ระวังจะสไลด์ออกนอกเลน
‘บิ๊กตู่’เย้ยเพือไทย
ถ้าลงไม่ดี-จะเจ็บตัวไปอีก
เตรียมลางานลงลุยหาเสียงเต็มที่
‘บิ๊กป้อม’ตั้งกก.5ชุดสู้ศึกเลือกตั้ง
‘นฤมล’สละปาร์ตี้ลิสต์พปชร.
‘อนุทิน’ลั่นได้มากสุดนั่งนายกฯ
พท.จัดทีมปราศรัย3ชุดลุยเลือกตั้ง
“บิ๊กตู่” พร้อมลาราชการมากขึ้น ลงพื้นที่หาเสียง ลั่นไม่ประกาศแข่ง“แลนด์สไลด์” กับใคร เย้ยถ้าลงไม่ดีจะสไลด์ออกนอกเลนเจ็บตัวไปอีกเตือนนโยบายรัฐสวัสดิการ มากเกิน ปท.อาจเสียหายได้ ฟุ้งเป็นสุภาพบุรุษพอให้อภัย “ศรัณย์วุฒิ” ขอขมา สยบข่าวไม่มีเลือกตั้ง ย้ำข่าวลือก็คือข่าวลือ วอนอย่านำความขัดแย้งมาหาเสียง หลังเกิดภาพ “น้องมายด์” บุกพบ“บิ๊กป้อม” ถ้าทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะได้รับความยุติธรรม“อาคม” ช่วยงานอยู่แล้วจะร่วมทีมเศรษฐกิจ รทสช.หรือไม่ ให้รออนาคต “อนุทิน” ยันชัด ภท. ได้สส.มากสุดพร้อมเป็นนายกฯปัดข่าวหนุน 2ป. เงื่อนไขใครได้ สส.มากกว่ากัน ชี้ยังไม่ถึงเวลาจัดตั้งรบ.เพราะต้องฟังเสียงปชช.หลังเลือกตั้งก่อน “บิ๊กป้อม” ตั้งกก. 5 ชุด รับมือศึกเลือกตั้ง “วิรัช-ธรรมนัส” นั่งแท่นชุดปราศรัยหาเสียง “มิ่งขวัญ-อุตตม-วราเทพ” ชุดจัดทำนโยบาย “สนธิรัตน์” นั่งปธ.ฝ่ายกลยุทธ์การเมือง ไร้ชื่อ “นฤมล” ร่วมทีมทุกชุด’นฤมล’อ้างขอเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ สละสิทธิ์ลง สส.ปาร์ตี้ลิสต์
เมื่อเวลา 10.10น.วันที่ 24มีนาคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเชิญ นาอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ร่วมงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือไม่ว่า เดี๋ยวรอฟังก่อน แต่ตอนนี้ช่วยงานกันอยู่แล้ว ในอนาคตคงต้องรอก่อน เพราะอนาคตก็คืออนาคต วันนี้ยังมีเวลาที่ยังต้องทำงานร่วมกันอยู่ ตนเองก็อยู่ในฐานะสองบทบาทต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่ เพราะตนยังเป็นนายกฯด้วยและวันนี้อำนาจต่างๆในการรักษาการมีจำกัดมีข้อห้ามในหลายประเด็น อาจจะทำให้งานมีปัญหาล่าช้าไปบ้างในบางอย่าง แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งว่า ใครจะเป็นรัฐบาลต่อไป ตนไม่ได้รังเกียจใครอยู่แล้ว ก็แล้วแต่ ประเทศไทยไม่ใช่ของตน เป็นของคนไทยทุกคน
‘บิ๊กตู่’เล็งลางานมากขึ้นเพื่อไปหาเสียง
เมื่อถามว่า จะปรับกลุยุทธ์ลงพื้นที่หาเสียงอย่างไร เพราะ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่าต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาราชการและไปช่วยพรรคหาเสียงมากขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ตั้งใจอยู่แล้วว่า จะลาราชการและเตรียมพร้อมจะลาอยู่แล้ว ซึ่งจากนี้ไปคงต้องลางานราชการมากขึ้น ในเมื่อกฎหมายกำหนดไว้เราก็ต้องลา มันจะฝืนไปได้อย่างไร ลงพื้นที่ ก็ต้องลาไป
เมื่อถามว่าหลังวันที่ 25มี.ค.ที่จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั่วประเทศและเปิดแคนดิเดตนายกฯ จากนี้จะมีแผนลงพื้นที่ทันทีเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แผนต่างๆเป็นเรื่องของพรรคที่เขาวางไว้ หลังเปิดตัววันที่ 25มี.ค. ก็มีกำหนดที่จะไปหาเสียงในแต่ละพื้นที่ ซึ่งความจริงตนจะไปพูดในเรื่องที่ตนทำไปแล้ว และจะทำอะไรต่อ รวมทั้งจะมีอะไรที่จะทำใหม่บ้าง เราจะต้องแก้ปัญหาต่างๆให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน เราต้องมองอนาคตในการทำงาน
ไม่แข่งแลนด์สไลด์-ระวังออกนอกเลน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางพรรคประกาศต้องการแลนด์สไลด์จากจำนวนสส.ของแต่ละพรรค ทาง รทสช.ตั้งเป้าที่จะแลนด์สไลด์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนก็หวังอย่างนั้น แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับประชาชนใช่หรือไม่“แต่ไอ้คำว่า แลนด์สไลด์ จะสไลด์ไปถึงไหน ก็ยังไม่รู้ เพราะถ้าลงไม่ดีก็จะสไลด์ออกนอกเลนไป เจ็บตัวไปอีก เพราะฉะนั้นผมจะไม่พูดว่า จะสไลด์ หรือไม่สไลด์ ผมขอแค่ให้ทุกคนเข้าใจและมองว่า ประเทศไทยอยู่มาถึงวันนี้ด้วยอะไร แล้วจะอยู่ต่อไปกันอย่างไร เราต้องมีรัฐบาลที่ไว้ใจได้หรือไม่ มีรัฐบาลที่นึกถึงคนที่มีรายได้น้อยหรือไม่ พร้อมดูแลกลุ่มเปราะบางหรือไม่ และจะดูแลอย่างไร ซึ่งเราได้สตาร์ทเริ่มต้นมาแล้ว ครั้งนี้ผมพูดในนามรัฐบาลด้วย เพราะนโยบายของหลายพรรคการเมืองก็ตรงกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของรัฐสวัสดิการ ซึ่งถ้าเราทำกันจนมากเกินไปประเทศก็อาจเสียหายเยอะ ทำไมเราจะไม่อยากดูแล ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามหามาตรการที่เหมาะสม ไม่ให้มีผลกระทบต่อรายได้และงบประมาณของแผ่นดิน ในเรื่องของวินัยการเงินการคลัง ทำให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้นจนถึงปัจจุบัน
สุภาพบุรุษพอให้อภัย’ศรัณย์วุฒิ’
เมื่อถามถึงกรณี นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ อดีตสส.อุตรดิตถ์ ที่เข้าขอขมาและสมัครสมาชิกพรรครทสช.ถือเป็นสัญญาณที่ดีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว และผมก็เข้าใจดีว่าเวลาเขาทำงานในสภา ซึ่งทุกคนก็เห็นอยู่แล้ว ก็ต้องทำได้ทุกอย่าง พูดได้ทุกอย่าง ตามความเชื่อของเขา เมื่อวันที่ 23 มี.ค.นายศรัณย์วุฒิ ก็มาขอโทษ ซึ่งผมก็เข้าใจบทบาทในสภา เมื่อเขาเป็นฝ่ายค้านก็พยายามค้านให้ได้มากที่สุด มันอาจจะเกินเลยไปบ้าง ผมก็ให้อภัยได้ เขาก็มาพูดว่า เขายินดีที่จะมาร่วมงาน ไม่ได้โดนใครบังคับอะไรทั้งสิ้น แต่เขาเห็นว่าผมเป็นคนที่เชื่อถือได้ จากการตรวจสอบของเขาแล้ว มันไม่มีข้อเท็จจริงอะไรทั้งสิ้น เขาจึงอยากมาช่วยเราตรงนี้เพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ก็ให้อภัยกัน”
ติง’มายด์’อย่านำปมขัดแย้งหาเสียง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้พบกับ น้องมายด์ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล แกนนำกลุ่มคณะราษฎร 2563 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไรนิ เมื่อถามย้ำว่า มีโอกาสที่จะเห็นภาพเช่นนี้กับ พล.อ.ประยุทธ์ บ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า“คือการพบนั้นต้องดูว่า พบแล้วมันได้อะไร เข้าใจหรือไม่ ถ้าพบกันแล้วเพื่อการเมืองอย่างเดียวผมไม่จำเป็นต้องพบใคร เพราะผมพบทุกวันอยู่แล้ว ผมไม่ได้มุ่งหวังทางการเมือง”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือประเทศชาติมันก็ต้องมีกฎหมาย ฉะนั้นถ้าเราระมัดระวังตัวไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือล่อแหลมมันไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไม่ต้องไปวุ่นวายเรื่องการนิรโทษกรรมหรือการอะไรต่างๆไม่วุ่นวายอะไรหรอก เราไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการอะไรก็แล้วแต่ ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ วันนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยแล้วทุกอย่างประชาชนก็เห็นแล้วว่า เราพยายามบริหารให้ดีที่สุด การบังคับใช้กฎหมายก็ไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายๆคนพูด เราระมัดระวังผ่อนผัน ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเด็กๆเยาวชน อีกฝ่ายก็ออกมาบอกว่ารัฐบาลปล่อยปละละเลย ทำไมไม่ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย มันมีข้อขัดแย้งจากสองส่วนนี้ แล้วตนบริหารงานมา 8 ปี หรือ 4 ปีหลังตนทำให้สองฝ่ายเบาๆลง นี่คือสิ่งที่ทุกคนอาจจะลืมไป ไม่มีใครทำให้มันหยุดได้หรอกถ้าประชาชนไม่หยุดตัวเอง
แนะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมดีกว่า
“ผมจำเป็นต้องพูดไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่เข้าใจ ก็ฝากสื่อด้วยแล้วกัน ถ้าอยากจะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ประชาชนมีอนาคต ผมไม่ได้หมายความว่า จะต้องมาชอบ หรือรักผม ไม่ใช่ ประชาชนเป็นกลไกหลักในการที่จะทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า นายกฯ และครม.เป็นแต่เพียงผู้รับสิ่งต่างๆมาพิจารณาและดำเนินการให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศ วันนี้มันไม่ใช่ที่จะไปแตกแยกกันอีก มันไม่มีความขัดแย้งอะไรขนาดนั้น เพราะฉะนั้น ผมไม่อยากให้นำเรื่องนี้มาหาเสียงกันมากนักในขณะนี้นั่นคือปัญหาแล้ว เพราะมันเป็นการจุดชนวนขึ้นมา เพราะหลายคนก็มีความสุขดีประชาชนเขาไม่ได้เดือดร้อนและเขาอยากให้บังคับใช้กฎหมายด้วยไม่ใช่หรือ ใช่ไหม ถ้าสมมุติว่า เราอย่างนี้อย่างนั้นปัญหามันก็เกิดขึ้นมาใหม่ ฉะนั้นอย่าไปสร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นมาอีก ปัญหาเก่าต้องแก้ด้วยความเข้าใจ แก้ด้วยความยุติธรรมให้กับเขา ไม่มีใครแกล้งหรอก ถ้าทุกคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็จะได้รับความยุติธรรม”พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำ
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเคลื่อนไหวของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ที่ย้ายไปสวมเสื้อพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประยุทธ์ เดินออกจากวงให้สัมภาษณ์พร้อมกล่าวว่า เอาละ อย่าไปพูดถึงเขาเลย ถามว่าอยากให้นายกฯสยบข่าวลือที่ว่า จะไม่มีการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้นี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีข่าวลือแบบนั้น ข่าวลือก็คือข่าวลือ
‘อนุทิน’ยันได้มากสุดเป็นนายกฯ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ให้สัมภาษณ์กรณี นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า นายอนุทิน พร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯและพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ใครได้สส.มากกว่า จะหนุนคนนั้นเป็นนายกฯ ระหว่างกินข้าวมื้อเที่ยงที่ป่ารอยต่อฯ เมื่อ 22มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า พรรคภูมิใจไทยชัดเจน หากได้ สส.มาเป็นอันดับหนึ่งก็พร้อมเป็นนายกฯเอง เมื่อถามว่า มีการตกลงกันหรือไม่ว่า นายอนุทิน จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯหากใครมีคะแนนสส.มากกว่ากัน นายอนุทิน กล่าวว่า ในวงกินข้าวไม่ได้พูดกันจริงจังขนาดนั้นแล จะไปตกลงกันจัดตั้งรัฐบาลก่อนได้อย่างไร เพราะยังไม่มีการเลือกตั้ง ดังนั้นจะจัดตั้งรัฐบาลต้องฟังเสียงพี่น้องประชาชนหลังเลือกตั้งก่อนเป็นสิ่งสำคัญสุด คิดว่าในวงกินข้าว มีพูดหยอกเย้าเฮฮากัน ไม่ควรเอามาพูดในที่สาธารณะ
‘บิ๊กป้อม’ตั้งกก.5ชุดลุยศึกเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22มีนาคมที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายอำนวยการ โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย นายวราเทพ รัตนากร, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์,นายวิเชียร ชวลิต, พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ,นายชาญกฤช เดชวิทักษ์และนายณรงค์ โยธนัง ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของพรรคพลังประชารัฐในด้านการประสานงาน และการสนับสนุนการดำเนินการ ของคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ รวมทั้งดูแลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และบริหารการเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐเป็นไปด้วยความถูกต้อง มีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์และนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ
‘ไพบูลย์’นั่งประธานฝ่ายกฎหมาย
นอกจากนี้ พรรคยังได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายกฎหมาย โดยมี นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานกรรมการ ประกอบด้วย นายประสาน หวังรัตนปราณี, นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ, นายวิเชียร ชวลิต, นายภาส ภาสสัทธา และนายทศพล เพ็งส้ม ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของพรรคพลังประชารัฐในทางกฎหมายและการบังคับใช้ข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปด้วยความถูกต้อง มีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์และนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ โดยคณะกรรมการชุดนี้ จะมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามดูแลการดำเนินกิจกรรมของพรรคให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ ให้คำปรึกษา และข้อแนะนำด้านกฎหมาย ให้กับคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ และสมาชิก รวมถึงตรวจสอบกรณีสมาชิกพรรคมีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ ทั้งนี้ คณะกรรมการจะรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการ ในทุกขั้นตอนต่อหัวหน้าพรรคโดยตรง อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสามารถตั้งที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการและคณะทำงาน เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามที่ได้รับมอบหมาย
‘วิรัช -ธรรมนัส’นั่งชุดปราศรัยหาเสียง
พรรคยังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายกิจกรรมและปราศรัยหาเสียง โดยมีนายวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นางสาวตรีนุช เทียนทอง, นายอภิชัย เตชะอุบล, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์, นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ, นายวราเทพ รัตนากร, นายสกลธี ภัททิยกุล และนางวลัยพร รัตนเศรษฐ ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของพรรคประชารัฐในด้านการจัดกิจกรรมทางการเมือง และการจัดเวทีปราศรัยหาเสียงในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป พ.ศ. 2566 ของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปด้วยความถูกต้อง มีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์และนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจะมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดแผนการจัดกิจกรรมทางการเมือง และการจัดเวทีปราศรัยหาเสียงในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป พ.ศ. 2566 ของพรรค ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และบริหารเพื่อการเลือกตั้ง รวมถึงอำนวยการและประสานงานฝ่ายต่างๆ เพื่อให้กิจกรรมทางการเมืองและเวทีปราศรัยหาเสียงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยคณะกรรมการสามารถแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่ได้รับมอบหมาย และรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และบริหารเพื่อการเลือกตั้งและหัวหน้าพรรค รวมไปถึงดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ และปฏิบัติงานอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และบริหารเพื่อการเลือกตั้งและหัวหน้าพรรค
‘มิ่งขวัญ-อุตตม-วราเทพ’จัดทำนโยบาย
นอกจากนี้ พรรคยังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายจัดทำนโยบาย โดยมีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เป็นที่ปรึกษา มีนายอุตตม สาวนายน เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายวราเทพ รัตนากร, พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ, ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี, นายชาญกฤช เดชวิทักษ์, นางวลัยพร รัตนเศรษฐ และนายบุรินทร์ สุขพิศาล ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของพรรคพลังประชารัฐในด้านการศึกษาและการจัดทำร่างนโยบายเพื่อการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปด้วยความถูกต้อง มีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์และนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ โดยจะมีอำนาจหน้าที่ศึกษาและจัดทําร่างนโยบายเพื่อการโดนณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรค และข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้อง เสนอหัวหน้าพรรคพิจารณา เพื่อปรับปรุงแก้ไข หรือดำเนินการอื่นใดเพิ่มเติมให้เกิดความสมบูรณ์ครบถ้วน รวมทั้งนําเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรคต่อไป และจัดให้มีการรับฟังแลกเปลี่ยน ระดมความคิดเห็นจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค สมาชิกพรรค นักวิชาการ และประชาชนทั่วไป และส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมในกระบวนการศึกษาและจัดทำร่างนโยบายเพื่อการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนต่างๆ ในทุกระดับ ตั้งแต่ในชุมชนท้องถิ่น ระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค และระดับชาติ โดยให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และบริหารเพื่อการเลือกตั้งและหัวหน้าพรรคต่อไป
‘สนธิรัตน์’นั่งปธ.ฝ่ายกลยุทธ์การเมือง
พรรคยังได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายกลยุทธ์การเมือง โดยมี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นประธาน กรรมการประกอบด้วย นายวิรัช รัตนเศรษฐ, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์, นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ, นายวราเทพ รัตนากร, นายอันวาร์ สาและ, นายวิเชียร ชวลิต และนายสกลธี ภัททิยกุล ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของพรรคพลังประชารัฐในด้านการจัดทำแผนยุทธศาสตร์และการกำหนดกลยุทธ์ทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปด้วยความถูกต้อง มีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์และนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ตามความเห็นและมติของคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และบริหารเพื่อการเลือกตั้ง และให้ติดตามวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง เพื่อมากำหนดกลยุทธ์ทางการเมืองของพรรค รวมถึงกำหนดแผนและดำเนินกลยุทธ์ทางการเมืองร่วมกับคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ โดยให้รายงานผลต่อคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และบริหารเพื่อการเลือกตั้งและหัวหน้าพรรค
ไร้ชื่อ’นฤมล’ในกรรมการ5ชุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นทั้ง 5ชุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ไม่ปรากฏชื่อของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ซึ่งก่อนหน้านี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญภายในพรรคพลังประชารัฐมาโดยตลอด แต่กลับมีชื่อบุคคลที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในพรรค ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ ร่วมเป็นคณะกรรมการหลายคน
‘นฤมล’น้ำตาคลอสละปาร์ตี้ลิสต์
ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร.แถลงถึงทิศทางการทำงานการเมืองกับพรรค พปชร.ว่า พปชร.มีบุคลากรคุณภาพจำนวนมาก ทั้งผู้ที่ร่วมก่อตั้งพรรคมาตั้งแต่ปี 61 ผู้ที่เข้ามาร่วมพัฒนาพรรคระหว่างทาง และผู้ที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานกับพรรค ทุกคนต่างมีความสามารถที่หลากหลายอันเป็นประโยชน์ต่อพรรค สำหรับตนมีความตั้งใจมาทำงานการเมือง เพราะปรารถนาที่จะตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทย การเลือกตั้งปี62 ได้รับโอกาสจากผู้บริหารพรรคให้ได้ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่5 เป็นผู้หญิงคนเดียวใน10ลำดับแรก โดยไม่ได้ร้องขอจากท่านใด แต่เป็นความเมตตาล้วนๆของผู้บริหารพรรคที่เห็นเราทุ่มเททำงานให้พรรคตั้งแต่ยังตั้งไข่ เมื่อม.ค.61 ทั้งที่ตนเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง ไม่ใช่เด็กบ้านใหญ่ ไม่เคยลงสมัครรับเลือกตั้งมาก่อน
“ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงอยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทางการเมืองได้เข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ บ้าง หากเราที่เคยได้รับโอกาสมาแล้ว ไม่เสียสละ คนใหม่ๆก็จะแทบไม่มีโอกาสที่จะได้ขึ้นมา จึงได้แสดงความจำนงต่อคณะกรรมการสรรหาและผู้บริหารพรรคว่าขอสละสิทธิที่จะได้รับการเสนอชื่อในบัญชีสส.ปาร์ตี้ลิสต์ ฉะนั้นวันนี้พรรคจึงจะพิจารณาบัญชีรายชื่อกันใหม่อีกครั้ง” นางนฤมล ระบุ
ยังช่วยงาน’พปชร.’จนจบเลือกตั้ง
เมื่อถามถึงอนาคตการเมืองหลังจากที่สละไม่ลงสส.บัญชีรายชื่อ จะยังอยู่กับ พปชร.และจะช่วยงานอย่างไร นางนฤมล กล่าวว่า จะช่วยงานอย่างอื่น เพราะมีความรับผิดชอบกับบุคคลที่พาเข้ามาทำงานกับพรรคและเสียใจที่ไม่สามารถทำให้ทุกคนได้สมหวังในการลงรับสมัครเลือกตั้ง ที่เป็นผลมาจากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่และเกิดพื้นที่ทับซ้อนที่ทำให้เกิดผลกระทบ เพราะเป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องนำพาเขาไปสู่การเลือกตั้ง ทั้งนี้ตนยังช่วยงานสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้สมหวัง แล้ววันนี้ยังเป็นแม่ทัพใน กทม.และขึ้นเวทีปราศรัยได้ ไม่มีใครห้าม
เมื่อถามว่าสาเหตุเป็นเพราะมีข่าวว่าลำดับบัญชีรายชื่อของนางนฤมล ตกไปอยู่ลำดับที่20 ทำให้เกิดความไม่พอใจหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ไม่มีและการประชุมพรรควันที่ 22มี.ค.ที่มีชื่อของตนอยู่ในลำดับตามที่เป็นข่าวและเป็นตามนั้นจริงๆ แต่เมื่อมองลำดับ 20-30อันดับแรก ไม่เห็นคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจ ทุ่มเททำงานให้พรรค จะมีโอกาสเข้ามาทำงาน ถ้าเราไม่ถอยไม่เสียสละ ถ้าคิดว่าเป็นผู้บริหารต้องได้ลำดับต้น คนรุ่นใหม่จะไม่มีทางเข้ามาได้และหลายพรรคก็เป็นลักษณะคล้ายกัน จึงอยากให้เขาเข้ามามีโอกาสทำงานการเมือง แต่โอกาสจะเป็นไปได้น้อย ถ้าไม่เสียสละ ส่วนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการให้อยู่ในบัญชีรายชื่อต้องหารือกับกรรมการสรรหาก่อนว่า จะเป็นใครและตนได้เสนอชื่อไปแล้ว เป็นคนที่ทำงานมาร่วมกัน
‘ธรรมนัส’ถาม’นฤมล’สละแล้วหรือ
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แสดงอาการแปลกใจ หลังจากทราบข่าวจากสื่อว่านางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ สละสิทธิไม่รับตำแหน่งปาร์ตี้ลิสต์โดยผู้สื่อข่าวถามว่าการสละสิทธิของนางนฤมลจะกระทบต่อพรรคหรือไม่โดยร.อ.ธรรมนัสตอบว่า”ตอนนี้อาจารย์ลาออกแล้วหรอ ที่แถลงเมื่อเช้า” ทั้งนี้ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่าส่วนตัวคิดว่านางนฤมล ยังคงทำงานอยู่ที่พรรคไม่น่ากระทบอะไรกับพรรค แต่น่าจะเป็นการแสดงสปิริต เพราะบัญชีรายชื่อคนมันเยอะเมื่อถามว่า นางนฤมลได้มาปรึกษาบ้างหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า หลังๆไม่ค่อยได้คุยกัน เมื่อถามว่า มีข่าวว่า นางนฤมล อึดอัดเรื่องลำดับบัญชีรายชื่อ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ไม่มั้ง ไม่ๆ เพราะอาจารย์เป็นผู้ใหญ่ หลังจากนี้ก็ทำงานกันได้”
‘จุรินทร์’รับ‘มรว.ศศิพฤนท์’ร่วมทีมศก.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่า ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ได้เข้าพบ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคและและได้สมัครเป็นสมาชิกแบบตลอดชีพ โดย ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ เคยดำรงตำแหน่งCEOบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด มหาชน เป็นกรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์ทีทีแอนด์ทีจำกัด มหาชน และเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจและเอกชนมาแล้วหลายองค์กร ถือเป็นบุคคลที่อยู่ในแวดวงเศรษฐกิจและมีประสบการณ์บริหารการเงินมากว่า 30ปี ทั้งนี้ นายจุรินทร์ จะมอบหมายให้เข้าร่วมทีมเศรษฐกิจของพรรคต่อไป
ปชป.นัดจัดสส.เขต-ปาร์ตี้ลิสต์25มีค.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป.ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปัตย์ กทม.จะจัดประชุมสมาชิกพรรคเพื่อรับฟังความคิดเห็นการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง สืบเนื่องจากประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้พรรคประชาธิปัตย์จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ต้องจัดประชุมสมาชิกพรรคเพื่อรับฟังความคิดเห็นการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 25มี.ค.2566 เวลา 10.00น. ที่โรงแรมบลิซ โฮเทล เมื่อตัวแทนพรรคประจำ กทม.ประชุมรับฟังความคิดเห็นแล้ว จะส่งผลประชุมให้คณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณาความคิดเห็น ก่อนที่จะส่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเสนอให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งต่อไป โดย นายจุรินทร์ จะมาสังเกตการณ์การประชุมด้วย
พท.จัดปาร์ตี้ลิสต์100ชื่อครบแล้ว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ว่า จากที่ กกต.กำหนดให้เลือกตั้งวันที่ 14พ.ค.ในส่วนพรรค พท.รายชื่อผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อ ที่ กกต.ให้ยื่นในวันที่ 4-7เม.ย.ขณะนี้พรรคพร้อมแล้ว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องประวัติต่างๆ ของผู้สมัครและจะนำรายชื่อเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาพิจารณารายชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งระบบเขตและระบบเลือกตั้ง และจะนำรายชื่อทั้งหมดส่งไปทำไพรมารีโหวตและเมื่อเสร็จจากขั้นตอนทำไพรมารีโหวต ก็จะนำรายชื่อส่งกลับมาให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
“บัญชีรายชื่อผู้สมัครระบบปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อไทยทำเสร็จหมดแล้ว100คน โดยจะเรียงลำดับตามตัวอักษร ส่งให้ กกต.จากนั้นก็จะส่งมาให้กรรมการบริหาร ซึ่งกรรมการบริหารมีอำนาจโดยตรงในการจัดสรรลำดับปาร์ตี้ลิสต์ พรรคทำตามกระบวนการตามกฎหมายหมด วันที่ 4เม.ย.ทุกคนก็จะได้เห็นบัญชีรายชื่อของพรรค รวมถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค 3รายชื่อก็ถือว่า ครบองค์ประกอบของการเตรียมการเลือกตั้ง ที่จะทำให้เห็นว่า ผู้นำ หรือลีดเดอร์ เราพร้อม นโยบายพร้อม ผู้แทนของเราที่จะไปเป็นกองหน้าในการเชื่อมประสานระหว่างพรรคกับประชาชนเรามีความพร้อม เราจะเริ่มแคมเปญการเลือกตั้งที่พรรควางไว้หมดแล้ว พอรับสมัครเสร็จหมด เราก็จะคิกออฟแคมเปญเลือกตั้งเลย
จัดเวทีปราศรัย3ระดับ‘ใหญ่-กลาง-เล็ก’
นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย วางทีมปราศรัยเลือกตั้งของเพื่อไทยแบ่งเป็น 3 ระดับคือ ระดับใหญ่ กลางและเล็ก ระดับใหญ่ เวทีของเราต้องการคนมาเป็นหมื่นคนขึ้นไป ระดับกลางก็ระดับ 3,000-5,000 คน ส่วนระดับเล็กก็ 1,000คนลงมา เราเป็นพรรคการเมืองที่มีความพร้อม โดยบุคลากรที่จะปราศรัยของพรรคจะเข้าไปในทุกระดับ วันนี้เราเตรียมพื้นที่เราจัดกำลังคนไว้หมดมีการแบ่งทีม แบ่งสายผู้ปราศรัยหาเสียงไว้หมดแล้ว วันนี้เราพร้อมมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพท.ว่ารายชื่อว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ที่จะส่งไปทำไพรมารีโหวตยังสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัดในสัปดาห์หน้า เพื่อเตรียมไปยื่นต่อ กกต.ในวันที่ 4เม.ย.ที่เป็นการเรียงชื่อตามตัวอักษร ไม่ได้เรียงตามลำดับ คาดว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยทั้งรุ่นอาวุโส รุ่นกลาง และกลุ่มนักการเมืองรุ่นใหม่ หลายคนที่มีบทบาทในพรรคจะอยู่ในบัญชีเกือบทั้งหมด รวมถึงแกนนำกลุ่มการเมืองที่ย้ายออกมาจากพรรคการเมืองอื่นที่มาเข้าพรรคเพื่อไทย เช่น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน,นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสนธยา คุณปลื้ม แต่ที่หลายคนสนใจกันคือ จะมีชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรและนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรคจะอยู่ในโผปาร์ตี้ลิสต์ดังกล่าวหรือไม่ หลังจากเสร็จสิ้นการทำไพรมารีโหวตแล้ว ทางแกนนำพรรคจึงจะนำรายชื่อทั้งหมดมาจัดลำดับจาก1-100 ชื่อต่อไป
‘แสวง’ติวเข้ม ผอ.กกต.ทั่วประเทศ
ด้านนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานในการประชุมชี้แจงการดำเนินการในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2566โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานครและผู้บริหารในส่วนกลางของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยนายแสวงได้มอบนโยบายแผนการจัดการเลือกตั้งสส.การรับสมัครรับเลือกตั้งสส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณในการเลือกตั้ง การปิดประกาศและแผ่นป้ายหาเสียง การจัดสรรและการใช้จ่ายงบประมาณการเลือกตั้ง รวมทั้งตอบข้อซักถามและแสดงความคิดเห็นของผู้ร่วมประชุมด้วยความเรียบร้อยต่อไป