นำทัพรทสช.เหินฟ้าหาเสียงเชียงใหม่
‘บิ๊กตู่’บุกถิ่นทักษิณ
ลั่นปชช.อยู่แบบขัดแย้งแตกแยกไม่ได้
‘บิ๊กป้อม’ร่อนจดหมายเปิดใจฉบับที่10
ชูแก้รธน.บัตร2ใบ/เป็นผลงานหาเสียง
‘ชวน’ลุยลำปางปลุกเลือกปชป.ไร้โกง
‘เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง’นำพท.ทัวร์หนองคาย
โวเลือกเป็นรบ.ได้รถไฟความเร็วสูง
“บิ๊กตู่” บวงสรวงศาลหลักเมืองครบ 241 ปี ทั้งพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์ขอพรบ้านเมืองสงบปลอดภัย บอกหน้าบึ้ง เพราะอากาศร้อน ยันยิ้มอยู่ทุกวัน ยกเว้นคนทำไม่ดี ปัดเกี่ยว “ชูวิทย์” บุกป่วน หาเสียงเยาวราช ย้ำต่างคนต่างไป “บิ๊กป้อม” ร่ายจดหมายฉบับ 10 โวแก้รธน.สูตรเลือกตั้ง เป็นผลงานก้าวข้ามความขัดแย้ง ชี้ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมต้องขับเคลื่อนด้วยเสรีนิยม ยันไม่ได้เป็นเผด็จการจำแลง มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย “เศรษฐา” เขิน พ่อค้าแม่ค้าตลาดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย เรียก นายกฯเศรษฐา เจ้าตัวแวะจิบโอเลี้ยงถกสภากาแฟกับปชช.
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 21 เมษายน 2566 ที่ศาลเมืองกรุงเทพมหานคร พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึก เป็นประธานในการประกอบพิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองและพิธีสงฆ์ รวมทั้งพิธีบวงสรวงสังเวยตามพิธีพราหมณ์ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาองค์พระหลักเมือง ประจำปี 2566 ครบรอบ241ปี โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม, พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมและพล.อ.สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พร้อม ผู้บริหารระดับสูงขององค์การฯและอุปนายกสมาคมฯเข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธี โดยได้นิมนต์ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระสงฆ์จำนวน 9 รูป ประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ ซึ่งวันเดียวกันนี้ใช้บทสวด มงคลสูตร38
‘บิ๊กตู่’ทำพิธีสักการะศาลหลักเมือง
โดยนายกรัฐมนตรี เข้าสักการะพระพุทธรูปบนหอพระพุทธรูป และถวายพวงมาลัย พร้อมใส่บาตรประจำวันเกิด จากนั้นทำพิธีสักการะองค์พระหลักเมือง ภายในอาคารศาลหลักเมือง พร้อมถวายผ้าตาดและถวายพวงมาลัย ก่อนที่จะทำพิธีสักการะเทพารักษ์ทั้ง5บนอาคารเทพารักษ์ จากนั้นเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด (วันเสาร์) ครึ่งเหยือกและเติมที่ตะเกียงสะเดาะเคราะห์ครึ่งเหยือกที่เหลือ จากนั้นนายกฯจุดธูปเทียนบนโต๊ะบวงสรวง ปักธูปหางที่เครื่องบวงสรวง ก่อนที่โหรหลวงอ่านโองการบวงสรวงองค์พระหลักเมือง
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ ปักธูปหางเครื่องบวงสรวงถึงบริเวณหัวหมู พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปักธูปลงได้ในครั้งแรกและต้องพยายามปักถึง4ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายต้องเปลี่ยนปักธูปหางในหูหมู ซึ่งเป็นส่วนที่อ่อนที่สุดธูปแทน ถึงสามารปักธูปลงได้ ทำให้ผู้ที่ร่วมพิธีหลายคน รวมทั้งสื่อมวลชนวิพากวิจารณ์ตามความเชื่อว่า ทำอะไรคงไม่หมูอีกต่อไป
ขอพรบ้านเมืองสงบ-ปลอดภัย
เวลา 09.15น.พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวหลังเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวงองค์พระหลักเมืองครบรอบ241ปี ว่า ก็ได้ขอให้บ้านเมืองสงบปลอดภัย อยากขออะไรก็ขอ ทำความดีอยู่แล้ว ทำดีจิตใจดีก็จบ เมื่อถามถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไปป่วนระหว่างลงพื้นที่เยาวราชวานนี้ รู้สึกอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาไม่ได้ป่วนอะไรกันหรอกมั้ง มันคนละเรื่องกัน ตนก็ไปของตน ท่านก็ไปของท่าน ก็ไม่เกี่ยวกัน เอามาเกี่ยวกันทำไมล่ะใช่ไหม เมื่อถามว่าทำไมนายกฯทำหน้านิ่งๆ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อากาศมันร้อนมั้ง สื่อจึงบอกให้ยิ้มหน่อยวันนี้วันดี พล.อ ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็ยิ้มอยู่ทุกวันแหละ ยกเว้นคนทำให้มันไม่ดี” จากนั้นรถของรถก็เคลื่อนออกจากศาลหลักเมืองทันที ช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ มีภารกิจลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดเชียงใหม่
ลาราชการลงหาเสียงเชียงใหม่
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลาราชการตลอดทั้งวันเพื่อเดินทางลงพื้นที่ห่เสียงที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค พร้อมแกนนำพรรค เดินทางด้วยเครื่องบินพานิชย์โดยเที่ยวบินขาไปสายการบินแอร์เอเชีย และเที่ยวบินขากลับสายการบินไทยสมายล์ โดยออกเดินทางเวลา 10.00น.จากท่าอากาศยานดอนเมืองถึงเชียงใหม่ เวลาประมาณ 12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ก่อนที่เวลา 15.00น.เดินทางไปยัง อ.ม่อนแจ่ม เพื่อพบปะประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ จากนั้นเวลา 17.00น.เดินทางไปพบปะประชาชนที่ตลาดนัดศรีบุญเรือง (แม่ริม) หลังเสร็จสิ้นภารกิจพล.อ.ประยุทธ์จะรับประทานอาหารค่ำ และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ถึงเวลาประมาณ 22.30น.ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นของ ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 พรรครวมไทยสร้างชาติ นอกจากนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังมีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ได้แก่ นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ เขต4 นายโสภณ โกชุม เขต 6 และนายสันติ ตันสุหัช เขต 7
ขึ้นเครื่องชื่นมื่น-นั่งกับปชช.ครั้งแรก
เวลา10.00น.พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค พร้อมแกนนพำและคณะทำงานจัดการหาเสียงและการปราศรัย ละผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเดินทางไปลงพื้นที่หาเสียงจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนออกเดินทาง พล.อ.ประยุทธ์ได้ถ่ายภาพร่วมกับ นายพีระพันธุ์ นายอนุชา นายสยาม และนายบุญยอด โดยทั้งหมดสวมเสื้อโปโลสีน้ำเงิน ของพรรครวมไทยสร้างชาติ สกรีนหมายเลข22และมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
จากนั้น เวลา 11.25น.คณะออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ไปยังจังหวัดเชียงใหม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์และคณะได้ต่อแถวขึ้นเครื่องและนั่งร่วมกับประชาชนที่เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ในเที่ยวบินเดียวกันเป็นครั้งแรก ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งชาวไทยและต่างชาติขอถ่ายรูปเซลฟี่ด้วย ทั้งนี้ระหว่างเดินทาง พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มแย้มอารมณ์ดี ชูมือเบอร์ 22ด้วย
สักการระอนุสาวรีย์พญามังราย
เวลา 12.00น.พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะเข้าสักการะพระที่วัดยางกวง อ.เมือง และสักการะอนุสาวรีย์พญามังรายมหาราช เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้น นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 นำผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรค รทสช.ทั้ง10เขต รดน้ำขอพร พล.อ.ประยุทธ์ แบบล้านนา เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย
ทั้งนี้ ผู้สมัคร สส.เชียงใหม่ ได้อวยพรให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้อวยพรขอให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ มีกำลังกายกำลังใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป
ทักทายแม่ค้า-ขอเลือกเบอร์22
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยนายพีระพันธุ์และนายชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา ผู้สมัคร สส.เชียงใหม่เขต1ได้เดินพบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่ตลาดก้อม บริเวณวัดยางกวง เพื่อขอคะแนนเสียงสนับสนุนเลือกผู้สมัครของพรรคเบอร์9และเลือกพรรคเบอร์22 โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจ่ายตลาดให้ความสนใจเข้ามาจับมือและขอถ่ายรูปกับ พล.อ.ประยุทธ์
แวะร้านข้าวซอยชื่อดังเชียงใหม่
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้แวะนั่งรับประทานข้าวซอย ที่ร้านลุงประกิจ ร้านดั้งเดิมเก่าแก่ของเชียงใหม่และข้าวซอยยังเป็นหนึ่งในเมนูที่นำไปเสิร์ฟผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก (เอเปค) ปี 2022 ก่อนเดินทางไปดอยม่อนแจ่ม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า 8ปี ทำไมนายกฯไม่ออกไปและยังสอบถามอีกว่าเลือกตั้งครั้งนี้มีกระแสข่าวว่านายกฯไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำไม่ท่านถึงไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดย พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว หน้านิ่งสะกดอารมณ์ เดินเลี่ยงไม่ตอบคำถามออกไปทันที
‘บิ๊กป้อม’ร่ายจม.แก้รธน.สูตรลต.
ผู้สื่อข่าวรางงานว่า เพจเฟซบุ๊กพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นเพจทางการของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)โพสต์ข้อความระบุว่า ตอนนี้การหาเสียงเริ่มที่จะแสดงออกด้วยการโจมตีกันรุนแรงมากขึ้นอีกแล้ว จะเห็นว่าระดับผู้นำของพรรคการเมืองกลับมาเล่นงานคนที่มีความคิดแตกต่างกับตัวด้วยท่าทีก้าวร้าว ขนาดขับไล่ไสส่งให้ “ไปเสียให้พ้นจากแผ่นดินไทย”ขณะที่อีกฝ่ายก็เอาแต่ประกาศกร้าวตัดขาดที่จะร่วมมือกับฝ่ายกีดกันไว้เป็นฝ่ายตรงกันข้าม เป็นบรรยากาศที่แบบ“ชี้หน้าคนเห็นต่างว่าเป็นศัตรู”ด้วยท่าที่ของการ“ปลุกระดม”ให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยกรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ความเป็นไปที่มีแนวโน้มเช่นนี้ ย่อมถือว่าอันตรายอย่างยิ่งต่อการอยู่ร่วมกันเป็นชาติที่ประชาชนมีความร่วมมือร่วมใจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้
ย้ำคนไทยต้องก้ามข้ามความขัดแย้ง
พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ผมจึงต้องมาย้ำอีกครั้งว่า“ประเทศไม่มีทางออกอื่น นอกจากต้องร่วมกันก้าวข้ามความขัดแย้ง”และขอให้รู้ว่า ที่ผมมาพูดเรื่องนี้และขอให้ทุกคน ทุกฝ่ายร่วมมือกัน ไม่ใช่เรื่องที่ผมมาพูดเอาเท่ หรือสร้างจุดขายที่แตกต่างของการเป็นผู้นำการเมืองอย่างที่หลายๆคนพยายามคิดและพูดกันไป ไม่ได้ตั้งใจสร้างภาพให้เกิดความต่างเพื่อเป็น“ตัวเลือกใหม่”หรืออะไรอย่างนั้น แต่ผมรู้สึก และเกิดเป็นความคิดจริงๆว่า “การเมืองเดินหน้าต่อไปไม่ได้หากไม่ก้าวข้ามความขัดแย้ง” และผมขอบอกว่า เป็นความรู้สึกและความคิดที่เกิดจาก“ประสบการณ์” อันหมายถึงการได้เห็น ได้ยินได้ฟัง ได้สัมผัสรับรู้มา จากคนในทุกกลุ่ม ทุกวงการ ทั้ง“ฝ่ายอนุรักษ์นิยม”ที่ชินกับการจัดการด้วยอำนาจ และ “ฝ่ายเสรีนิยม”ที่มีธรรมชาติของการเปิดรับความคิดเห็นที่แตกต่างได้มากกว่า ผมเห็นจุดอ่อนและจุดแข็งของทั้ง 2 ฝ่ายที่ไม่มีทางจะทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามพ่ายแพ้อย่างราบคาบ โดยฝ่ายตัวได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด
แก้เลือกตั้งบัตร1ใบเป็นบัตร2ใบ
พล.อ.ประวิตรระบุว่าเพราะเห็นเช่นนี้ ผมจึงตัดสินใจใช้เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ หาทางทำให้ประเทศมีทางออกจาก“วงจรอันสิ้นหวังของการร่วมกันอย่างสุขสงบ”นี้ให้ได้เสียที มีคำถามว่า“ผมจะทำอะไร” ผมอยากจะบอกว่า ในความเป็นจริงนั้นผมทำเรื่อง“ก้าวข้ามความขัดแย้ง” มาก่อนหน้านี้แล้ว เป็นการทำอย่างเงียบๆและโดยใช้“ความเป็นผม”ทั้งหมดเพื่อให้เกิดความสำเร็จ คำตอบในเรื่องนี้ เห็นได้ไม่ยากหากย้อนไปทบทวนช่วง“รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ”จาก“เลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียว”มาเป็น“สองใบ”และแก้ตัวหารคะแนน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จาก“500”มาเป็น“100”ช่วงนั้นเกิดความขัดแย้งรุนแรง พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเห็นไปทางเดียวกับสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เอาด้วยกับแนวทางนั้น ต้องการให้เลือกด้วยบัตรใบเดียว ปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 เหมือนเดิม เพราะมองไม่เห็นว่าแก้ไขแล้วพรรครัฐบาลจะมีโอกาสชนะพรรคฝ่ายค้านที่เป็นพรรคใหญ่ มีสมาชิกและเครือข่ายฐานเสียงมากกว่าได้อย่างไร
ขณะที่ “พรรคการเมือง” บางพรรคโจมตี ส.ว.อย่างรุนแรง ทำนองว่าเป็นส่วนเกินที่ให้ผลในทางเลวร้ายต่อประชาธิปไตย ไม่ควรจะออกมาใช้สิทธิแสดงความคิด ออกเสียง สร้างความเกลียดชังต่อกันรุนแรง ตอนนั้นผมเป็นผู้นำ“พลังประชารัฐ”ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล มีแรงกดดันมากมายทั้งในพรรคและนอกพรรค อย่างที่รู้ๆกันว่าแม้แต่“ผู้นำในทำเนียบรัฐบาล”ก็ส่งสัญญาณผ่านคนใกล้ชิดว่า“ต้องกลับเป็นบัตรใบเดียวและปาร์ตี้ลิสต์หาร500”เพื่อความได้เปรียบของพรรคร่วมรัฐบาล ตัดโอกาสที่จะชนะของพรรคฝ่ายค้านที่เป็นพรรคใหญ่ เป็นผมเองที่เห็นว่า“จะใช้อำนาจทำแบบนั้นไม่ได้ ถึงเวลาที่จะต้องจัดการให้การเมืองเดินหน้าไปโดยยึดหลักการประชาธิปไตย”
สว.ถูกโจมตียับ-ทั้งที่ยึดหลักปชต.
แต่ความยากอยู่ที่จะคุยอย่างไรให้เสียงส่วนใหญ่ทำตามอย่างที่ผมเห็น ยากตรงที่มีการโจมตีส.ว.ด้วยถ้อยคำรุนแรงมากมายจนมองไม่เห็นว่าจะดึงอารมณ์ให้กลับมาพูดดีๆอย่างเข้าอกเข้าใจกันได้อย่างไร
ตอนนั้นแม้แต่ใน“พรรคพลังประชารัฐ”ยังมีแค่ไม่กี่คนที่เข้าใจในแนวทางแบบที่ผมเชื่อว่า“ต้องยืนหยัดในหลักประชาธิปไตยแต่ด้วยความเข้าใจในอนุรักษ์นิยม”ลองไปค้นข้อมูลกลับมาดูได้จะเห็นว่าแม้แต่“นายกฯตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”ยังถูกมองว่าไม่เอาด้วยกับการแก้ไขบัตรเลือกตั้ง โดยช่วงนั้นนักการเมืองที่รู้กันว่าเป็นสายตรงนายกฯออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านชัดเจน เป็นภารกิจที่ยากทีเดียวในการพูดคุยหาทาง“ก้าวข้ามความขัดแย้ง”เดินหน้าในหลักการประชาธิปไตย โดย“ฟากอนุรักษ์นิยม”ให้ความร่วมมือ ทั้งที่ถูกโจมตีหนักจาก“ฝ่ายเสรีนิยม แต่“ผมทำได้”การแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ สำเร็จตามความตั้งใจและลงมือด้วยประสบการณ์และความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่ายที่ผมสร้างสมมา
ขอให้มุ่งมั่นทำเพื่อ3สถาบันหลัก
พล.อ.ประวิตร ระบุว่า แม้วันนี้จะมีคนโจมตีว่าผมเป็น “เผด็จการจำแลง” ผมก็เพียงบอกตัวเองว่า ผมอาจจะอธิบาย “จิตวิญญาณประชาธิปไตย” ที่มีในตัวผมยังไม่ชัด ซึ่งเป็นหน้าที่ของผมว่าจะต้องอธิบายต่อไป ผมขอยืนยันว่า “ถึงวันนี้ประเทศเรายังไม่มีคำตอบอื่น นอกจากทำให้อนุรักษ์นิยมซึ่งเป็นแก่นของความเป็นชาติ อยู่ด้วยและร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาไปด้วยเสรีนิยมที่มีความคล่องตัวและได้รับการสนับสนุนจากนานาประเทศมากกว่า” ซึ่งผมเชื่อว่า “ผมทำได้ และผมต้องเป็นคนทำ” เพียงแต่ เมื่อถึงวันนี้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าเป็นกังวลอย่างยิ่ง การหาเสียงเลือกตั้งที่มุ่งแต่ชัยชนะ ก่อให้เกิดการโจมตีกันรุนแรง จนมองเห็นแนวโน้มของความแตกแยก ถึงขั้นขับไสไล่ส่งไม่ให้อยู่ร่วมชาติ เกิดขี้นอีกแล้ว ทั้งที่ทุกเรื่องมีวิธีการแก้ไข หากทุกฝ่ายร่วมมือกันคิดทำ โดย “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” แค่ “อย่าหักโหมที่จะเอาชนะกัน เสียจนลืมว่าเป็นการดีกว่าหากเปลี่ยนเป็นร่วมมือทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ร่วมกัน” ในฐานะประชาชนชาวไทยที่เป็นหนึ่งเดียว
‘ชวน’ลุยลำปางเลือกปชป.ไม่มีโกง
นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ได้ลงพื้นที่ จ.ลำปาง ช่วย ผู้สมัครสส.ของพรรคหาเสียงโดยมีนายธนิตศักดิ์ ทวีพรจิรภาค ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง เขต 1 , นายศุภวัช ตุ้ยใจ ผู้สมัคร สส.ลำปาง เขต3 ,นางขนิษฐา นิภาเกษม ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ และสมาชิกพรรค ให้การต้อนรับ เมื่อเดินทางมาถึง นายชวนได้ขึ้นรถแห่ช่วยผู้สมัครหาเสียงทันที
นายชวน กล่าวว่า จ.ลำปาง เราไม่ได้มี สส.มานานแล้ว แต่เมื่ออดีตที่ผ่านมามีหนึ่งในชาวลำปาง ร่วมเป็นผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่สมัยนายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ เราพยายามให้เกิด ส.ส.ในพื้นที่กันมาหลายครั้ง ซึ่งครั้งนี้ก็ขออีกโอกาสหนึ่ง เพราะอย่างน้อยชาวลำปางก็เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมก่อตั้งพรรค ฝากพี่น้องชาวลำปางสนับสนุนพรรคเก่าแก่ และเป็นพรรคเดียวที่อยู่รอดมาได้นานถึง 77 ปี หัวหน้าพรรค 8 คน ไม่มีคนไหนถูกข้อหาโกง ทุจริตคอรัปชั่น เน้นความซื่อสัตย์สุจริต นโยบายที่ทำไว้ตลอดมาบัดนี้ก็ยังได้ประโยชน์อยู่ เช่น เด็กทุกคนยังได้ดื่มนม รวมทั้งกองทุนเงินกู้ยืนกยศ.เด็กลำปางก็ได้เข้าร่วมจำนวนมาก มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาอาชีพ แต่สิ่งสำคัญคือคนที่เรียนจบแล้วขอความกรุณาคืนเงิน เพื่อให้รุ่นน้องได้มีทุนศึกษาเล่าเรียนต่อไป อีกสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต่อประชาชนผู้สูงอายุคือการจ่ายเบี้ยยังชีพ ซึ่งเป็นการริเริ่มโดยพรรคประชาธิปัตย์ เป้าหมายเก้าอี้สส.ไม่ได้กำหนดชัดเจน แต่จากโพลแทบทุกโพลระบุว่าทั้งพรรคและหัวหน้าพรรคอยู่รั้งท้าย เพราะฉะนั้นจึงต้องขยันลงพื้นที่ ตระเวนช่วยผู้สมัครหาเสียง เราไม่มีแลนสไลด์ แต่เชื่อว่าเราจะได้ ส.ส.มาด้วยเหตุด้วยผลไม่อิงกับกระแสใดๆ ให้กาลเวลาพิสูจน์
ด้านนายธนิตศักดิ์ ทวีพรจิรภาคย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.ลำปาง เบอร์ 11 กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจสูงมาก เพราะเป็นคนลำปาง รู้เรื่องราวของ จ.ลำปาง พอสมควร ต้องการให้เมืองลำปางพัฒนาไปในทางที่ดีทัดเทียมกับจังหวัดอื่น เนื่องจากลำปางไม่ขับเคลื่อนมานานหลายสิบปี ทั้งถนนหนทาง ความเป็นอยู่ของประชาชน การเกษตร การท่องเที่ยว รู้สึกช้าและล้าหลังกว่าจังหวัดอื่นๆ ขอโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคมีความเป็นประชาธิปไตย โปร่งใส ยืนยันว่าไม่มีการซื้อเสียง ทรยศประเทศชาติ เราจะพัฒนาลำปางไปด้วยกัน ให้ความเป็นอยู่ของชาวลำปางดีขึ้น
‘ธนกร’ซัดเพื่อไทยใส่ร้ายรทสช.
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่า คนที่ปาระเบิดรถแห่หาเสียงของนายประชา ประสพดี ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ มีความเกี่ยวข้องกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า พรรคเพื่อไทยควรรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ไม่ใช่ช่วงชิงสถานการณ์กล่าวหาว่าเป็นหัวคะแนนของพรรค รทสช.พรรคเราไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง หรือเล่นการเมืองแบบสกปรกแน่นอน และเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันผลสอบสวนแล้ว ไม่เกี่ยวกับการเมือง ญาติก็ออกมาพูดแล้วเช่นเดียวกันว่า เขาเป็นผู้ป่วยจิตเวช ไม่ได้เป็นหัวคะแนนให้พรรคการเมือง
“เรื่องนี้นอกจากสร้างความเสียหายให้พรรคเราแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวผู้ก่อเหตุที่เขาป่วยโดนทัวร์ลงว่ารับงานพรรคการเมืองอีก อย่างนี้พรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบต่อคำพูดอย่างไร การใส่ร้ายป้ายสีพรรคการเมืองอื่นเพื่อหวังผลทางการเมืองเป็นความผิดร้ายแรง การออกมาพูดโดยไม่ตรวจสอบให้ละเอียดก่อน เดี๋ยวหน้าจะแหกเอา ถ้าข้อมูลมันคนละด้านกับที่พรรคเพื่อไทยพยายามจะสื่อ ท่านจะขอโทษพรรค รสทช.ไหม อย่าเล่นการเมืองแบบเก่า ๆ เอาเรื่องนั้นมาใส่เรื่องนี้ แล้วใส่ร้ายป้ายสีกันเลย มันตกยุคแล้ว หรือเพราะคะแนนนิยมพรรคเราดีวันดีคืน จนต้องมาใส่ร้ายกันแบบนี้ รทสช.ย้ำอีกครั้ง ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เล่นสกปรก ไม่ใช่งานถนัดของเรา ส่วนพรรคเพื่อไทยออกมาป้ายสีเรา ก็ไม่อยากบอกว่าท่านถนัดทางนี้นะครับ การกล่าวหาอะไรใคร ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน” นายธนกร กล่าว
‘เศรษฐา’เขินพ่อค้าเรียกนายกฯ
เวลา 08.30น.ที่ จ.หนองคาย แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้งส.ส.พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการพรรคเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อพรรค พร้อมด้วย นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ผู้สมัครส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย เขต1 เบอร์6 ออกเดินตลาดตลาดโพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย เพื่อพบปะพ่อค้าแม่ค้า และพี่น้องประชาชนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในช่วงเช้า โดยแม่ค้าต่างพากันตื่นเต้นบอกต่อๆ กันว่า “เศรษฐามา ๆ ๆ” หลายคนเดินตามมาขอถ่ายภาพคู่กับ นายเศรษฐาและนายพานทองแท้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินหาเสียงในตลาด นายเศรษฐาได้แวะนั่งดื่มโอเลี้ยงร่วมกับประชาชนที่นั่งอยู่ ระหว่างนั้นคุณลุงท่านหนึ่งพูดขึ้นมาว่า“โต๊ะตัวนี้นายกฯทักษิณเคยมานั่ง นายกฯจากพรรคเพื่อไทยต้องมานั่งโต๊ะนี้ และวันนี้ นายกฯเศรษฐาก็มานั่ง”ทั้งนี้ พื้นตรงนี้จะเป็นที่ที่ประชาชนชาวหนองคายจะมานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาสังคม และการเมืองกันทุกเช้า ถือเป็นสภากาแฟย่อมๆ แห่งหนึ่งของอำเภอเมืองหนองคายเลยก็ว่าได้ ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าต่างพากันเรียก “นายกฯเศรษฐาๆตลอดทางที่เดิน ทำให้ นายเศรษฐายิ้มเขิน ผู้สื่อข่าวจึงแซวว่า“เขินไหมคะ”ซึ่ง นายเศรษฐา ตอบว่า “เขินครับ เขินมาก”
‘อุ๊งอิ๊ง’เว้าอีสานคิดฮอดหลายแท้
เวลา 11.30น.นายเศรษฐาพร้อมคณะ เดินทางมาปราศรัยใหญ่เวทีที่2 ที่ริมโขงบ้านสะเงียว ต.กวนวัน อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย ช่วยผู้สมัคร สส.หนองคาย พรรค พท.ทั้ง3เขตหาเสียง ได้แก่ นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เขต 1 เบอร์ 6 นางสาวชนก จันทาทอง เขต2 เบอร์9และนายเอกธนัช อินทร์รอด เขต3 เบอร์4 โดยมีพี่น้องประชาชนร่วมฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่ โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท.และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยผ่านระบบซูมว่า สวัสดีพ่อแม่พี่น้องที่รักทุกคนเด้อ คิดฮอดกันบ่ ทางนี้คิดฮอดหลายแท้ หวังว่าจะได้เจอพี่น้องอีก คราวก่อนได้ไปหนองคายมาแล้ว รอบหน้าไปอีกครั้งหวังว่าจะได้เป็นรัฐบาล พท.แล้ว เวลาไปปราศรัยอีสานทีไรมันจริงๆ มันต้องถึงใจแบบชาวอีสาน
เลือกพท.ได้รถไฟความเร็วสูงชัวร์
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า วันนี้เสียดายไม่ได้ไป ขอส่งใจไป และขอส่งพรรค พท.ไปหาชาวอีสานที่มีหัวใจรักประชาธิปไตย อีสานคือบ้านของเพื่อไทย อุ่นใจเพราะพี่น้องต้อนรับเราดีทุกรอบ วันนี้เสียงอู้อี้เล็กน้อยเพราะติดหวัดลูกสาวมา แต่กำลังใจเต็มร้อยเหมือนเดิม พ่อใหญ่ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ฝากบอกว่าคิดฮอดพี่น้องชาวหนองคายเหมือนเดิมเด้อ วันนี้เราลำบากมามากแล้ว วันเลือกตั้งกำหนดแล้ว หนองคายมี3เขต ขอแลนด์สไลด์ทั้ง 3เขตเข้าไปแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้อง พรรค พท.เราคิดนโยบายโดยนึกถึงประโยชน์พี่น้องเสมอ ชาวอีสานมีศักยภาพ ทำงานหนักแต่ได้เงินน้อย ประโยคนี้ต้องเลิกพูดได้แล้ว ถ้าเราเป็นรัฐบาลชาวอีสานทำงานเหนื่อยน้อยลง แต่มีตังค์มากขึ้น ส่วนรถไฟความเร็วสูงวางแผนไว้ตั้งแต่รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้า พท.เป็นรัฐบาล เราจะทำให้เกิดขึ้นอีกครั้ง พี่น้องชาวหนองคายพร้อมเลือกพรรค พท.แล้วหรือยัง ขอฝาก ส.ส.ทั้ง 3 คนจำเบอร์ให้แม่น อย่าจำสับกัน ฝาก พท.เบอร์29 ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ อย่าว่อกแว่ก ต้องแน่วแน่ หากแบ่งใจให้พรรคอื่นจะได้นายกรัฐมนตรีคนเดิม หากอยากได้นายกรัฐมนตรีจากพรรค พท. ขอพรรค พท.ทั้งคนทั้งพรรคให้แลนด์สไลด์
แจก1หมื่นไม่ทุจริต-เข้าตรงกระเป๋า
ขณะที่ นายเศรษฐา ปราศรัยอีกว่า ส่วนรถไฟความเร็วสูงช่วง8ปีที่ผ่านมาหากเราได้เป็นรัฐบาลทำเสร็จไปแล้ว ถ้าเราเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เราจะทำรถไฟรางคู่ความเร็วปานกลาง120 กม.ต่อชั่วโมงจากขอนแก่นไปอุดรธานีแวะผ่านหนองคายไปสะพานข้ามแม่น้ำไทยลาว เอาพืชผลการเกษตรพี่น้องไปขาย ส่วนเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ถูกพรรคการเมืองกระแนะกระแหนมาโดยตลอด ยืนยันว่านโยบายเราจะไม่ผ่านคนกลาง ไม่มีการทุจริตประพฤติมิชอบ เงินรัฐบาลทุกบาททุกสตางค์จะส่งตรงเข้ากระเป๋าพี่น้องโดยตรง เราไม่อดทนต่อการคอร์รัปชั่นทุจริต ลักลอบเอาเงินของพี่น้องประชาชนไป
“วันนี้เรามาคณะใหญ่ มาขอใจพี่น้องทุกคน ภารกิจข้างหน้าใหญ่หลวง พวกเราทำให้ไม่ได้จิรงๆ ถ้าพี่น้องชาวหนองคายไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.หนองคายของเราเข้าสู่สภาอันทรงเกียรติ ยืนยันว่าพวกเราจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ผมขอวิงวอนอ้อนวอนให้คำมั่นสัญญาว่า พวกเราทุกคนจะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวัง เราจะอุทิศเวลาทั้งหมดที่มีอยู่ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ดูแลจิตใจของชาวหนองคายทุกคน ผมขอความกรุณาว่าวันที่ 14 พฤษภาคม เราต้องการให้ผู้สมัคร สส.หนองคายทั้ง3เขต เข้าไปรับใช้พี่น้องอย่างเต็มที่ ขอให้กาพรรค พท.ทั้งคนทั้งพรรค” นายเศรษฐา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี