‘สุรนันทน์’ รับมีความขัดแย้งทั้ง‘อุดมการณ์-ยุทธศาสตร์’ ทำ ‘สร้างอนาคตไทย’ ไปไม่รอด ชื่นชมผลงาน ‘ภูมิใจไทย’ พูดแล้วทำ ประชาชนอยากให้เจริญเหมือนบุรีรัมย์
2 มีนาคม 2566 นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรองหัวหน้าพรรค และประธานภาคกทม. พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) โพสต์เฟซบุ๊ก “บันทึกช่วยจำสร้างอนาคตไทย (ตอนที่ 4/5)” (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'สุรนันทน์'แฉต่อ! สอท.เป๋จนเสียทรง มาจากคีย์เวิร์ด 3 คำ'กระแส-สไนเปอร์-ทุน') มีเนื้อหาดังนี้...
(ต่อจากตอน 3 )
2. สไนเปอร์ บอกตรงๆ ผมไม่เข้าใจคนที่พูดคำนี้หรอก และคำจำกัดความทางการเมืองยังไม่บัญญัติชัด แต่วิธีการ คือ การวางเป้าหมายผู้ลงสมัครไว้ และ “ยิง” ให้แม่น เพื่อให้เข้า “วิน” พรรคการเมืองบางพรรคก็พึ่ง “บ้านใหญ่” ในแต่ละจังหวัด เพราะเปอร์เซ็นต์ความชัวร์ว่าจะเข้าป้ายมีสูงกว่าคนอื่น บางทีก็มีการเปิดพื้นที่รอ เพื่อ“เจรจา” เงื่อนไข
บางพรรค โดยเฉพาะพรรคใหม่พรรคเล็ก ทรัพยากรอาจจำกัด ส่งลงเป็นจุดๆ กะได้ 7-10 ที่นั่ง ไว้ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีได้ ซึ่งในความเห็นผม เป็นการเมือง “เก่า” มากๆ การส่งลงเฉพาะจุดจะไม่มี “กระแส” ในภาพรวมเป็นแรงส่ง ถ้าสอบผ่านคือความสามารถเฉพาะตัวจริงๆ
ผมไม่ต้องการมาอยู่ในพรรคที่ผู้บริหารบางคนเห็นแก่ตัว คิดสร้างฐานเฉพาะพรรคพวก เพียงเพื่อกลับไปเป็นรัฐมนตรี ในขณะที่ปากบอกต้องการสร้างพรรคที่เป็น “สถาบันการเมือง”
ยิ่งมีปรากฏการณ์ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่รับการเมืองเก่าและต้องการความเปลี่ยนแปลง ดังจะเห็นได้จากการเติบโตของพรรคอนาคตใหม่ที่เป็นพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน “กระสุน” ฝ่า “กระสุน” กันเองเหนื่อยแล้ว แต่อาจไม่สามารถฝ่า “กระแส” ได้ โดยเฉพาะในเขตเมือง กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคตะวันออก และเขต 1 ทั่วประเทศ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเป็นพื้นที่เป้าหมายของ “ก้าวไกล”
ความเป็น “บ้านใหญ่” ก็ไม่ใช่การเมืองเก่าเสมอไป ผู้ใหญ่ในบ้านใหญ่หลายคนผมรู้จักและให้ความเคารพนับถือ ทุกคนปรับตัว ส่งรุ่นลูกรุ่นหลานเข้าประชัน และไม่ว่าจะบ้านใหญ่ บ้านเล็ก หรือไม่มีบ้าน ทุกคนอยากชนะเลือกตั้งทั้งสิ้น และปัจจัยเรื่องเงินไม่ใช่ปัจจัยใหญ่สุด ในขณะเดียวกันผมเห็นด้วยว่าประเทศไทยต้องมีการปฏิรูประบบระดมทุนและกติกาการใช้เงินในการเลือกตั้ง (Campaign Finance Reform)
แต่ประเด็นตรงนี้ที่ผมอยากทำความเข้าใจคือ ถึงแม้ทุกคนจะมี “ราคา” (Everybody has a Price) แต่ไม่ใช่ทุกคนจะซื้อได้ด้วยเงินอย่างเดียว นักการเมืองต้องฟังประชาชน เขารับเงินมา ยิงไป ตกมาเยอะแล้ว เพราะประชาชนไม่เอา ไม่ศรัทธาพรรค ไม่ชอบนโยบาย ไม่เชื่อผู้นำ คนจะลงเลือกตั้งจึงไม่ใช่ “สินค้า” ที่นักการเมืองสไตล์ “พ่อค้า” ชอบคิด
การได้นักการเมืองที่พูดคุยถูกคอ คนในพื้นที่รับได้ ไปไหนไปกัน ควักเองก็ได้ ผมเห็นมาหลายคนแล้ว และยังคบอยู่ด้วยหลายคน
ที่อยู่ในหัวใจประชาชน คือ ผลงาน นี่คือเหตุผลที่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ยังชนะการเลือกตั้งมาโดยตลอด ถึงแม้ครั้งล่าสุดด้วยกลการเมืองจะไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ตาม ส.ส. อยากย้ายพรรคออกจากเพื่อไทยต้องคิดหนัก เพราะผลงานในอดีตคาคอ
ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่เป็นรัฐบาล แต่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปีแล้ว คนมองว่าเป็น “พรรครัฐราชการ” ซึ่งมีปัญหาทั้งบทบาทและภาพลักษณ์ เพราะประชาชนเหมารวมข้าราชการพลเรือน ทหาร และตำรวจ หลายคนที่ผมได้คุยด้วยช่วงลงพื้นที่จะบ่นถึงเรื่องคอรัปชั่น และการที่ราชการกลับมา “ปกครอง” มากกว่า “ให้บริการ” ประชาชน
สำหรับผมพรรคที่น่าสนใจในเรื่องผลงานคือ “พรรคภูมิใจไทย” ผมเห็นหลังเสื้อนายอนุทิน ชาญวีรกูล มีวรรคสั้นๆ “พูดแล้วทำ” ซึ่งสะท้อนภาพของพรรค และ “ครูใหญ่” นายเนวิน ชิดชอบ ที่เป็นนักเลง “ใจนักเลง” คำไหนคำนั้น กติกาเงื่อนไขชัดเจนในทุกดีล ผลงานในรัฐบาลอาจมีคนตั้งคำถาม แต่โครงการถึงมือประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ของ ส.ส. ภูมิใจไทย รอบนี้ภูมิใจไทยเบ่งกล้ามเต็มที่ ผลการเลือกตั้งคาดกันว่าอาจถึง 100 ที่นั่ง
ช่วงผมลงพื้นที่ ผมไปเปิดศูนย์ประสานงานให้ว่าที่ผู้สมัครคนหนึ่ง ผมถามผู้นำชุมชนว่าเขาอยากเห็นเขตนี้ของเขาเป็นอย่างไร เขาตอบว่าชาวบ้าน “อยากให้เป็นอย่างบุรีรัมย์”!!! เมื่อผมขึ้นเวที ผมปราศรัยว่า ผมจะให้ผู้แทนของสร้างอนาคตไทยเป็นทั้งนักพัฒนา และเป็นผู้แทนในสภาฯ ผลักดันเรื่องต่างๆเพื่อให้เขตนี้เจริญเหมือนบุรีรัมย์ คนตบมือเกรียวพร้อมเสียงเชียร์ แล้วจะไม่ให้ภูมิใจไทยหวังที่นั่งในกรุงเทพได้อย่างไร
พรรคใหม่อย่างสร้างอนาคตไทยจะ คิดเป็นการเมืองเก่าไม่ได้ ผลงานในอดีตของ ดร.สมคิด ติดกับไทยรักไทย และ ดร.ทักษิณ ชินวัตร จะไปเคลมเฉยๆไม่ได้ ขณะที่ผลงานอีกด้านของ ดร.สมคิด-ดร.อุตตม-นายสนธิรัตน์ ก็ติดกับภาพพรรคพลังประชารัฐ ที่นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ย่อมต้องเคลมไป (ช่วงนี้ก็แย่งกันบลั๊ฟหน่อย สนุกดี)
ผมถึงเห็นไม่ตรงกับผู้บริหารพรรค เพราะผมว่าสร้างอนาคตไทย ต้องขายชุดความคิดใหม่ ขายทางออกในอนาคตหลังภาวะโรคระบาด และทำการเมืองใหม่ที่ส่งคนรุ่นใหม่ลงสมัคร เหมือนพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้งปี 2544 และพรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกลในปัจจุบัน มี ส.ส. ใหม่ “นกแล” เข้ามาจำนวนมาก บางคนที่เดินๆช่วยหาเสียง ไม่ได้คาดหวังมาก ได้เป็น ส.ส. โดยไม่รู้ตัวก็มี
ความขัดแย้งเป็นทั้งเรื่องอุดมการณ์ และยุทธศาสตร์ในการบริหารพรรค ซึ่งทำให้ผมไม่สบายใจอย่างมาก แต่ก็ห่วงผู้สมัครที่เดินหาเสียงใน กทม. ด้วยความผูกพันจึงพยายามที่จะเดินต่อ แต่ในที่สุดก็ไม่รอด”.......-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี