1.ในเรื่องความรับผิดทางละเมิดตรงนี้ เราคงจะต้องตามไปดูตั้งแต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ซึ่งกำหนดว่าผู้ใดจงใจประมาทหรือเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดีฯ ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น ตรงนี้เป็นเรื่องของประชาชนทั่วไปก็จะต้องไปคุยกันจนถึงศาลแพ่ง หากตกลงกันไม่ได้ครับ
2.แต่ในส่วนของทางราชการ คงจะต้องตามไปดูพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ตามมาตรา 8 ซึ่งกำหนดความโดยสรุปว่า ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้หน่วยงานของรัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว แก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่นั้นได้กระทำการนั้นไปด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วยงานของรัฐหรือระบบการดำเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความรับผิดดังกล่าวออกด้วย
สำหรับมาตรา 12 กำหนดความโดยสรุปว่า กรณีเจ้าหน้าที่ต้องชดใช้สินไหมทดแทนที่หน่วยงานของรัฐได้ใช้ให้แก่ผู้เสียหายตามมาตรา 10 ประกอบกับมาตรา 8 ให้หน่วยงานของรัฐที่เสียหายมีอำนาจออกคำสั่งเรียกให้ผู้นั้น(เจ้าหน้าที่) ชำระเงินดังกล่าวภายในเวลาที่กำหนดได้
3.ในประเด็นนี้ หากเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่าตนไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนข้างต้น ก็สามารถอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองดังกล่าวได้ ภายในสิบห้าวัน
(15 วัน) นับแต่วันที่ตนได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว (มาตรา 44 พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539)
4.ผู้ที่จะทำหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองนี้ต้องพิจารณาตามมาตรา 45 (พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติฯ พ.ศ.2539) ซึ่งกำหนดให้เจ้าหน้าที่ตามมาตรา 44 วรรคหนึ่งพิจารณาคำอุทธรณ์และแจ้งผลแก่ผู้อุทธรณ์โดยไม่ชักช้าแต่ต้องไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์
5.ประเด็นตามมาแล้ว ใครจะเป็นผู้พิจารณาอุทธรณ์ตรงนี้มาตรา 45 วรรคสามกำหนดไว้โดยให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยกฎกระทรวงฉบับที่ 4
(พ.ศ.2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ข้อ 2 กำหนดความโดยสรุปเท่าที่เกี่ยวข้องกับประเด็นหารือครั้งนี้ ดังนี้
ข้อ 2 การพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองในกรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ให้เป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ดังต่อไปนี้ ฯลฯ
(10) ผู้ว่าราชการจังหวัดในกรณีที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครองเป็นผู้บริหารท้องถิ่นหรือคณะผู้บริหารท้องถิ่น
(11) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในกรณีที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครอง เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บริหารองค์การบริหาร
ส่วนจังหวัดหรือในฐานะราชการในส่วนภูมิภาค
6.ประเด็นของเรื่องที่หารือมาโดยสรุปข้อเท็จจริงโดยย่อ ความว่า
1) สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัด ต.ตรวจสอบงบการเงินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งหนึ่ง แล้วพบว่าการเบิกจ่ายค่าจ้างทำอาหารว่างและอาหารสำหรับแขกและเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมโครงการหนึ่งโดยไม่มีกฎหมาย/ระเบียบกำหนดให้เบิกจ่ายได้ ให้เรียกเงินคืนจากผู้ต้องรับผิดชอบส่งคืนคลังขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนี้
2) ผู้ว่าราชการจังหวัดได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เพราะเป็นคู่กรณีไม่สามารถทำหน้าที่ในเรื่องนี้ได้
3) คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จแล้ว คณะกรรมการมีความเห็นแตกต่างกัน เป็นสองทางผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ในฐานะผู้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ เป็นความเห็นกับเสียงข้างน้อยโดยเห็นว่าพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 ราย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด แต่เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัด เห็นว่านายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(คนปัจจุบัน) ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำละเมิดจึงให้ดำเนินการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในครั้งนี้
(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี