ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก6ปี
อดีตสส.พรรคเพื่อไทย
ฐานรีดเงินอธิบดี5ล้าน
แลกอนุมัติงบประมาณ
ศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา“อนุรักษ์” อดีตสส.มุกดาหารพรรคเพื่อไทย ฐานทุจริตเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท จากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เเลกผ่านงบฯก่อนยื่นประกันสู้ชั้นอุทธรณ์
เมื่อวันที่ 25เมษายน2566 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ศาลอ่านคําพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.4/2565ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต สส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ความผิดกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) มีมติชี้มูลผิดนายอนุรักษ์เรียกรับเงิน 5 ล้านบาทจากนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลแลกกับการผ่านงบประมาณ ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นส.ส. กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ส. 2564 และอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ในกมธ.วิสามัญดังกล่าว
ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ประกอบ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 123/5 ส่งอัยการสูงสุดพิจารณายื่นฟ้องคดีอาญาไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 มกราคมศาลฎีกาพิพากษา ให้นายอนุรักษ์ มีความผิดคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้พ้นจากจากตำเเหน่งหน้าที่ เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี โดยจำเลยให้การปฎิเสธโดยตลอด และวันนี้จำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษา
องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีนายศักดา อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นประจักษ์พยานผู้รู้เห็น เรื่องที่จําเลยโทรศัพท์มาพูดเรียกเงินและของานจากนายศักดิ์ดา ประกอบ จำเลยไม่ได้ซักถามเรื่องงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลในฐานะอนุกรรมาธิการ หากจําเลยต้องการเอกสารแบบแปลนและประมาณราคา สามารถมอบให้ฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ ดำเนินการให้ได้ ไม่จําเป็นต้องโทรศัพท์ติดต่อกับนายศักดิ์ดาด้วยตนเอง โดยไม่มีบุคคลอื่นได้ยิน ข้อความสนทนา ทั้งถ้อยคำที่จำเลยพูดคุยกับนายศักดิ์ดายังเกี่ยวพันไปถึงการขอเข้าเป็นผู้รับจ้างงานก่อสร้าง ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลฯ อันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลย
คำเบิกความของนายศักดิ์ดา พยานโจทก์จึงมีเหตุผลและสอดคล้อง เชื่อมโยงกับพยานอื่นทำให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ มั่นคงรับฟังได้ว่า จำเลยทําตามข้อกล่าวหาในฟ้องจริง จำเลยเป็นส.ส. กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และเป็นอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ใน คณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว จึงเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าพนักงานของรัฐ และเป็น เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
การที่จําเลยโทรศัพท์ไปเรียกเงินและของานจากนายศักดิ์ดา ย่อมเป็นการกระทําในตำแหน่งและอยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลยโดยตรง การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสําหรับจําเลยโดยมิชอบ เพื่อกระทําหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งของจำเลย ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมทรัพยากร ความผิดตามพ.ร ป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 น้ำบาดาล และราชการ มาตรา 173และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้ว จึงไม่จําต้องปรับบทความผิดหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามฟ้อง
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็น ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก จำเลยทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ย่อมมีผลให้จำเลยพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป โดยไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสมัครรับ เลือกเป็น ส.ส., ส.ว. สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มี สิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 81วรรคหนึ่งและวรรคสอง กับให้ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน10 ปีด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่เนื่องจากในคดีหมายเลขแดงที่ คมจ. 1/2566ของศาลฎีกา ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้าน (จำเลยคดีนี้) มีกำหนดเวลา 10ปี นับแต่วันที่ 6 มกราคม 2566 อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ซึ่งการกระทำคดีดังกล่าวเป็นการ กระทำเดียวกันกับคดีนี้ จึงเห็นสมควรไม่สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยในคดีนี้อีก
“พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 173 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 การกระทำของจำเลย เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149อันเป็นกฎหมาย บทที่มีโทษหนักที่สุด”
องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากลงโทษ จำคุก 6 ปี กับให้จำเลยพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ 19 เมษายน 2565 อันเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้จำเลย หยุดปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลยตลอดไป โดยไม่มีสิทธิสมัครรับ เลือกตั้งหรือสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหาร ท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ตาม พรป.ว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 81วรรคหนึ่งและวรรคสองหลังศาลมีคำพิพากษา นายอนุรักษ์ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ ต่อมา นายอนุรักษ์ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด ขอปล่อยชั่วคราวในชั้นอุทธรณ์คดี ศาลฎีกาฯพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 1ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี