‘ขึ้นเหนือ-ล่องใต้’ปักหลักค้างคืน
จัดคิว‘บิ๊กตู่’แน่น
รทสช.ปรับกลยุทธ์เข้าถึงประชาชน
‘บิ๊กป้อม’ชู‘อีสานประชารัฐ’ทำให้เจริญ
สร้างรถไฟทางคู่ยาว480กม.พัฒนา24จว.
ทีมศก.‘ประชาธิปัตย์’เร่ง4เมกะโปรเจกท์
ดันหาดใหญ่เชื่อมไทย-เชื่อมโลกดึงรายได้
‘สุดารัตน์’เน้นบำนาญปชช.3พันบาท
“บิ๊กตู่” ฟิตจัด ลางานไปลงหาเสียง“สวนลุม-เยาวราช”แวะกินอาหารสตรีทฟู้ดขอคะแนนเน้นเดินตลาด-ชุมชนเปิดคิว “บิ๊กตู่” หาเสียงแน่น ขึ้นเหนือ-ล่องใต้ จ่อนอนค้างคืนเป็นครั้งแรกหาดใหญ่ประเดิมภาคเหนือ 21 เมษายน เดินตลาดเชียงใหม่ก่อนบินต่อพิษณุโลก-แพร่-อุดรธานี“พีระพันธุ์”เปิดนโยบาย รทสช.“ปลดหนี้ด้วยงาน”นำร่อง กยศ.แก้ปัญหาคนเบี้ยวหนี้ภาครัฐทำงานให้กับภาครัฐ แทนการใช้เงินคืนเพื่อปลดหนี้ หวังปรับใช้กับหนี้อื่นๆเชื่อได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายทีมเศรษฐกิจ ปชป.เร่ง4 เมกะโปรเจกต์ไฮไลท์ ดันหาดใหญ่เชื่อมไทย-เชื่อมโลกเพิ่มโอกาสทำมาหากิน-ยกระดับคุณภาพชีวิต-ประหยัดค่าใช้จ่ายการเดินทาง-ขนส่งสินค้า‘บิ๊กป้อม’ชู“อีสานประชารัฐ”สร้างรถไฟทางคู่ ‘บึงกาฬ-EEC’ระยะทาง 480กม.พัฒนาพื้นที่ 24จังหวัดในภาคอีสานและภาคตะวันออกสร้างนิคมอุตสาหกรรม-ทางหลวงพิเศษ8เลน ลั่นจะทำให้อีสานเจริญ“สันติ”เหน็บมีแต่พรรคขอแลนด์สไลด์แต่ไม่คิดพัฒนา ถ้าพปชร.เป็นรัฐบาลทำจริงทำทันที
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกฯพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ลาราชการ โดยในช่วงเช้า ล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เดินทางเข้าปฏิบัติงานภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมตัวหาเสียงที่สวนลุมพินีและเยาวราช ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้
‘บิ๊กตู่’ลุยหาเสียง‘สวนลุมฯ-เยาวราช’
โดยเบื้องต้น ในเวลา16.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่หาเสียง พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคพร้อมแกนนำและ น.ส.ศิรินันท์ศิริพานิช ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตสาทร จะเดินพบปะประชาชนที่สวนลุมพินี
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมแกนนำพรรคและนายพลัฏฐ์ศิริกุลพิสุทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตสัมพันธ์วงศ์ ลงพื้นที่ย่านเยาวราชพบปะประชาชนและนั่งรับประทานอาหารที่ถนนสตรีฟู๊ดโดยพล.อ.ประยุทธ์จะเลือกร้านอาหารรับประทานเอง ซึ่งหลังรับประทานอาหารจะเดินพบปะประชาชนต่อไป
ทั้งนี้รทสช.ปรับกลยุทธ์การหาเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์เน้นเดินหาเสียงตามจุดใหญ่ต่างๆเพื่อให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุดเช่นตามตลาด สวนสาธารณะและเขตชุมชนมากกว่าการขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง
เปิดคิว‘บิ๊กตู่’เดินสายหาเสียงแน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคมีกำหนดการลงพื้นที่หาเสียง จ.เชียงใหม่ในวันที่ 21เม.ย.นี้พร้อมด้วยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคและแกนนำพรรคเดินทางด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ เที่ยวบินขาไปสายการบินแอร์เอเชียและเที่ยวบินขากลับสายการบินไทยสมายล์
21เม.ย.ยกทัพเดินตลาดที่เชียงใหม่
โดยจะออกเดินทางเวลา10.00 น. จากสนามบินดอนเมือง ถึงเชียงใหม่เวลาประมาณ12.30น. รับประทานอาหารกลางวันก่อนเวลา15.00 น.เดินทางไปยังอ.ม่อนแจ่ม เพื่อพบปะประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ จากนั้นเวลา 17.00 น.เดินทางไปพบปะประชาชนที่ตลาดนัดศรีบุญเรือง(แม่ริม) หลังเสร็จสิ้นภารกิจพล.อ.ประยุทธ์จะรับประทานอาหารค่ำและเดินทางกลับกรุงเทพฯถึงเวลาประมาณ22.30น. ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวเป็นของร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 พรรคและยังมีผู้สมัครส.ส.เชียใหม่ ได้แก่ นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ เขต 4 นายโสภณ โกชุม เขต 6 และนายสันติ ตันสุหัช เขต 7
ในวันที่ 23 เม.ย.พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่ไปจ.พิษณุโลก สักการะพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อเสริมสิริมงคลและไปสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสิน ในช่วงบ่ายจะเดินทางไป จ.แพร่ เพื่อร่วมงานศพมารดา นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและลงพื้นที่ใน จ.แพร่
ลุยอีสาน24เม.ย./ล่องใต้29เม.ย.จ่อค้างคืน
ส่วนการลงพื้นที่หาเสียงในแต่ละภาค ในส่วนของภาคอีสานในวันที่ 24 เม.ย.จะลงพื้นที่ จ.อุดรธานี 3 จุด โดยเดินตลาดพบปะประชาชนและเปิดเวทีปราศรัยย่อยส่วนในพื้นที่ภาคใต้ วันที่ 29 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์จะลงพื้นที่หาเสียง จ.ตรัง ช่วงเช้าจะเดินตลาดในเมืองตรังและไปเปิดเวทีปราศรัยที่ จ.พัทลุงและนอนค้างคืนที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนเช้าวันที่ 30 เม.ย.จะลงพื้นที่หาเสียง จ.สตูล ช่วงบ่ายจะกลับมาหาเสียงและเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขณะที่ภาคตะวันออกลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.ชลบุรี ภาคกลาง จ.นครปฐม จ.กาญจนบุรีและกรุงเทพฯ ทั้งนี้การจัดเวทีปราศรัยในช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งจะมีการจัดทั้งเวทีขนาดใหญ่และขนาดกลางคละกันไป
รทสช.ชูปลดหนี้ด้วยงาน’นำร่อง กยศ.
ด้าน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)กล่าวถึงนโยบาย“ปลดหนี้ด้วยงาน”ว่า เป็นนโยบายที่พรรคจะนำมาใช้แก้ปัญหาหนี้ภาครัฐ เช่น หนี้จากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ที่มีข้อถกเถียงกันมากก่อนหน้านี้ว่า จะยกเลิกหรือจะฟ้องร้องบังคับคดีกับผู้ที่ไม่ยอมใช้หนี้กองทุนฯหลังจากที่กู้ยืมไปแล้ว โดยเห็นว่านโยบายการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาดังกล่าว มีจุดประสงค์สำคัญคือ การเปิดโอกาสให้เด็กๆ ที่ขาดโอกาสได้เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีความรู้จากการศึกษา โดยเด็กจำนวนมากไม่มีเงินทุนพอที่จะเรียน จึงเกิดโครงการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาขึ้นมา แต่เมื่อเข้าไปเรียนแล้วได้ความรู้มาแล้ว หลายคนไม่ยอมกลับมาใช้หนี้กองทุนที่กู้ยืมไปจนกลายเป็นปัญหาส่งไปถึงรุ่นน้องๆ ต่อไป
แก้ปัญหาคนเบี้ยวหนี้ภาครัฐ
หากพิจารณาจากผู้ที่ไม่กลับมาใช้หนี้กยศ.นี้จะเห็นได้ว่าสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกันคือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ตั้งใจจะไม่ใช้หนี้คืนเลยกลุ่มคนประเภทนี้จำเป็นต้องจัดการเด็ดขาด ด้วยการฟ้องร้องบังคับคดีเพราะเป็นคนที่ตั้งใจไม่ใช้หนี้ ทำให้รุ่นน้องเสียโอกาส ส่วนกลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ตั้งใจโกง แต่ประสบปัญหายังหางานทำไม่ได้ หรือได้งานแต่ว่าเงินเดือนไม่เพียงพอ เขาไม่อยากโกงแต่ไม่มีเงินใช้ และกลุ่มที่สามคือ มีงานมีเงินแต่ภาระครอบครัวมีมาก ฉะนั้นแม้มีเงินเดือนมีรายได้แต่ไม่พอไม่พอชำระหนี้
ทำงานให้ภาครัฐแทนใช้เงินคืน
ทั้งนี้ คนสองกลุ่มหลังคือ กลุ่มที่ไม่ควรจะดำเนินคดีอะไรกับอย่างเด็ดขาดเพราะไม่ได้ตั้งใจโกง แต่เพราะไม่มี แต่กลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ เมื่อเรียนมาแล้วในขณะที่รัฐเองก็ต้องการคนมีความรู้ไปช่วยเหลือสังคม ดังนั้นจึงเกิดแนวทางว่า“ปลดหนี้ด้วยงาน” และ กองทุน กยศ.เป็นตัวอย่าง ไม่จำเป็นที่จะฟ้องร้องบังคับคดีกัน แต่เป็นการเปิดโอกาสให้เข้ามาช่วยงานให้กับรัฐ เพื่อเป็นการปลดหนี้แทนเชื่อว่าจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
เชื่อมั่นได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
“การฟ้องร้องกันได้กระดาษหนึ่งแผ่น เป็นคำพิพากษาว่าชนะคดี แล้วได้อะไร เมื่อเราส่งเขาไปมีความรู้ ทำไมเราไม่ให้โอกาสเขาเอาความรู้ ไปช่วยเหลือสังคมให้กับรัฐ ฉะนั้นกลุ่มเหล่านี้ที่เขาไม่ได้ตั้งใจโกง แต่มีภาระทางครอบครัวไม่มีงานทำ ก็สามารถปลดหนี้ของเขาด้วยการใช้แรงงานใช้ความรู้ทำงานให้กับรัฐแทน ถ้าทำอย่างนี้ได้ ผมเชื่อว่าจะได้ประโยชน์ สองฝ่าย ตรงนี้ก็คือเรื่องของการ ปลดหนี้ด้วยงาน แล้วหลักเกณฑ์อันเดียวกันนี้เราสามารถขยายไปเรื่องอื่น เช่น กองทุนหมู่บ้าน และอะไรอีกหลายอย่าง”หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำ
ปชป.ดันหาดใหญ่เชื่อมไทย-เชื่อมโลก
ที่โรงแรมคริสตัล หาดใหญ่ จ.สงขลาทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์แถลงข่าวทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์สัญจร ครั้งที่ 2“แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจปลายด้ามขวานไทย”นำโดย ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรมช.กระทรวงการคลัง ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งโครงสร้างพื้นฐานและโครงการขนาดใหญ่ และม.ร.ว.ศศิพฤนท์จันทรทัต อดีตซีอีโอบล. กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีนายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 พรรค เข้าร่วมด้วย
โดยดร.สามารถโชว์วิสัยทัศน์“เร่งเมกะโปรเจกต์ ดันหาดใหญ่ เชื่อมไทย-เชื่อมโลก”ว่าหาดใหญ่มีทำเลยุทธศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภาคใต้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องขับเคลื่อนหาดใหญ่ด้วยระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพเพื่อผลักดันให้หาดใหญ่เป็นขุมทองทางเศรษฐกิจของปลายด้ามขวานไทย
“พรรคประชาธิปัตย์จะเร่งรัดการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคมขนส่งในเมืองหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อทำให้หาดใหญ่เชื่อมโยงกับพื้นที่อื่นทั้งในและต่างประเทศได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เพิ่มโอกาสการแข่งขัน เพิ่มโอกาสการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิต ประหยัดค่าใช้จ่ายการเดินทางและการขนส่งสินค้า ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ลดมลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมรับกระแสโลกในการลดก๊าซเรือนกระจกและฝุ่น PM 2.5”ดร.สามารถ ย้ำ
เร่งผลักดัน4เมกะโปรเจกต์ไฮไลท์
โดยพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในหาดใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียงดังนี้1.โมโนเรล คือรถไฟฟ้าที่วิ่งคร่อมรางโดยใช้รางเดี่ยว แต่ที่นิยมใช้กันมากคือแบบคร่อมรางโดยหาดใหญ่เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่นๆที่มีปัญหารถติดในชั่วโมงเร่งด่วน องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)สงขลา สมัยนายนิพนธ์ บุญญามณี เป็นนายก อบจ.ได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรลขึ้น โดยระยะที่1 มีระยะทางยาว13 กิโลเมตร วงเงินประมาณ16,000ล้านบาท มี15 สถานี ระยะที่ 2 จะขยายเส้นทางจากสถานีน้ำพุไปยังถนนลพบุรีราเมศร์ และจากสถานีคอหงส์ไปยังสวนสาธารณะหาดใหญ่ ส่วนระยะที่3 จะมีเส้นทางเชื่อมระหว่างสถานีหาดใหญ่ในกับสถานีคลองเรียนโดยวิ่งผ่านโรงเรียนพัฒนศึกษาและศูนย์การค้าไดอาน่า โมโนเรลจะไม่ส่งผลกระทบต่อรถตุ๊กตุ๊ก รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซค์ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ในทางกลับกัน โมโนเรลจะช่วยให้รถตุ๊กตุ๊ก รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซค์มีเส้นทางการให้บริการเพิ่มขึ้น พรรคจะผลักดันให้โมโนเรลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหารถติดในเมืองหาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี
รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
2.รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ รถไฟทางคู่หมายถึงทางรถไฟที่ประกอบด้วยเหล็กรางรถไฟ 4 ราง หรือใช้เหล็กรางรถไฟ 4 เส้น รถไฟทางคู่จะช่วยประหยัดเวลาการเดินทางและการขนส่งสินค้าได้มาก เพราะรถไฟสามารถวิ่งสวนทางกันได้ พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ริเริ่มโครงการรถไฟทางคู่ขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2536 และจะเดินหน้าก่อสร้างรถไฟทางคู่ต่อไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยจะเร่งผลักดันโครงการนี้
เป็นรถไฟที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพื่อรองรับรถไฟจากประเทศมาเลเซียอีกทั้ง จะช่วยกระตุ้นให้การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียพุ่งสูงขึ้นจากเดิมในปี พ.ศ. 2565 ที่มีมูลค้าการค้า 660,392 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการค้าชายแดนที่สูงที่สุดของประเทศทั้งนี้รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร มีมูลค่าโครงการประมาณ 6,700 ล้านบาท เส้นทางนี้จะเชื่อมต่อไปสู่กรุงเทพฯจะบรรจบกับรถไฟทางคู่ที่เวลานี้สร้างมาถึงชุมพรเมื่อมีรถไฟทางคู่จากหาดใหญ่ถึงกรุงเทพฯเวลาการเดินทางจะลดลงจาก16ชั่วโมง เหลือเพียง8-10ชั่วโมง ประหยัดเวลาลงได้ครึ่งหนึ่งโดยแบบก่อสร้างเสร็จแล้วการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือEIAก็ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะเร่งรัดให้มีการก่อสร้างโดยเร็ว
มอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา/เพิ่มค้าชายแดน
3.มอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา มอเตอร์เวย์เป็นถนนที่รถวิ่งได้เร็ว รถไม่ติด มอเตอร์เวย์ก็เหมือนกับทางด่วนนั่นเอง พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้จัดทำแผนแม่บทมอเตอร์เวย์ทั่วประเทศ และได้ก่อสร้างมอเตอร์เวย์เส้นทางแรกของประเทศไทยคือเส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2537 ซึ่งพรรคจะเดินหน้าก่อสร้างมอเตอร์เวย์ต่อไป โดยจะเร่งผลักดันโครงการก่อสร้าง “มอเตอร์เวย์จตุรทิศ” เชื่อมใต้สุดกับเหนือสุด และตะวันตกกับตะวันออกของประเทศไทย สำหรับมอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดานั้น มีระยะทาง 71 กิโลเมตร วงเงิน 40,787 ล้านบาท เริ่มจากบ้านควนทรายทองถึงทางเข้าด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ แบบก่อสร้างเสร็จแล้ว และการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก็ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว กำลังรอหารือเรื่องถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่-ด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซียในเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับรถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ มอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา จะช่วยกระตุ้นให้การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน
สะพานเชื่อมเกาะสมุย/เที่ยวสะดวกขึ้น
4.สะพานเชื่อมเกาะสมุย ตนเป็นผู้ริเริ่มโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุยโดยได้เสนอความเห็นไว้ในเฟสบุ๊กเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ได้เสนอแนวคิดที่จะก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุย ระหว่างบริเวณด้านใต้ของแหลมทาบ(หรือแหลมประทับ)ตั้งอยู่ทางใต้ของท่าเรือดอนสักะเป็นพื้นที่ในอ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ไปที่แหลมหินคมบนเกาะสมุย จะได้แนวสะพานที่เหมาะสมแนวหนึ่ง มีระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร รูปแบบสะพานควรเป็นสะพานขึง (Cable Stayed Bridge) มีจำนวน 4 ช่องจราจร หรือข้างละ 2 ช่องจราจร หากมีสะพานเชื่อมเกาะสมุยจะใช้เวลาข้ามทะเลแค่เพียงประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ต่อไปเมื่อนักท่องเที่ยวมาเที่ยวในหาดใหญ่แล้วจะไปเที่ยวต่อที่สมุยก็สะดวกทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวหาดใหญ่มากขึ้น เพราะสามารถเดินทางไปเที่ยวที่อื่นได้ด้วยในระยะเวลาไม่นาน
‘บิ๊กป้อม’ชู‘อีสานประชารัฐ’ดันรถไฟทางคู่
ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรค พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคร่วมแถลงเปิดนโยบาย“อีสานประชารัฐ”พัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา
โดยพล.อ.ประวิตรกล่าวว่าเราจะพัฒนาภาคอีสานและภาคตะวันออกให้เป็นรถไฟทางคู่ จากจ.บึงกาฬ-ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือมาบตาพุด-สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง เป็นการพัฒนาพื้นที่ 24จังหวัดในภาคอีสานและภาคตะวันออก สอดรับกับโครงการEEC โดยทางรถไฟจะผ่าน13จังหวัดได้แก่ บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และยังเชื่อมต่ออีก11จังหวัดได้แก่หนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีษะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ480กิโลเมตร เราได้สำรวจเส้นทางมาเรียบร้อยแล้วและจะสร้างเมื่อเราได้เป็นรัฐบาล
ลั่นทำให้ภาคอีสานเจริญมี1ใน3ของปท.
“เราทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะเพื่อจะได้มีงาน สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนอีสานน้ำเขาก็น้อย การเกษตรก็มีข้อขัดข้องเยอะคนอีสานออกมาทำงานต่างจังหวัดทั้งนั้นเราทำโครงการนี้เพื่อชาวอีสานโดยเฉพาะอย่าเพิ่งถามถึงภาคอื่นเอาให้ภาคอีสานเจริญโดยภาคอีสานมีทั้งหมด133เขต คิดเป็น1ใน3ของประเทศ”พล.อ.ประวิตรย้ำ เมื่อถามว่า การมาทำโครงการใหญ่ในภาคอีสานจะเป็นการทำให้ภาคอื่นรู้สึกน้อยใจหรือไม่พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำอีสานก่อนจากนั้นจะทำภาคเหนือและใต้ต่อไปอันนี้คิดกันมาหลายปีแล้วอย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเสร็จพรุ่งนี้ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะส่งผลต่อคะแนนเสียง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าไม่มี ไม่ต้องห่วง ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ตนไม่ห่วง ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้นั้น ไม่ต้องห่วงยังไม่ได้คิดแต่สามารถดำเนินการได้แน่นอน
‘สันติ’ซัดขอแลนด์สไลด์แต่ไม่คิดพัฒนา
ด้าน นายสันติ กล่าวว่า เราจะพัฒนาอีสาน เปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก เนื่องจากดูแต่ละพรรคการเมืองแล้วมีแต่ที่จะขอให้ชาวภาคอีสานทั้ง20จังหวัด และภาคตะวันออก 5 จังหวัด ขอแต่แลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใดเลยที่คิดว่าจะพัฒนาภาคอีสานให้พ้นความยากจน หรือนำเงินลงทุนมหาศาลไปพัฒนาซึ่งไม่มีเลยมีแต่ พปชร.ที่ให้ความสำคัญกับชาวอีสาน พปชร.จึงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก่อสร้างทางรถไฟทางคู่จาก จ.บึงกาฬ ที่อยู่บนสุดของอีสานวิ่งตรงลงมาผ่านภาคอีสานทางตะวันออกทั้งภาค มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเปิดโลกให้ชาวอีสาน
“หลายสิบปีชาวอีสานได้รับการพัฒนาอย่างเชื่องช้ามีแต่คนไปขอให้แลนด์สไลด์ แต่ยังไม่เคยได้ยินพรรคใดที่ตั้งใจที่จะไปพัฒนาภาคอีสานเพื่อลูกหลานอยู่ดีกินดี เราจึงขอแรงใจทั้ง 133เขตให้กับ พปชร.เพื่อพปชร.จะได้มีอำนาจในการมาพัฒนาภาคอีสานและเรามั่นใจว่าชาวอีสานจะต้องเลือก พปชร.ทั้ง 133 เขต เพื่อให้ พปชร.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใน133เสียง ที่เลือกเราเข้าไปในสภาจะไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตนยืนยันว่าโครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกฯเป็นคนที่จะใช้อำนาจผลักดันโครงการดีๆ เหล่านี้ได้” นายสันติ กล่าว
คาดจะดึงดูดเงินลงทุนเข้าไทย4.5ล้านล้านบ.
นายสันติ กล่าวว่าสำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการพัฒนาโครงการนี้ โดยเฉพาะการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการ โดยการดึงดูดนักลงทุนมาจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าหมายไว้ คาดว่าจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศไทย 4.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐจะเป็นผู้เวนคืนที่ดินที่ต้องใช้ในการพัฒนานิคมแต่ละนิคมประมาณ 2 หมื่นไร่ เพื่อรองรับโรงงานประมาณ 1 พันโรงงาน โดยแต่ละโรงงานจะใช้เงินลงทุนประมาณ 750 ล้านบาท ทั้งนี้ มีหลายประเทศสนใจที่จะมาตั้งนิคมอุตสาหกรรมและดึงโรงงานเข้ามาประมาณ 1 แห่ง อาทิ จีน และประเทศในยุโรปที่สนใจเข้ามาตั้งโรงงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี