่การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ เพื่อเอาชนะกติกาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม วางเอาไว้ให้ได้
ชี้ลุงตู่เข้ารทสช.เหล้าเก่าในขวดแตก
ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ เปิดตัวเข้าเป็นสมาชิกพรรครทสช.ว่าตนนึกว่าพล.อ.ประยุทธ์จะแสดงแสนยานุภาพทางการเมืองอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ หลังจากยึดครองอำนาจต่อเนื่องมา 8 ปีแต่พบว่า”ไม่ใช่เหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่เป็นเหล้าเก่าในขวดแตก” คือ การรวมเอาคนที่แตกออกจากพรรคต่างๆทั้งจาก พปชร.ปชป.และพรรคเล็ก มาอยู่ด้วยกัน และไม่พบว่ามีบุคคลที่เป็นที่รู้จัก หรือ เป็นที่ยอมรับกันในสังคม เป็นคนใหม่ทางการเมืองปรากฏตัวร่วมงานกับพล.อ.ประยุทธ์แต่อย่างใด จึงมองไม่เห็นอนาคต เห็นแต่อดีต เพราะเต็มไปด้วยอดีตส.ส. อดีตรัฐมนตรีเชื่อว่าจะส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็น อดีตนายกรัฐมนตรีในไม่ช้า
และคาดว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นช่วงกลางมี.ค.นี้พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยึดติดกับอำนาจจะกอดอำนาจไว้ให้นานที่สุดจนวินาทีสุดท้าย แม้จะประกาศยุบสภาในช่วงดังกล่าว คงไม่ใช่การปล่อยวาง แต่เป็นการเปิดทางให้ ส.ส.ที่ย้ายพรรค เข้าร่วมอำนาจได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี