อ้าง‘แม้ว’ไม่เกี่ยวปมดีลสส.ปชป.เข้าพท.
‘อุ๊งอิ๊ง’ปัดพัลวัน
ลั่น‘ดร.สุรเกียรติ์’ไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯพรรค
ผลโพลล์ชี้ประชาชนมีความหวัง
หาก‘บิ๊กตู่’ได้นั่งนายกฯอีกสมัย
คนละครึ่ง-บัตรคนจนยอดนิยม
‘บิ๊กป้อม’ฟิตลุยจ๊อกกิ้งสวนลุมฯ
“ซูเปอร์โพล” ชี้ประชาชนมีความหวังถ้า“ลุงตู่” ได้ไปต่อนั่งเก้าอี้นายกฯ สมัยที่ 3 ระบุบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่งและอีกสารพัดโครงการ ช่วยต่อลมหายใจได้ ขณะที่รทสช.การันตี “บิ๊กตู่”จริงใจมือสะอาด ซื่อสัตย์สุจริตผลงานที่ผ่านมาจับต้องได้ ด้าน “บิ๊กป้อม” ฟิตออกกำลังกาย
สวนลุมฯ แวะชมตลาด ชาวบ้านแห่เซลฟี่คึก เชียร์นั่งนายกฯคนที่30 ฝ่าย‘จุรินทร์’นำทีมปชป.คิ้กออฟเปิดศูนย์เลือกตั้งหลักสี่ ชู‘ผู้การแต้ม’ลงปักธงเมืองกรุงฯ ลั่นถ้าได้เป็นรัฐบาลอีก เอาไปเลย‘ธนาคารชุมชนละ2ล้าน-ฟรีนมโรงเรียนตลอดปี’ด้าน’อุ๊งอิ๊ง’ถามกลับแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย ส.คือใคร ปัดชื่อสุรเกียรติ์-ไม่เกี่ยวดีล สส.ปชป.ซบพรรค
เมื่อวันที่ 5กุมภาพันธ์2566 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา หัวหน้าโครงการวิจัย สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง ความสำเร็จของ ลุงตู่ ช่วงวิกฤตชาติ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,023ตัวอย่างระหว่างวันที่ 1-4กุมภาพันธุ์2566 โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95
เมื่อถามถึง ความสำเร็จของ ลุงตู่ ช่วงวิกฤตชาติ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.4 ระบุ โครงการคนละครึ่ง มาเป็นอันดับแรกที่เป็นภาพจำของประชาชน รองลงมาคือ ร้อยละ 80.5 ระบุ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 78.0 ระบุ เปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ร้อยละ 74.8 ระบุ ฟื้นความสัมพันธ์ ไทย – ซาอุฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงานคนไทย ร้อยละ 65.4 ระบุ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เช่น เส้นทาง คมนาคม การใช้พลังงานสะอาด พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น ร้อยละ 63.3 ระบุ การช่วยผู้ประกอบการรายย่อย ขนาดย่อม และขนาดกลาง ร้อยละ 62.9 ระบุ นำพาประเทศไทยพ้นวิกฤตขัดแย้งการเมือง สูญเสียน้อยกว่า หลายประเทศ ร้อยละ 62.3 ระบุ ลดความเดือดร้อนของประชาชน เช่น ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ และอื่น ๆ ร้อยละ 60.4 ระบุ ช่วยเหลือเด็กยากจนพิเศษ ความเสมอภาค โอกาสการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ และร้อยละ 58.9 ระบุ แก้ปัญหาทุจริต คอรัปชันจริงจัง ปราบปรามจับกุม ซื้อขายตำแหน่ง เงินใต้โต๊ะ ตามลำดับ
ดร.นพดล กล่าวต่อว่า ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึง ความต้องการของประชาชน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไปต่อ พบว่า สูงสุดหรือร้อยละ 53.0 คือ ต้องการให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ อยู่ดี กินดี รองลงมาคือ ร้อยละ 52.9 ระบุ ต้องการค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ถูกลง ร้อยละ 52.8 ต้องการค่าน้ำมัน พลังงานเชื้อเพลิงถูกลง ร้อยละ 52.5 ต้องการความปลอดภัยทางไซเบอร์ คอลเซนเตอร์ และโลกออนไลน์ ร้อยละ 52.1 ต้องการ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ร้อยละ 50.2 ต้องการให้แก้ปัญหายาเสพติด ร้อยละ 50.1 ต้องการ ความทันสมัย การสื่อสาร ยุคดิจิทัล ร้อยละ 48.7 ต้องการให้แก้ปัญหาบริการสาธารณสุข ร้อยละ 48.5 ต้องการให้แก้ปัญหาทุจริต คอรัปชัน ร้อยละ 46.9 ต้องการให้ลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน เพิ่มแหล่งทุน ให้ผู้ประกอบการรายย่อย รายย่อม ร้อยละ 46.8 ต้องการ การศึกษาของบุตรหลานที่ดี มีอนาคตดี ร้อยละ 45.0 ต้องการบัตรลดราคา สินค้าจำเป็นให้ หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และร้อยละ 43.8 ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตามลำดับ
มีความหวังถ้า’บิ๊กตู่’ได้ไปต่อ
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.8 มีความหวัง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไปต่อ ในขณะที่ร้อยละ 42.2 เกิดความกลัว ดร.นพดล กรรณิกา หัวหน้าโครงการสำรวจ กล่าวต่อว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งใหม่ “โปรโมชั่น บิ๊กตู่” อาจจะขายได้ดีถ้ามาเป็นชุดตามผลสำรวจครั้งนี้ ได้แก่ รื้อฟื้นความจำเรื่อง โครงการ คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯกระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงานคนไทย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เช่น เส้นทาง คมนาคม การใช้พลังงานสะอาด พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น การช่วยผู้ประกอบการ รายย่อย รายย่อม ขนาดกลาง เข้าถึงแหล่งทุน และการนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมือง เกิดการสูญเสียน้อยกว่าหลายประเทศ เป็นต้น
ดร.นพดล กล่าวต่อว่า “โปรโมชั่น บิ๊กตู่” ที่จะตรงเป้า ความต้องการของประชาชนได้แก่ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ อยู่ดีกินดี ที่ต้องการมืออาชีพมาเป็นจุดขายเพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีจุดอ่อน หรือ Pain point เรื่องขาดมือเศรษฐกิจที่ดีคู่กาย จึงต้องหามาเสริมเร่งด่วนในช่วงเริ่มต้นของการหาเสียงนี้ ตามด้วย แพ็คเกจโปรโมชั่น บิ๊กตู่ อื่น ๆ ได้แก่ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำถูกลง ค่าน้ำมัน พลังงานเชื้อเพลิงถูกลง ความปลอดภัยทางไซเบอร์ คอลเซนเตอร์ และโลกออนไลน์ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน แก้ปัญหายาเสพติด ความทันสมัย การสื่อสาร ยุคดิจิทัล แก้ปัญหาบริการสาธารณสุข แก้ปัญหาทุจริตคอรัปชัน ลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน เพิ่มแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อย รายย่อม การศึกษาของบุตรหลานที่ดีมีอนาคต บัตรลดราคาสินค้าจำเป็นให้ หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ถ้าทำได้เด่น ดี ปัง ๆ ก็จะเกิดปรากฏการณ์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะ ว้าว แวะ เวียน และไหว้วาน ให้ ผู้คนหันมาเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เดินต่อในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย หลังการเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้
‘ธนกร’ยันผลงานบิ๊กตู่จับต้องได้
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมืองว่า วัตถุประสงค์ของการตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าว เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการทำงานและยุทธศาสตร์พรรค รวมถึงเสนอแนะ และให้ความเห็นต่อคณะกรรมการบริหารพรรค เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรค และเสนอแนะ ให้ความเห็นต่อหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการต่างๆ ของพรรค และสมาชิกพรรค เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคและสมาชิกพรรค ทั้งหมดก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ทั้งนี้ เชื่อว่าจะทำให้พรรคได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโดยมีผลงานชัดเจน จับต้องได้ เป็นรูปธรรม ขณะที่ระบบการจัดการภายในพรรคที่ดี ยิ่งส่งเสริมให้พรรคได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากยิ่งขึ้นด้วย
“ทั้งท่านนายกฯ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอย่างชัดเจนคือ เป็นคนมือสะอาด จริงจังกับการแก้ปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ในสายตาประชาชน ทั้งนี้ ทราบว่าขณะนี้ท่านนายกฯ เริ่มคิดนโยบายเพื่อต่อยอดความสำเร็จในนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลไว้บ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรลุงตู่ โครงการคนละครึ่ง หรือโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ขณะที่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคนั้น กรรมการบริหารพรรคได้คัดสรรผู้สมัครที่มีคุณวุฒิเพียบพร้อมไว้เกือบครบแล้ว และยังมีอดีต ส.ส.คุณภาพที่ยังคงทยอยเปิดตัวมาร่วมงานกับพรรคอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ที่สำคัญ เมื่อปี 62 ท่านนายกฯ เป็นแค่แคนดิเดตนายกฯ ยังชนะมาแล้ว ดังนั้น ปีนี้หากท่านนายกฯ ลุยหาเสียง และขึ้นเวทีปราศรัยด้วยตัวเอง เชื่อว่าพรรคจะได้รับการตอบรับจากประชาชนมากกว่าเดิมแน่นอน”นายธนกร กล่าว
“บิ๊กป้อม”ฟิตลุยสวนลุมพินีระรื่น
เช้าวันเดียวกัน บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินตลาดสวนลุมฯ แวะทักทายพ่อค้า แม่ค้าและประชาชน จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้เดินออกกำลังกายภายในบริเวณสวนลุม ระหว่างทางได้ทักทายประชาชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี
พล.อ.ประวิตร ใช้เวลาเดินออกกำลังกายในสวนลุม ประมาณครึ่งชั่วโมง โดยเดินทางมาเป็นส่วนตัว ในระหว่างการออกกำลังกายนั้น รองนายกฯ ลุงป้อม ได้ถ่ายรูปร่วมกับประชาชน แวะถ่ายรูปร่วม ชมรมไทเก๊กในสวนลุมฯ ชมรมเซี๊ยงเล้งไทยเก๊ก โดยได้ร่วมถ่ายภาพ และดื่มกาแฟ และพูดคุย กับสมาชิกชมรม ลุงป้อมได้ร่วมถ่ายรูปด้วยความเป็นกันเอง และยิ้มแย้มแจ่มใส
ทั้งนี้ ก่อนเข้าเดินออกกำลังกาย ได้แวะซื้องาดำร้านดัง ร้านตี๋งาดำสวนลุม เปิดมาเกือบ 50 ปี ตั้งแต่ 2520 อยู่หน้าสวนลุมฯ และยังแวะร้านข้าวแกง ซื้อกับข้าว อาทิ พะแนงหมู ไข่พะโล้ แกงหน่อไม้ โดยระหว่างทางมีพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน มาขอถ่ายรูป ขอให้ลุงป้อมสู้ๆ สุขภาพแข็งแรง และขอให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 เพื่อช่วยประชาชนให้กินดีอยู่ดี ตลอดทางเดิน ลุงป้อมยิ้มแย้ม อารมณ์ดี และทักทายประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของและออกกำลังกายในสวนลุมฯ ด้วยความเป็นกันเอง และยิ้มทักทายตลอดทาง
“นฤมล”ลุยพื้นที่ทุ่งสงเมืองคอน
ด้าน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินทางลงพื้นที่ศาลาประชาคม ที่เทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อพบปะประชาชน และผู้นำชุมชน โดยมีนายสุธรรม จริตงาม ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ และนางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ เพื่อรับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะ ในด้านต่างๆ ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ นำมาสู่การวางแผน และกำหนดนโยบายให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป
นางนฤมล ได้ร่วมประชุมแกนนำของพรรคพลังประชารัฐ เขต4 จังหวัดนครศรีธรรมราช และได้กล่าวว่า ขอให้ทั้ง 800 คนที่อยู่ที่นี้ ช่วยกันเลือกพี่สุธรรม พร้อมทั้งขอให้ชวนเชิญญาติ พี่น้อง มาช่วยกันเลือก นายสุธรรมด้วย วันนี้พรรคพลังประชารัฐได้เปิดนโยบายแรกที่จะทำให้ประชาชน การเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐเป็นจำนวน 700 บาทต่อเดือน พี่น้องประชาชนจะได้สวัสดิการจากภาครัฐต้องนี้ ไปซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคต่าง ๆ ได้ ภายในเดือนกพ.พรรคพลังประชารัฐก็จะมีนโยบายอื่นของพรรคแถลงตามมาอีก เช่น นโยบายในเรื่องของน้ำ พรรคได้รับเอาข้อเสนอจากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกเขต ทั่วประเทศ เข้าไปบรรจุในแผนจัดทำนโยบาย เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ตรงกับความต้องการของประชาชน
“นโยบายพรรคพลังประชารัฐ ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องของที่ดิน ที่พรรคจะเข้ามาแก้ปัญหาในที่ดินทำกินในพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่ สปก.ที่ทับซ้อน หรือที่ ๆ ครอบครองอย่างไม่ถูกต้อง ที่ควรจะได้รับการจัดการ และแก้กฎหมายให้ได้รับเอกสารสิทธิได้ถูกต้อง เรื่องนี้พรรคพลังประชารัฐจะแก้ไขให้พี่น้อง ในส่วนของผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการต่าง ๆ หรือ เบี้ยผู้สูงอายุ พรรคก็จะมีนโยบายออกมาเพื่อดูแล รวมถึงพี่น้องเกษตรกร เราก็ไม่ทอดทิ้งในเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร ขอให้ติดตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐต่อไป”นางนฤมล กล่าว
“สุธรรม”ยันไม่ทอดทิ้งชาวทุ่งสง
ด้านนายสุธรรม กล่าวว่า ตนขอขอบคุณ ศ.ดร.นฤมล ที่มาเป็นตัวแทนผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ มาให้กำลังใจกับว่าที่ผู้สมัคร วันนี้ ตนขอรับใช้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอทุ่งสง เพื่อทำประโยชน์สูงสุดต่อชาวทุ่งสงอย่างเต็มความสามารถ โดยตนทำงานให้กับพี่น้องชาวทุ่งสงมานาน รู้ถึงปัญหาความทุกข์ร้อนของคนในพื้นที่เป็นอย่างดี และตนก็ได้นำเสนอปัญหาเหล่านี้ให้กับทางพรรคพลังประชารัฐได้ทราบ เพื่อเป็นแนวทางประกอบการร่างนโยบายพรรคฯ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราชบ้านเรา ถ้าตนได้รับโอกาสเข้าไปเป็นตัวแทนของทุกคน ตนจะนำปัญหาและความต้องการของชาวทุ่งสงเข้าไปเสนอและผลักดันให้เกิดการแก้ไขให้ได้ ตนไม่มีทางทอดทิ้งชาวทุ่งสงอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ บรรยากาศในพื้นที่ มีประชาชนมารอต้อนรับนางนฤมล พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ได้ให้ความสนใจและสอบถามถึงนโยบายการเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐ เนื่องจากเห็นว่า จะสามารถช่วยแก้ปัญหาในสภาวะที่สินค้ามีราคาสูงขึ้นได้
จุรินทร์เปิดศูนย์เลือกตั้งหลักสี่
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมคณะ ร่วมกันเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งและศูนย์ประสานงานของพรรคที่เขตหลักสี่ กทม.ที่นำโดย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตหลักสี่ พรรคประชาธิปัตย์ ด้วยบรรยากาศคึกคัก มีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างหนาแน่น
นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยลืมพี่น้องชาวกรุงเทพฯ และให้ความสำคัญกับกรุงเทพมหานครเสมอ เพราะพี่น้องชาวกรุงเทพฯ คือลมหายใจของพวกเราชาวประชาธิปัตย์ ที่ทำให้พรรคอยู่ยั้งยืนยงมาถึงวันนี้ 76ปี โดยการเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งของพรรคและน่าจะเป็นแห่งแรกของกรุงเทพฯ ที่เขตหลักสี่ พร้อมกับมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนจะไม่ทิ้งพวกเรา และในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้จะช่วยกันสนับสนุน เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ “คัมแบค” กลับมารับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ อีกวาระหนึ่ง
การเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้ว
“วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่งถ้าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องมีการเลือกตั้งในปีนี้แน่นอน ไม่ว่าจะอยู่ครบเทอม หรือจะมีการยุบสภาก่อนก็ตาม การเลือกตั้งก็หนีไม่พ้นที่จะต้องมีขึ้นภายในปีนี้ และวันนี้ถือเป็นการเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ที่น่าจะพูดได้เลยว่าเป็นแห่งแรกของทุกพรรคการเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์เขตหลักสี่ ที่มี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม เป็นตัวแทนของพรรค และลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตนี้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ
นายจุรินทร์ ยังได้กล่าวถึงเรื่องนโยบายในการเลือกตั้งที่จะมาถึงของพรรคประชาธิปัตย์คือ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” และถือว่าเป็นภาพรวมยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์หากได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปสู่อนาคตที่ดีกว่าให้กับคนไทยทั้งประเทศต่อไป ซึ่งกรุงเทพมหานคร มีชุมชนทั้งหมด 2,000 กว่าชุมชน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล จะจัดตั้งธนาคารชุมชน กรุงเทพมหานคร ขึ้นมาทุกชุมชน ๆ ละ 2 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งทุนให้แต่ละชุมชน ได้เข้าถึงและนำไปพัฒนาเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ให้กับครอบครัวต่อไป สำหรับ นมโรงเรียนประชาธิปัตย์ซึ่งได้เริ่มต้นนโยบายตั้งแต่สมัยท่านชวน หลีกภัย เราให้กินนมโรงเรียนฟรี แต่มาถึงวันนี้ทำได้จำกัดแค่ 280 วัน ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล เราจะฟรีนมโรงเรียนทั้ง 365 วัน และอีกไม่นานเราจะประกาศนโยบาย สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ เวอร์ชั่น กรุงเทพมหานครโดยเฉพาะขึ้นมาอีกด้วย
นายจุรินทร์ ยังย้ำในตอนท้ายว่าขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมในการเลือกตั้ง
“ยุบเมื่อไหร่ประชาธิปัตย์ ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว พร้อมเสมอ” นายจุรินทร์กล่าว
“นิพนธ์”ลุยโกยคะแนนสงขลา
ในขณะที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผอ.เตรียมการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ และการทำงานของพรรคที่ผ่านมา ต่อชมรมกลุ่มสหกรณ์รถตุ๊กๆในพื้นที่เขต 1 สงขลา พร้อมทั้งได้ฝากนายสรรเพชร บุญญามณี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคปชป.เขต1 และพรรคประชาธิปัตย์แก่ชมรมกลุ่มสหกรณ์รถตุ๊กๆในจังหวัดสงขลา
โดยนายนิพนธ์ พรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่เพียงหนึ่งเดียว ถือเป็นสถาบันการเมืองที่ยังคงอยู่จนย่างเข้าปีที่ 77 ซึ่งพอนานเข้าบางคนมักมองว่าประชาธิปัตย์ไม่เคยทำอะไรไว้เลย แต่ในความจริงพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกนโยบายต่างๆมามากมาย ซึ่งนโยบายเหล่านี้ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนเข้ามาก็ยังคงนำมาใช้ อย่างต่อเนื่อง เฉพาะในสมัยของท่านชวนหลีกภัย เรื่องของนมโรงเรียน ก็เป็นนโยบายของปชป.ที่เป็นนโยบายเพื่อให้ลูกหลานของเราได้ดื่มนมโรงเรียนมากว่า 30 ปีแล้ว แต่ในรอบหน้าพรรคปชป.ได้ออกนโยบายเพิ่มเติมโดยให้ลูกหลานของเราดื่มนมโรงเรียนฟรีตลอดทั้งปีคือ 365 วัน นี่คือนโยบายเรื่องนม นโยบายในเรื่องของธนาคารหมู่บ้าน หรือธนาคารชุมชน ชุมชนละ 2 ล้าน เพื่อให้ประชาชนมีเงินทุนเพื่อใช้ในการหมุนเวียน นี่ก็เป็นนโยบายของพรรคปชป. ที่สำคัญนอกจากในเรื่องของดื่มนมโรงเรีบนแล้ว นโยบายสร้างคนอีกเรื่องคือ นโยบายในเรื่องลูกหลานได้กินอาหารกลางวันอย่างมีคุณภาพที่โรงเรียน เรื่องเงิน กยศ.เพื่อให้ลูกหลานได้เรียนหนังสือ ซึ่งนโยบายด้านการศึกษา เป็นนโยบายที่ประชาชนเชื่อถือกันมาก
ดังนั้นรอบนี้ พรรคจึงได้ประกาศ ให้ลูกหลานของเราได้เรียนจนจบปริญญาตรี เป็นการขยายโอกาสให้ลูกหลานของเราได้เรียนอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงนโยบายในเรื่องของอินเตอร์เน็ทซึ่งเป็นนโยบายที่ปชป.จะประกาศใช้ต่อไป ซึ่งจะเปิดให้ลูกหลานของเราสามารถเข้าถึงการใช้เทคโนโลยี เรียนจบปริญญาตรีมีงานทำ โดยเฉพาะสาขาขาดแคลน สาขาวิชาช่าง เพื่อไม่ให้เกิดการว่างงาน เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือในเรื่องของประมงซึ่งหลายปีมานี้เกิดความเสียหายหนัก และยังมาเอาภาคกฏหมายมาใช้กับประมงสงขลา ซึ่งเป็นปัญหาที่พรรคจะเข้ามาฟื้นฟูและแก้ไข
“จึงอยากให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นในพรรคประชาธิปัตย์ได้ ในส่วนของพื้นที่เลือกตั้งเขต 1 สงขลานั้นขอฝากเลือกกาบัตรสองใบ ทั้งพรรคทั้งคน โดยนายสรรเพชร บุญญามณี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประขาธิปัตย์ เขตเลือกตั้งที่ 1 พร้อมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ มั่นใจได้ว่าเป็นคนทำงานที่ดูแลพื้นที่มาตลอดตั้งก่อนเกิดวิกฤตโควิด จนมาถึงช่วงโควิดที่ได้ดูแลช่วยเหลือชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง” นายนิพนธ์ กล่าว
“วัชระ”แฉอดีตนายกฯตามดูดส.ส.
ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า มีส.ส.พรรคเพื่อไทย 2 คนติดต่อมาที่อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ให้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์เพื่อพบอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งในวันที่ 10-11 ก.พ.นี้ ถึงขั้นจองตั๋วเครื่องบินให้พร้อมให้ผู้ติดตามไปด้วยอีก1คน มีเป้าหมายเพื่อให้ไปลงสมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมจะยกตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งให้ด้วย ถือเป็นลูกไม้การเมืองตื้นๆที่ชอบใช้มาก่อน แต่ได้ผลดีกับพวกที่โลภและหลงมัวเมาในอำนาจคือการล่อเหยื่อด้วยตำแหน่งรัฐมนตรี ประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมาพบว่า เคยมีบุคคลถูกหลอกว่าจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรีหลายคน เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานนปช. ผู้พิพากษาอาวุโสหลายคนตั้งแต่คดีซุกหุ้นจนถึงผู้พิพากษาที่ถูกหลอกใช้ และที่น่าสงสัยที่สุดคือกรณีพ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ที่เคยถูกพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จับกุมได้ที่พัทยา เมื่อพล.ต.อ.อัศวิน ถามพ.ต.ท.ศุภชัยว่า ไปยิงวัดพระแก้วทำไม พ.ต.ท.ศุภชัยตอบว่า เขาจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรี คราวนี้ก็ยังคิดว่ามุกเดิมๆคงยังใช้ได้อยู่ ทั้งที่การเลือกตั้งยังไม่เริ่ม ใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ยังไม่รู้ หรือว่าการตกปลาในบ่อเพื่อนเป็นหนึ่งในนโยบายแลนด์สไลด์หรือไม่ ซึ่งอาจจะเหลือแค่แลนในภาษาปักษ์ใต้ก็ได้
‘เพื่อไทย’ลุยหาเสียงพื้นที่ภูเก็ต
แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.จ.ภูเก็ต ประกอบด้วย นายวัชรพงษ์ อนันตกูล นายสรธรรม จินดา และนายอาวุธ หนูเชต ลงพื้นที่ตลาดเมืองเก่า เพื่อพบปะผู้ประกอบการค้าขาย สอบถามสภาวะเศรษฐกิจ การค้าขายและสถานการณ์ท่องเที่ยวในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังมีโอกาสพบกับคณะทูตที่มาดูความเรียบร้อยความพร้อมของภูเก็ต ที่เตรียมยื่นเสนอเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โป 2028 โดยตลอดเส้นทางมีประชาชนมอบดอกไม้ให้กำลังใจและขอถ่ายภาพรวมกับน.ส.แพทองธาร แต่ก็มีบางส่วนแสดงความไม่พอใจระบุขวางทางนักท่องเที่ยว จากนั้นนพ.ชลน่าน น.ส.แพทองธาร และคณะเดินทางไปพบปะผู้ประกอบการท่องเที่ยวจาก จ.ภูเก็ต จ.พังงา และ จ.กระบี่
‘อุ๊งอิ๊ง’งง’ส.’โผล่แคนดิเดตนายกฯพท.
น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายวันชัย สอนศิริ สว.ระบุว่า แคนดิเดตนายกฯตัวจริงที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีตัวย่อ ส.ส่วน น.ส.แพทองธารและนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นตัวหลอก ว่า เขาคือใครและฝากขออักษรตัวต่อไปด้วย เพราะไม่ทราบจริงๆก็เพิ่งได้ยินเรื่องนี้ส่วนที่ระบุว่าเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ซึ่งมีการคาดว่าเป็น นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกฯและอดีต รมว.ต่างประเทศนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่ได้มีการพูดคุยด้วย ขณะนี้เขาไม่ได้เข้ามาพูดคุยกับ พท.เมื่อถามว่า การเมืองลักษณะนี้เป็นการบอนไซพรรค พท.หรือไม่ เพราะขณะนี้ถือว่ามีความชัดเจนเรื่องแคนดิเดต 2คนแล้ว และมีการคาดว่าคนที่ 3จะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท.จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ความจริงเกิดกระแสในทุกด้านอยู่แล้ว ไม่ว่า พท.จะหาเสียงแบบแลนด์สไลด์ หรือจับมือกับใคร ก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีจุดยืนที่มั่นคงและยังเดินหน้าหาเสียงกับประชาชนต่อไป ยื่นนโยบายสู่มือประชาชน สัญญาว่าจะทำได้ ที่สำคัญ พท.จะเลือกคนที่มีคุณภาพให้กับประชาชน ส่วนแคนดิเดตนายกฯคนที่3จะเป็นคนในพรรคหรือนอกพรรค เมื่อถึงเวลาจะบอกแน่นอน
ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า เรื่องนี้ไม่เป็นการบอนไซที่มีการปล่อยตัวย่อ ส.ออกมา เพราะกระบวนการพิจารณาแคนดิเดตนายกฯของพรรค มีคณะกรรมการ มีเป้าหมายที่ชัดเจน ทุกอย่างเพื่อประชาชน ตนในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค พท.ก็ไม่จำเป็น เพราะไม่มีข้อบังคับใดที่เขียนไว้ หรือกฎหมายใดที่บันทึกไว้ดังเช่นพรรคอื่นที่มีการระบุว่า หัวหน้าพรรคต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ของพรรค พท.เราเปิดกว้าง ดังนั้นจึงไม่ถือเป็นการบอนไซ แต่จะเป็นการหาเสียงที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่า ขณะนี้กระบวนการสรรหาแคนดิเดตนายกฯพรรค พท.ถือว่าเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ยังไม่จบ 100% และอยู่ในกระบวนการพิจารณา ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมว่า ชื่อตนก็ยังไม่ได้มีการผ่านกระบวนการพิจารณาพรรค ทั้งที่ทุกคนมีการคาดเดาว่า จะต้องเป็นตนแน่นอน แต่ทางพรรคยังไม่ได้ประกาศแต่อย่างใด เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าที่สุดแล้ว น.ส.แพทองธาร จะเป็นตัวหลอก แล้วจะให้คนอื่นเป็นแคนดิเดตแทน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “คนในพรรคเพื่อไทยรักกันมาก คนในพรรคอิ๊งค์รักกันนะ และรักกันมาก ไม่มีใครหลอกอิ๊ง อิ๊งก็ไม่ได้หลอกใคร เราจะต้องเห็นด้วยกันก่อน และบอกประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องความขัดแย้ง อิ๊งเข้ามารู้สึกชอบที่พรรคเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ การมีคนย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติของการเมือง แต่ที่ทำงานกันอยู่เราพูดคุยกันตลอด”
โต้’วัชระ’ไม่มีดึงปชป.เข้า’เพื่อไทย’
เมื่อถามถึงกรณี นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่า มีอดีตนายกรัฐมนตรีพรรค พท.ไปดีลกับ สส.พรรค ปชป.มาอยู่กับพรรค พท.โดยมีการไปพูดคุยที่สิงคโปร์ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ถามต่อว่า แล้วต้องถึงขนาดอดีตนายกฯต้องไปดีลเองเลยหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “นั่นสิ จะขนาดนั้นเลยหรือ การพูดคุยเรื่องการย้ายพรรคเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้คนพรรคเราไปอยู่กับพรรคอื่น คนอื่นกลับเข้ามาพรรคเรา ถือเป็นเรื่องปกติ ฉะนั้น ไม่มีใครไปดีลกับอดีตนายกฯและยืนยันว่า อดีตนายกรัฐมนตรีไม่เกี่ยว”
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า การปล่อยข่าวแบบนี้มีเจตนาที่จะพาดพิงบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และต้องการให้เกิดผลกระทบทางการเมืองต่อพรรคหรือไม่ หากพูดเช่นนี้แล้วพวกนักร้องได้ยินเขาจะมีงานเลย ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีข้อเท็จจริงและกระบวนการของพรรคหากจะเข้าสังกัดพรรค พท.ได้ทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี