วันศุกร์ ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
เรื่องน่าเศร้า!วิเคราะห์ผลโพล สะท้อนมุมมองเลือกตั้ง

เรื่องน่าเศร้า!วิเคราะห์ผลโพล สะท้อนมุมมองเลือกตั้ง

วันศุกร์ ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2566, 08.06 น.
Tag : ซูเปอร์โพล นิด้าโพล โพล เลือกตั้ง เลือกตั้ง66
  •  

เรื่องน่าเศร้า!วิเคราะห์ผลโพล สะท้อนมุมมองเลือกตั้ง

21 เมษายน 2566 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr มีเนื้อหาดังนี้...


ก่อนที่จะถึงเวลาต้องห้ามตามกฎหมายที่จะสำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง โพลของสำนักต่างๆต่างก็ทะยอย ทำกันออกมาเป็นระยะ  นอกจากจะมีนิด้าโพล และซูเปอร์โพล ซึ่งดูเหมือนจะเป็น 2 สำนักที่ทำโพลออกมาอย่างสม่ำเสมอ ขณะนี้ยังมี เนชั่นโพล และล่าสุดที่เห็นคือ มติชน-เดลินิวส์โพล

นิด้าโพล ซูเปอร์โพล และเนชั่นโพล เท่าที่ดู น่าจะเป็นการสำรวจโดยใช้วิธีสุ่มตัวอย่างตามระเบียบวิธีวิจัย แต่นิด้าโพลใช้กลุ่มตัวอย่างเพียง 2000 ตัวอย่าง ซูเปอร์โพลใช้ประมาณ 6000 ตัวอย่าง ส่วนเนชั่นใช้กลุ่มตัวอย่างมากถึงเกือบ 40000 ตัวอย่าง และเป็นการสุ่มแยกรายภาคที่เรียกว่า stratified random sampling ส่วนกรณีมติชน-เดลินิวส์ แม้ว่าจะมีคนโหวตเป็นจำนวนมากแต่เป็นการให้โหวตออนไลน์ จึงไม่น่าจะเรียกว่าโพลได้ ทำให้ความน่าเชื่อถือต่ำกว่าโพลอื่นๆ เพราะผู้ที่โหวตเป็นผู้ที่เป็นผู้ติดตามข่าวของมติชนและเดลินิวส์เท่านั้น 

ผลการสำรวจของทุกสำนักที่ออกมาตรงกันคือ พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนิยมเป็นอันดับที่ 1 นิด้าโพลให้พรรคก้าวไกลเป็นอันดับที่ 2 และพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นอันดับ 3 ซูเปอร์โพลให้พรรคภูมิใจไทยเป็นอันดับ 2 และพรรคพลังประชารัฐอันดับ 3 ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่อันดับ 5 และพรรคก้าวไกลอยู่อันดับ 6

ที่แตกต่างกันมากระหว่างนิด้าโพลและซูเปอร์โพล คือ พรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐ ในขณะที่ผลของซูเปอร์โพลให้พรรคภูมิใจไทยเป็นอันดับ 2 และพรรคพลังประชารัฐอันดับ 3 นิด้าโพลกลับให้พรรคภูมิใจไทยเป็นอันดับ 5 และพรรคพลังประชารัฐเป็นอันดับ 8

ที่น่าตกใจคือ ผลของนิด้าโพลบอกว่ามีคนเลือกพรรคภูมิใจไทยเพียง 3.75% นอกจากจะขัดกับความรู้สึกของคนทั่วไปที่คาดว่าอย่างน้อยพรรคภูมิใจไทยต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยไปกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว คุณอนุทิน ชาญวีรกูลก็คงต้องมีข้อกังขากับผลการสำรวจของนิด้าโพลเป็นแน่

ผลสำรวจของทุกสำนักยกเว้นซูเปอร์โพล ยังถามกลุ่มตัวอย่างว่า ต้องการสนับสนุนให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ผลก็คือในภาพรวมทั้งประเทศให้ อุ๊งอิ๊ง เป็นอันดับ 1 คุณพิธา อันดับ 2 และพลเอก ประยุทธ์ อันดับ 3 แต่คะแนนที่ 3 ห่างจากที่ 1 และที่ 2 ค่อนข้างมาก

หากผลการสำรวจที่ได้จากกลุ่มตัวอย่างสะท้อนความเป็นจริงของประชาชนทั้งประเทศ ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าใจมากที่คนไทยเรายังคงนิยมพรรคที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่แท้ที่จริงต้องทำตามคำสั่งของเจ้าของพรรคเพียงคนเดียว แม้จะมีกรรมการบริหารพรรค แต่ก็ต้องลงมติตามคำสั่งของเจ้าของพรรคอยู่ดี ส่งลูกสาวมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีข้ามหัวหัวหน้าพรรค และนักการเมืองคุณภาพในพรรคที่คุณเศรษฐา ทวีสินชี้ให้ผู้สื่อข่าวดูบนเวทีว่ามีเต็มไปหมด แต่ไม่มีใครมีโอกาสได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นอกจากลูกสาวเจ้าของพรรค แคนดิเดตอีกคนก็มาจากภาคธุรกิจนอกพรรค และอีกคนก็คือคนเดิมคือคุณชัยเกษม นิติศิริ ซึ่งมาเป็นเพียงตัวประกอบ บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคซึ่งหลายคนก็ดูเหมือนจะมีอุดมการณ์ แต่ก็ไม่มีใครกล้าหือแม้แต่คนเดียว

เรื่องทำนองนี้ คุณจตุพร พรหมพันธุ์เล่าว่า เมื่อครั้งมีการเสนอชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งเป็นพรรคลูกของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งทำให้พรรคไทยรักษาชาติต้องถูกยุบไป ครั้งนั้นไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้รู้ล่วงหน้าเลยแม้แต่คนเดียว และเมื่อมีการโหวคเลือกนายกรัฐมนตรีในสภา พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้โหวตให้แคนดิเดตของพรรคตัวเอง แต่กลับไปโหวตให้ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่แทน มีเพียงคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ที่ลาออกไปตั้งพรรคไทยสร้างไทย แต่คนอื่นๆยังยอมทนอยู่ได้ไม่ว่ากระไร

แม้ผลโพลทุกสำนักจะชี้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีคะแนนนิยมเป็นอันดับ 1 แต่ผลคะแนนที่ได้ยังห่างไกลจากเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยคือได้ส.ส.จำนวน 310 ที่นั่ง อีกทั้งผลโพลของพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐดูต่ำเกินจริง เมื่อเลือกตั้งจริงๆทั้ง 2 พรรคควรได้จำนวน ส.ส.มากกว่าผลโพล ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าโอกาสที่เพื่อไทยจะได้ชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ มีน้อยมากกระทั่งเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นไม่ว่าจะมีใครต้องการสนับสนุนให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรีมากเพียงใด แต่ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาตามโพล พรรคเพื่อไทยก็ยากที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ทั้งหมดต้องรอดูผลการเลือกตั้งว่าจะออกมาอย่างไร จะแตกต่างจากผลโพลมากน้อยแค่ไหน

ปรากฏการณ์ข้างต้นนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า ระบบเลือกตั้งทั้งในอดีตและที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่น่าจะเหมาะกับประเทศไทย เราได้เรียนรู้ประชาธิปไตยกันมานานเกือบ 91ปีแล้ว ในการเลือกตั้งแต่ละครั้งเรายังคงตั้งคำถามว่า เราจะได้จะอะไรถ้าเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ เราไม่ตั้งคำถามต่อว่า หากเราได้อะไรแล้วจะทำให้ประเทศชาติเสียหายหรือไม่ เพราะเราไม่เคยสนใจ ขอให้เราได้เป็นพอ

กรณีแจกเงินดิจิตัลหนึ่งหมื่นให้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปทุกคน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เพราะต้องใช้เงินถึง 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งจะมาจากไหนก็ไม่ได้บอกชัดเจน มิใยที่อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 2 ท่านออกมาคัดค้านท้วงติงว่าจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพการเงินการคลังของประเทศ ผู้ว่าฯท่านปัจจุบันก็ให้สัมภาษณ์ว่า ความสำคัญขณะนี้คือการพยายามทำให้การเงินการคลังของประเทศอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีความจำเป็นใดๆในขณะนี้ที่จะต้องไปอัดฉีดเงินลงไปในระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ฟัง ยังดึงดันเดินหน้าต่อไป(ซึ่งก็คาดไว้แล้ว) และเมื่อผลโพลทุกสำนักออกมา ก็ยังปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยก็ยังได้คะแนนนิยมเป็นอันดับ 1 เช่นเดิม ทั้งยังมากกว่าเดิม

นี่คือเรื่องน่าเศร้า

และแน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยยังจะคงเดินหน้าต่อไปจนกว่า กกต หรือธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาชี้ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย แต่จะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ก็ตาม นี่คือการกระทำที่ไม่ต่างกับที่ได้ทำในอดีต ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคเพื่อไทย นั่นคือ การใช้ประชานิยมเพื่อให้ได้คะแนนเสียง โดยเอาเรื่องผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังของประเทศเป็นเรื่องรอง นี่น่าเศร้ายิ่งกว่าก็คือ เมื่อพรรคเพื่อไทยทำแล้วได้ผล พรรคการเมืองอื่นๆก็เอาบ้าง โดยเฉพาะการเลือกตั้งครั้งนี้ เกือบทุกพรรค ยกเว้นบางพรรค ล้วนแล้วหาเสียงไปในทำนองนี้ทั้งสิ้น และมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นเรื่อยๆในการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป

หากเป็นเช่นนี้ ประเทศเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร”

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

พนักงานเทศบาลร้องเรียน! ถูกเลิกจ้างรวดเดียว18ราย ไม่แจ้งล่วงหน้าเดือดร้อน

‘อภัยภูเบศร’ยกผลวิจัย‘มะระขี้นก’พระเอกเบาหวาน ลดน้ำตาล เสริมอินซูลิน

บึงกาฬเตรียมพร้อมรับคาราวาน 'แวะ ชิม ช้อป ชม' เปิดเส้นทางท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำโขง

'อ.ไชยันต์' ถาม 'ไอติม' จริยธรรมการเมือง ควรใช้ได้แค่ไหน? ชี้ไม่ยื่นอภิปราย 'อิ๊งค์' อาจเสียโอกาสปชช.

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved