‘บิ๊กป้อม’อ้าแขนรับ‘2กุมาร’กลับบ้าน

พปชร.โวกวาด150ที่นั่ง

เดินหน้าปท./ก้าวข้ามความขัดแย้ง

‘อุตตม’เผยตอบแทน‘สมคิด’ไม่ได้

จะย้ายเข้ามาร่วมพรรคด้วยหรือไม่

กกต.เคาะแบ่ง400เขตเลือกตั้ง

กรุงเทพฯสส.มากที่สุด33คน

โคราช16คน/ชลบุรี-บุรีรัมย์10คน

“กกต.”เห็นชอบประกาศกำหนด สส.400 เขต-ก.ม.แบ่งเขตเลือกตั้ง ชงรัฐบาลประกาศราชกิจจานุเบกษากรุงเทพฯ 33 คน โคราช 16 คน เชียงใหม่-อุบลฯ-ขอนแก่น 11 คนชลบุรี-บุรีรัมย์ 10 คน ประชากร 1.6 แสนคนต่อสส. 1 คน“วิษณุ” ขอเวลาเตรียมลต.สิ้นกุมภาพันธ์ล้อปิดสมัยประชุมสภาฯ ปัดยื้อเวลาวอนประชาชนเข้าใจ“อนุทิน”ลั่น“บุญจง”พร้อมลุยโคราชอ้าแขนนั่งนายกฯหากได้เสียงมาก ยันไม่ปรับครม.นับถอยหลังรอเวลาเลือกตั้ง“บิ๊กตู่”เครื่องบินขัดข้อง ก่อนลงนครสวรรค์ ปลื้มบริหารจัดการน้ำแผนสี่แควโมเดลลั่นงานจัดการน้ำเป็นคนดูทั้งหมด หลังก่อนหน้านี้‘รทสช.-พปชร.’เปิดศึกชิง‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’แนะนำสส.ต้อนรับบอกพรรคไหนไม่รู้ แต่ต้องให้ปชช.‘3เด็ก พปชร.’เตรียมซบรทสช.แห่ต้อนรับ‘จุรินทร์’มั่นใจสนามเลือกตั้งปักษ์ใต้ เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง14จว.11-12ก.พ.เตือน‘บิ๊กตู่’อย่ายุบสภาหนีซักฟอก เชื่อรบ.แจงได้หมด

เมื่อวันที่ 30มกราคม2566 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่เอกสารข่าว เรื่องการกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีและจำนวนเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดและร่างประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.....และแนวทางการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณากำหนดจำนวนสส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีและจำนวนเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด โดยพิจารณาจากจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31ธันวาคม2565 ซึ่งมีจำนวน 66,040,475คน จึงมีจำนวนราษฎรโดยเฉลี่ยประมาณ 165,226 คน ต่อจำนวนสส.1คนและเสนอร่างประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.....และแนวทางการแบ่งเขตเลือกตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน กกต.เสนอทั้ง2เรื่อง ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้ส่งเรื่องดังกล่าวข้างต้นให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็วต่อไป

สำหรับสส.แบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง400เขต ประกอบด้วย จังหวัดที่มีส.ส.1คน 4จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสงคราม ระนอง ตราด สิงห์บุรี จังหวัดที่มี สส.2คน 10จังหวัด ประกอบด้วย สตูล พังงา แม่ฮ่องสอนลำพูน ชัยนาท อุทัยธานี อ่างทองนครนายก อำนาจเจริญและมุกดาหาร จังหวัดที่มี สส.3คน 19จังหวัด ประกอบด้วย เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ยะลา กระบี่ ภูเก็ต พัทลุง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิจิตร ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ยโสธร หนองบัวลำภูหนองคายและบึงกาฬ

จังหวัดที่มี ส.ส. 4 คน 12 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสาคร ปัตตานี ตรัง ลำปาง สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร ลพบุรี สระบุรี ฉะเชิงเทรา เลย นครพนม จังหวัดที่มี สส.5คน7จังหวัด ประกอบด้วย นราธิวาส พิษณุโลกสุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี อยุธยา ระยอง จังหวัดที่มี สส.6คน 5จังหวัด ประกอบด้วย นครปฐม นครสวรรค์เพชรบูรณ์ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ จังหวัดที่มี สส.7คน 4จังหวัด ประกอบด้วย ปทุมธานี สุราษฎร์ธานี ชัยภูมิ สกลนคร จังหวัดที่มี สส.8คน5จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรปราการ นนทบุรี เชียงราย บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด จังหวัดที่มี สส.9คน 4จังหวัด ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช สงขลา ศรีสะเกษ อุดรธานี จังหวัดที่มี สส.10คน 2จังหวัด ประกอบด้วย ชลบุรี บุรีรัมย์ จังหวัดที่มี สส.11คน 3จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ อุบลราชธานี ขอนแก่น ส่วนจังหวัดที่มี สส.16คน 1จังหวัด คือ นครราชสีมาและจังหวัดที่มี สส.33คน 1จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากจำนวน สส.ดังกล่าวส่งผลให้ภาคกลางมี สส.รวม 122คน ภาคเหนือ มีส.ส.39คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี สส.132คน ภาคตะวันออกมี สส.29คน ภาคตะวันตกมี สส.20คนและภาคใต้มี สส.58คน ทั้งนี้ หลังกกต.ประกาศจำนวนส.ส.แต่ละจังหวัดแล้วผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดจะมีการนำข้อมูลจำนวนประชากรแต่ละจังหวัดไปพิจารณาและปรับปรุงรูปแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง3รูปแบบที่มีการดำเนินการไว้ล่วงหน้าก่อนหน้านี้ให้มีความสมบูรณ์ ก่อนที่จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่และรวบรวมข้อมูลเสนอให้กกต.พิจารณาตัดสิน

‘วิษณุ’ยันเลือกตั้งรอกกต.แบ่งเขตก่อน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เปิดเผยภายหลังเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าหารือภายหลังกฎหมายลูก 2ฉบับประกาศใช้ จะขอเวลา 45วัน เตรียมการเลือกตั้ง ก่อนยุบสภาได้หรือไม่ว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นกกต.คิดถึงความสะดวก แต่บางครั้งการยุบสภาเป็นปรากฎการณ์ทางการเมืองที่จะยึดเอาความสะดวกไม่ได้ เอาเป็นว่าต้องทำให้เกิดการเลือกตั้งให้ได้เวลา 45วัน สามารถทำได้สบายๆ แต่บางทีก็เอาสบายไม่ได้ แต่ที่แน่ๆจากการหารือกับกกต.ได้ความว่า สิ่งที่เป็นปัญหาคือ กกต.ต้องแบ่งเขตเลือกตั้งจากเดิม 350เขต เพิ่มเป็น 400เขตและยังมีประชากรที่เพิ่มขึ้นและบางจังหวัดก็ลดลง ทำให้กระทบกับจำนวน สส.ในการแบ่งเขต หากกกต.แบ่งตามใจชอบวันเดียวก็เสร็จ แต่กฎหมายกำหนดการแบ่งเขตจะต้องส่งให้แต่ละจังหวัดเพื่อให้กกต.จังหวัดร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดไปรับฟังความคิดเห็นประชาชน

รวมทั้งพรรคการเมืองในจังหวัดนั้นๆด้วย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1เดือน คือเดือนกพ.ทั้งเดือน ที่มี28วัน แต่อาจจะทำให้เร็วกว่านั้น หากแต่ละจังหวัดรายงานกลับมาเร็วไม่มีปัญหา อาจจะใช้ 25วันก็ได้ หลังจากนั้นจะยุบสภาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะให้ยืดไปก็จะไปครบสมัยวันปิดสมัยประชุมสภาฯในวันที่ 28ก.พ.พอดี แต่จะให้เร็วอย่างที่หลายคนนึกเพราะเห็นว่ากฎหมายลูกประกาศแล้วก็ควรยุบได้แล้วนั้น หรือเห็นว่ารัฐบาลเงียบเป็นการยื้อเวลา ไม่ยอมรีบยุบต้องบอกเลยว่า กกต.ชี้แจงว่า ยังจัดการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะยังแบ่งเขตยังไม่เสร็จ ที่ตนชี้แจงต้องการบอกประชาชนทั้งหมดและพรรคการเมืองต่างๆให้รับทราบและจะแจ้งให้ ครม.ทราบในวันที่ 31มกราคมนี้

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์รัฐบาลยื้อเวลาในการจัดการเลือกตั้ง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้ยื้อ ไม่ได้อะไรทั้งนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามหลัก ซึ่งกกต.เป็นองค์กรอิสระที่ต้องไปกำหนด

จุรินทร์เปิดผู้สมัครสส.ใต้14จว.11-12กพ.

ที่ จ.พังงา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความพร้อมสนามเลือกตั้งภาคใต้ หลังเมื่อวันที่ 29ม.ค.ปชป.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต 3เขตว่า ปชป.มีความพร้อมเลือกตั้งในภาคใต้ทั้ง 14จังหวัดแล้ว ทั้งผู้สมัครแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงนโยบาย โดยจะเปิดตัวผู้สมัครสส.ภาคใต้ทั้งหมดในวันที่ 11-12กุมภาพันธ์ ที่ จ.นครศรีธรรมราช‘จุดแข็งปชป.คือความเป็นสถาบันการเมืองที่ยั่งยืน พร้อมรับผิดชอบต่ออนาคต แต่บางพรรคก็กำลังพัฒนาสู่ความเป็นสถาบันทางการเมืองและยังมีบางพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนตัวบุคคลเหมือนในอดีต สุดท้ายไม่สามารถไปต่อได้ หากประชาชนเลือกพรรคเฉพาะกิจก็จะได้อนาคตแบบเฉพาะกิจเช่นเดียวกัน ซึ่งมันเป็นตรรกะทั่วไปที่ผมคิดว่าประชาชนสามารถที่จะทราบได้” นายจุรินทร์ กล่าว

เลือกเองสถาบันการเมือง/เฉพาะกิจ

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านให้มีการยุบสภา หลังร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พรป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และพรป.พรรคการเมืองมีผลใช้บังคับแล้ว ว่า การยุบสภาขึ้นอยู่กับนายกฯจะให้คำตอบ ควรจะให้ผ่านพ้นการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา152ก่อน ซึ่งพรรค ปชป.สนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าเข้าสู่การอภิปราย มิเช่นนั้นอาจเกิดข้อครหาโดยไม่จำเป็น มั่นใจว่ารัฐบาลสามารถต่อสู้กับเวทีอภิปรายของฝ่ายค้านได้ ไม่มีสิ่งใดน่ากังวล โดยเฉพาะในรัฐสภา เพราะรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลยืนอยู่บนพื้นฐานของความจริงเพื่อบ้านเมือง จึงมั่นใจว่าไม่ว่าจะคำถามอะไรเราสามารถตอบชี้แจงได้ทุกคำถาม ทุกสถานการณ์และยืนยันว่ารัฐมนตรีของ ปชป.พร้อมชี้แจงทั้งหมด

‘อนุทิน-ศักดิ์สยาม’ดัน‘บุญจง’ชนลต.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณี นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กลับมาร่วมงานกับพรรค ภท.ว่า นายบุญจง จะลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.นครราชสีมา แทน นายอภิชา เลิศพชรกมล ที่ลาออกไป โดยนายบุญจง ถือเป็นผู้ที่ร่วมก่อตั้งพรรค ภท. มาตั้งแต่ 10กว่าปีที่แล้ว เคยเป็น รมช.มหาดไทย สมัย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคคนเก่า เป็นรมว.มหาดไทยและในพื้นที่นครราชสีมา ตนเป็นหัวหน้าทีมเองร่วมกับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท.จะช่วยกันดูแล เนื่องจาก นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล หัวหน้าทีมคนเดิม แจ้งว่ามีปัญหาสุขภาพและลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีในโควตาพรรค ภท.

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรค ภท.พร้อมรับมือกับคู่แข่งในพื้นที่ดังกล่าว หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปมองว่าใครเขาจะส่ง หรือไม่ส่งลงสมัคร เพราะในทางการเมืองยังไม่เคยเจอเขตพื้นที่เลือกตั้งไหนที่ไม่มีคู่แข่ง หากคนนี้ไม่ลงแข่งก็ต้องลงแข่งกับคนนั้น เป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่สำคัญคือ ทำอย่างไรให้คนของเราแข็งแรงมากที่สุดและลงไปใกล้ชิดทำความเข้าใจกับชาวบ้าน แม้แต่ตนยังเดินทางตลอดเวลา หมดเวลาราชการวันศุกร์ วันเสาร์ อาทิตย์ ก็ต้องอยู่ต่างจังหวัด เพราะการเลือกตั้งใกล้เข้ามาเต็มทน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าดูจากกระแสแล้วสามารถสู้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี2ป.ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า สู้กับตัวเองนี่แหละ พรรคภท.ทำให้ชาวบ้านเชื่อมั่นว่า ทำงานให้ประชาชนเต็มที่ ถึงพริกถึงขิง จะนําปัญหา ไปสู่การแก้ไขและปฏิบัติ วันนี้คิดแข่งกับตัวเอง ถ้าใครเลือกภท.และผู้สมัคร สส.ของพรรค เข้ามามาก หัวหน้าพรรคต้องพร้อมเป็นนายกฯ เป็นไปตามกติกา ไม่มีอะไรต้องคิดมาก ขอให้กำลังใจทุกพรรคทุกฝ่าย ต่างคนต่างทําหน้าที่ของตัวเอง ถ้าสังเกตพรรค ภท.พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและน่าจะเป็นพรรคเดียวที่เมื่อขึ้นเวทีก็ไม่พูดถึงพรรคอื่น พูดแต่เรื่องนโยบายและปัญหาของประชาชนว่า จะแก้อย่างไร

‘รทสช.’ใกล้ปิดดีลบ้านใหญ่นราธิวาส

รายงานข่าวจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แจ้งว่า หลังจากพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ที่มี นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรคและนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเลขาธิการพรรค ตอบรับการกลับไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ส่งผลให้กลุ่มการเมืองและว่าที่ผู้สมัคร สส.ที่เคยร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย กำลังพิจารณาหาสังกัดพรรคใหม่ เพราะกระแสความนิยมพรรค พปชร.ขณะนี้ไม่ดีนัก ตรงข้ามกับพรรค รทสช.ที่มีกระแสความนิยมดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะหลังเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นสมาชิกพรรค ตลอดจนกระแสตอบรับหลังการปราศรัยใหญ่ที่ จ.ชุมพร โดยเฉพาะในส่วนของ นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นราธิวาส ที่มีแนวโน้มมาร่วมงานกับพรรค รทสช.หลังจากมาร่วมสังเกตการณ์เวทีปราศรัยใหญ่ของพรรค รทสช.ที่ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 28ม.ค.66 ที่ผ่านมา โดยในส่วนกลุ่มของ นายกูเซ็ง ยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ลูกชาย’วิรัช-3อดีตสส.ปชป.’จ่อซบ

นอกจากนี้ ยังมีชื่อ นายธวัชชัย แก้วคงคา ว่าที่ผู้สมัคร สส.นครปฐม พรรคสอท.ซึ่งมีความนิยมในพื้นที่ค่อนข้างสูง ติดต่อเข้าร่วม รวมถึง นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือทนายบอน ว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม.พรรคสอท.ซึ่งเป็นบุตรชาย นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต สส.สงขลา หลายสมัย ได้ติดต่อพูดคุยถึงโอกาสเข้าร่วมงานกับพรรค รทสช.เช่นกัน สำหรับกระแสข่าวกลุ่มของ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู สส.บัญชีรายชื่อและนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ สส.ตาก ที่เตรียมย้ายจากพรรคปชป.มาพรรค รทสช.นั้น ก็ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยเช่นกัน คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้

พปชร.ต้อนรับ’วิชญ์-อุตตม-สนธิรัตน์’

เวลา 14.38น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรค พปชร.ถนนรัชดาภิเษก เวลาไล่เลี่ยกัน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน ได้เดินทางเข้ามายังพรรคเช่นเดียวกัน รวมถึง นายอุตตม สาวนายนและนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่เดินทางถึง พปชร.ในเวลาห่างกันไม่นานนัก โดยทันทีที่มาถึง นายวิรัช รัตนเศรษฐ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค และนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกทม.ได้ให้การต้อนรับ พร้อมขึ้นไปยังห้องทำงาน พล.อ.ประวิตร เพื่อยื่นใบสมัคร โดย พล.อ.ประวิตร ลงนามใบสมัครด้วยตัวเอง โดยนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ ได้เปลี่ยนสวมเสื้อ พปชร.ก่อนทั้งหมดจะลงมาแถลงข่าวร่วมกัน

‘บิ๊กป้อม’ลั่นต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นที่น่าดีใจที่เราได้ต้อนรับทั้ง 3คน คนแรก พล.อ.วิชญ์ คนที่สอง คือ นายอุตตมและคนที่สามคือ นายสนธิรัตน์ ถือเป็นเกียรติกับ พปชร.เป็นอย่างยิ่ง ตนพูดไม่เก่ง แต่ฟังเก่ง แล้วฟังรู้เรื่องด้วย อยากจะฝากบอกทุกคนว่า พรรคเราเป็นพรรคที่เรารวมกัน ก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหมด ฉะนั้น ทั้งสามคนจะมาช่วย พปชร.ในการดำเนินกิจกรรมการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อให้พรรคมีความเข้มแข็ง เราต้องขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจกันทั้งสามคน เราได้สองหัวหน้าพรรค กับหนึ่งเลขาธิการพรรคนับว่า เป็นเกียรติกับ พปชร.เป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ นายอุตตม จะช่วยดูแลเรื่องเศรษฐกิจ นายสนธิรัตน์ จะช่วยดูเศรษฐกิจและการเมือง ด้วย ส่วน พล.อ.วิชญ์ ช่วยทั้งพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า การกลับมาของทั้งสามคน จะทำให้ได้เป็นนายกฯคนที่ 30 หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องประชาชนเลือก คุณถามอย่างนี้ผิดนะ จะให้ตนเป็นนายกฯคนที่ 30ได้อย่างไร ประชาชนต้องเป็นคนเลือก ถ้าไม่ได้เลือกจะเป็นได้อย่างไร

‘อุตตม’มุ่งปรองดอง-เดินหน้าประเทศ

ด้าน นายอุตตม กล่าวเปิดใจถึงสาเหตุที่กลับมา พปชร.ว่า เรื่องสำคัญสุดคือ การสร้างปรองดอง ต้องขอบคุณหัวหน้าพรรคที่เชิญชวนพวกตนมาทำงานร่วมกันในเวลาที่ประเทศชาติต้องการเดินหน้า พล.อ.ประวิตร แสดงอุดมการณ์มุ่งมั่นชัดเจนที่จะรวบรวมผู้คนจากหลายๆ ฝ่ายมาทำงานด้วยกัน อีกเหตุผลหนึ่งคือ พวกตนเคยเป็นสมาชิกในบ้าน สมาชิกเก่าในบ้านหลังนี้ มีส่วนร่วมริเริ่มสร้าง พปชร.มา มีส่วนในการคิดและผลักดันนโยบายส่วนหนึ่งขึ้น เช่น บัตรประชารัฐ ที่พวกเราช่วยกันทำมา หัวหน้าพรรค พปชร.ประกาศชัดเจนแล้วว่า จะนำพรรคขับเคลื่อนนโยบายสำคัญเหล่านี้ เรายินดีที่จะทำงานร่วมกับทุกคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ก้าวข้ามขัดแย้งได้แล้ว

‘สนธิรัตน์’ย้ำการเมืองเข้มแข็งปท.เดินได้

ขณะที่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ความรู้สึกวันนี้คือได้กลับบ้าน รู้จักคุ้นเคยตั้งแต่ก่อตั้งพรรค ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร ยินดีอย่างยิ่งที่กลับมาร่วมทำงานกับหัวหน้าพรรค ผู้บริหารพรรค สมาชิกพรรค การกลับมาของ นายอุตตมกับตนคือ หนึ่งในสัญลักษณ์ที่ประเทศเราต้องการ การเมืองอ่อนแอ เพราะเราแตกเป็นส่วนกันมาก ทำให้ความเข้มแข็งทางสถาบันการเมืองอ่อนแอลง สิ่งสำคัญที่สุดสถานบันการเมืองต้องเข้มแข็ง พรรคการเมืองต้องเข้มแข็ง ถ้านักการเมืองอ่อนแอจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาประเทศไม่ได้

‘สันติ’ตั้งเป้ากวาดสส.ไม่ต่ำ150เก้าอี้

นายสันติ กล่าวถึงเป้าหมายการเลือกตั้งหลังได้ทั้ง 3คน กลับเข้ามา จะได้สส.เท่าไหร่ ว่า ของเก่า 116ที่นั่ง แต่ตั้งเป้าจะได้ไม่ต่ำกว่า 150ที่นั่ง วันนี้ พปชร.มีผู้อาวุโส ผู้ที่มีความตั้งใจจะมาพัฒนาบ้านเมืองให้ประชาชนอยู่ดี มีงานทำ หลายคนกำลังจะเข้ามาร่วมกับเรา ร่วมใจกันพัฒนาประเทศ

‘รทสช.’ต้อนรับ3นักการเมืองบิ๊กเนม

ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)และนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค แถลงข่าวเปิดตัว 3นักการเมือง ที่จะเป็นตัวแทนลงสมัครเลือกตั้ง ประกอบด้วย นางบุญญาพร นาตะธนภัทร อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมแผ่นดิน นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย จะลงสมัครเขต5 จ.มหาสารคาม และนายพิพิธ รัตนรักษ์ นายกเทศมนตรี อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานีและยังเป็นอดีต สจ.สุราษฎร์ธานี จะลงสมัครเขต7สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้เขตการเลือกตั้งที่ชัดเจนจะต้องรอ กกต.แบ่งเขตให้เรียบร้อยอีกครั้ง

‘ไตรรงค์’ยันปราบโกงนโยบายหลัก

นายไตรรงค์ กล่าวว่า ยังมีนักเคลื่อนไหวทางสังคมสำคัญอีกหลายคนที่กำลังจะเข้ามาเป็นสมาชิกพรรครทสช. เช่น ประธานมูลนิธิการต่อต้านการกดขี่ทางเพศ ซึ่งเป็นสมาชิกขององค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ทั้งหมดจะทยอยเปิดตัวต่อสาธารณชนต่อไป ตอนนี้เราได้กำลังหลักจากคนเก่งหลายๆ ด้านที่จะมาทำงานตามนโยบายสำคัญของพรรค โดยเฉพาะเรื่องปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ตนได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติแล้วว่า นโยบายอันดับหนึ่งของเราคือ ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันและความไม่ถูกต้องทั้งปวง ที่ต้องสังคยานาเรื่องกฎหมายและระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตอนนี้มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคและนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นหนึ่งผู้ที่ช่วยแก้ไขกฎหมายเหล่านี้อยู่ ดังนั้นบ้านเมืองจะดีขึ้นถ้าเราได้เป็นรัฐบาลครั้งต่อไป

เครื่องบินขัดข้อง’บิ๊กตู่’ขอโทษมาช้า

เวลา 09.40น.วันที่ 30มกราคม2566 ที่สันฝายเก่าบึงบอระเพ็ด ต.หนองปลิง อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยคณะ ประกอบด้วย พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกฯ เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ เพื่อความยั่งยืนและเพื่อการเกษตรสมัยใหม่ ทั้งนี้ นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานกรรมการในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) มาให้การต้อนรับด้วย ทันทีที่นายกฯมาถึงมีการจัดกิจกรรมรำวงนครสวรรค์ต้อนรับและทักทายคณะรำวงนครสวรรค์ที่ต้อนรับ พร้อมระบุว่า“ขอให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ขอให้ทุกคนรักและสามัคคีกัน อย่าขัดแย้ง” ก่อนที่นายกฯจะถอดหน้ากากอนามัยสูดอากาศและกล่าวว่า หายใจได้เต็มปาก ก่อนจะแซวคณะรำวงว่า สวยและสาวทุกคน แต่มันอยู่ที่จิตใจ

เยี่ยมชมการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ

จากนั้นนายกฯเยี่ยมชมนิทรรศการ พร้อมฟังรายงานการบริหารจัดการน้ำบึงบอระเพ็ดภายในงาน ภายใต้แนวคิด“สี่แควโมเดล”ในการเป็นทุ่งหน่วงน้ำเพื่อประโยชน์ทั้งด้านบรรเทาอุทกภัยและการสงวนน้ำต้นทุนเพื่อเกษตรกรรม นายกฯกล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล แต่ขอให้ทำให้รอบคอบ ส่วนที่เกี่ยวข้องการทำงานต่างๆไม่อยากให้มีความขัดแย้งกันในพื้นที่ มาเห็นรอยยิ้มค่อยใจชื่นหน่อย ได้เห็นน้ำเห็นอะไรต่างๆเราก็สบายใจขึ้น คำว่าสบายใจ คือธรรมชาติเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆและสิ่งสำคัญคือ ความก้าวหน้าในการพัฒนาที่นี่บึงบอระเพ็ด หลายอย่างเราร่วมมือกันทำมาหลายปีแล้ว ตนก็อยู่กับท่านมาเข้าปีที่ 7จะ8ปีแล้ว เป็นระยะเวลาที่ค่อยๆดีขึ้น ค่อยๆทยอยดำเนินการ

‘แล้ง-ท่วม’นายกฯดูเองไม่ใช่’ลุงป้อม’

เวลา 11.45น.ที่วัดดงแม่ศรีเมือง ต.ตาสัง อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาติดตามการขับเคลื่อนระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้าในระดับพื้นที่ ทันทีที่มาถึง พล.อ.ประยุทธ์ ได้แนะนำทีมงานที่เดินทางมาด้วย ช่วงหนึ่งได้แนะนำ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่า เลขาฯมีหน้าที่ทำเรื่องของเอกสารและแผนงานต่างๆที่อาจต้องมีการตรวจสอบให้นายกฯ ซึ่งนายพีระพันธุ์ เป็นผู้พิพากษาเก่าทำอย่างไรให้นายกฯปลอดภัยในเรื่องของกฎหมาย รวมทั้งได้แนะนำเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) “ที่ผมตั้ง สทนช.มาก็เพื่อบริหารจัดการน้ำ บูรณาการน้ำ เพราะมีหลายหน่วยงานเรื่องน้ำ ซึ่งผมมอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯเป็นผู้กำกับดูแลตรงนี้ แต่ทั้งหมดต้องมาที่ผม เพราะเป็นผู้อนุมัติในฐานะนายกฯ และนำเข้าพิจารณาใน ครม.ก็ต้องดูว่า ที่ทำขึ้นมารับได้หรือไม่ มีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ เราต้องบริหารตรงนี้ให้ได้ ตามความเร่งด่วน”

พรรคไหนไม่สำคัญแต่ต้องทำเพื่อปชช.

พล.อ.ประยุทธ์ ยังแนะนำบรรดา สส.ที่มาให้การต้อนรับ โดยให้ยืนโชว์ตัว พร้อมกระเซ้า นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ ที่ครั้งแรกไม่ได้ลุกขึ้นยืน โดยระบุว่า ไม่ใช่สส.หรืออย่างไร“ผมไม่รู้หรอกพรรคไหน ผมก็ไม่รู้ แต่ สส.เป็นผู้ที่จะต้องรับฟังความต้องการของประชาชนแล้วนำเสนอเข้ามาให้รัฐบาลทราบ ผมไม่ใช่ศัตรูของใคร สุดแล้วแต่ท่านจะเลือกกันอย่างไร แต่ทุกอย่างต้องมีหลักการในการทำงาน ทำไมผมจะเป็นคนที่ไม่รักพวกเรา ผมทำได้ ทำไมผมถึงไม่ทำ ขอให้คิดอย่างนี้ มันจะได้เป็นกำลังใจให้กันและกัน ขัดแย้งกันไม่ได้อีกแล้ว เราไม่ต้องการให้ประเทศกลับไปสู่แบบเดิม”พล.อ.ประยุทธ์ ถอนหายใจ

จากนั้นนายกฯเดินทักทายประชาชน พร้อมกล่าวด้วยว่า รักทุกคน ไม่รักจะทนอยู่มาหลายปีได้ยังไง รักประชาชนจริงๆ พร้อมกล่าวช่วงหนึ่งด้วยว่า รักกันมากๆ อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.อบจ.ก็ดูโดยรวมให้ด้วย กำนันผู้ใหญ่บ้านสำคัญ เป็นกลไกที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด ต้องทำในสิ่งที่ดีถูกต้อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ดังกล่าวมี นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ เขต 3 พรรคพปชร.นายสุรชาติ ศรีบุศกร สส.พิจิตร เขต3 พรรค พปชร.ซึ่งมีกระแสข่าวเตรียมจะย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มาให้การต้อนรับด้วย