อย่าโยนความผิดให้นายกฯคนเดียว
‘บิ๊กตู่’ซัดพรรคร่วม
มุ่งแต่หาเสียง/ทั้งที่ทำงานมาด้วยกัน
เครียด-นอนไม่หลับ/น้ำหนักลด5-6กก.
นำทัพ‘รทสช.’แถลงเปิด16นโยบาย
บัตรลุงตู่พลัส-เบี้ยอปพร.-กู้ฉุกเฉิน
‘จุรินทร์’ย้ำ‘4ทำ3ไม่’/ปชต.ไม่โกง
‘เศรษฐา’โต้แจก1หมื่นไม่กู้สักบาท
“บิ๊กตู่”วอนพรรคร่วมฯอยู่รัฐบาลเดียวกันหาเสียงอย่าโจมตีกันเอง อย่าโยนความผิดให้นายกฯคนเดียว แนะควรบอกประชาชนว่า จะทำอะไรเมื่อตัวเองเป็นรบ.ดีกว่านำทีมรทสช.แถลงเปิดนโยบาย“ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” โชว์ 16 นโยบาย พร้อมทำทันที 10 นโยบายบัตรสวัสดิการพลัส 1พันตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชนวงเงิน 3 หมื่นล้าน เบี้ยตอบแทนอปพร. 1 พันบาท“เอกนัฏ”ย้ำ“บัตรลุงตู่พลัส” มีที่มาที่ไปงบประมาณ ชี้ทำมาแล้ว-จะทำต่อให้ดีขึ้น
เน้นช่วยเหลือประชาชนที่จำเป็น ไม่หน้ามืดหว่านแหประชานิยม ติงพรรคการเมืองออกนโยบายต้องรับผิดชอบ อย่าหวังแค่คะแนนเสียง สวด‘เงินหมื่นดิจิทัล’ เหมือนเป็นหวัดแล้วทำคีโม หวั่นนำประเทศเข้าภาวะ‘ฟองสบู่แตก’อีก ด้านปชป.ถือฤกษ์26เม.ย.‘จุรินทร์’นำทัพเบอร์26 ชู‘4ทำ 3ไม่’เดินหน้าปชต.ไม่โกง ยันมีนโยบายแก้ค่าไฟแพง‘เศรษฐา’ทวีตแจงเงินดิจิทัล เปลี่ยนอีกรอบใช้ทุกร้านค้าได้ไม่ต้องอยู่ในระบบภาษี โวไม่ต้องกู้เงินแม้แต่บาทเดียว หลังโครงการเกิดจีดีพีโต8%
เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 26เมษายน2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมลงพื้นที่ภาคใต้ จะมีการวางยุทธศาสตร์ใหม่ๆอย่างไรเพื่อให้คนใต้เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ความจริงยุทธศาสตร์มันมีของมันอยู่แล้ว 6 ยุทธศาสตร์ ที่รัฐบาลทำมาโดยตลอดและทุกคนที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลและแยกไปหาเสียงทุกวันนี้ก็อยู่ในรัฐบาล และดำเนินการตามยุทธศาสตร์นี้มาทุกพรรคการเมือง
‘บิ๊กตู่’ย้ำอย่าโจมตีกันเอง-ทำมาร่วมกัน
“เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ไม่ควรที่จะมาโจมตีกันเองมากนัก ควรจะไปบอกว่าจะทำอะไรเมื่อตัวเองเป็นรัฐบาลพูดอย่างนี้น่าจะดีกว่า ก็ทำให้มันดีขึ้นก็แล้วกัน การมาติติงกันเองก็อย่าลืมว่าอยู่ในรัฐบาลเดียวกันมาโดยตลอดหลายปี หรือ 4ปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นอย่าเอาตรงนี้มา โดยทุกอย่างโยนมาที่ผม อย่าลืมว่าผมประชุมมาในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผมก็รับฟังความคิดเห็นจากทุกคน ทุกรัฐมนตรี ถือเป็นการทำงานที่บูรณาการร่วมกัน เพราะบางอย่างก็ไม่ใช่จะตัดสินได้ด้วยตัวเอง อย่าลืมว่าผมไม่มีกระทรวงที่จะลงมาเล่นเองทั้งหมด ก็มีเพียงกระทรวงกลาโหมใช่หรือไม่ ที่ผมสั่งการได้ กระทรวงอื่นผมก็สั่งการในที่ประชุม ครม. นโยบายต่างๆก็มอบใน ครม.ยุทธศาสตร์ก็ให้เป็นแนวทางและแนวปฏิบัติไปทั้งหมด หน้าที่ของผมคือกลั่นกรองโครงการทุกโครงการที่มีการเสนอเข้ามาเพื่อให้เกิดความสอดคล้องจึงทำมาได้ถึงขนาดนี้ นี่คือการทำงาน ซึ่งถ้ามันจะดีก็ดีด้วยกัน แต่ถ้าผิดพลาดก็ถือว่าผิดพลาดด้วยกัน อย่างไรก็ตามวันนี้ผมก็รับได้ใครจะว่าอะไรผม ผมก็รับได้ทั้งหมดนั่นแหละ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เคยชี้แจงในครม.แล้วทุกคนเข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าโกรธบ้างหรือไม่ที่เวลานี้มีการโยนความผิดให้นายกฯเพียงคนเดียว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่หรอก แต่ก็อยากให้ทุกอย่างมันคิดกันใหม่ๆบ้าง ไม่ใช่โจมตีกันไปกันมาและลืมไปว่าตัวเองก็ทำงานอยู่ด้วยกัน เมื่อวันที่ 25เม.ย.ก็พูดใน ครม.ไปแล้วและทุกคนก็เข้าใจดี
เมื่อถามว่าแต่วันนี้ยังมีการหยิบยกเอาเรื่องพลังงานที่ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อนมาโจมตีและโยนให้เป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีคนเดียว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า“ก็คุยกันแล้วๆ เมื่อวาน ก็มีการชี้แจงใน ครม.ซึ่งทุกคนก็รับทราบและเข้าใจแล้วนี่นา”เมื่อถามว่าแต่เมื่อต่างคนต่างกลับไปที่พรรคตัวเอง ก็กลับมาโจมตีว่านายกฯ ว่าไม่รับผิดชอบอะไรเลย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า“ไม่รับผิดชอบอย่างไร อะไรคือไม่รับผิดชอบ สื่อมวลชนก็ช่วยอธิบายต่อให้เราบ้างสิ ฉันขี้เกียจตอบ ตอบไปมากแล้ว ไปเข้าให้ถึงรายละเอียดกันเสียบ้าง”
เปิด16นโยบาย’ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’
เวลา 14.30น.ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยได้ลาราชการช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ นำแถลงข่าว พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายจุติ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ และ นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ประธานคณะกรรมการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่พูดวันนี้เป็นสิ่งที่เราได้ทำมาแล้วหลายปี หลายอย่างสำเร็จ หลายอย่างยังไม่สำเร็จ หลายอย่างอยู่ระหว่างการดำเนินการซึ่งมีอุปสรรคมากมาย ในส่วนของพรรค ทำแบบมีระบบมีวิธีคิด คำนึงถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่พูดแล้วไม่มีวิธีการทำ หลายพรรคพูดถึงนโยบาย แต่ตนจะไม่ไปแตะต้องใครทั้งสิ้น แต่นโยบายต้องคิดให้รอบคอบ ต้องมีคำตอบ ผลที่ต้องการได้คืออะไร ผลบรรลุคืออะไร มีต้นทุนยังไง ไม่ใช่นโยบายออกไปแล้วหาเงินไม่ได้ มีผลด้านเดียว โดยอนาคตถ้าเราสามารถเข้ามาในสภาได้ ก็จะดำเนินการสิ่งเหล่านี้ได้อย่างดี เพราะการเลือกตั้งเราก็ได้รัฐบาลผสมหลายพรรค แต่ละพรรคมีนโยบายของตัวเอง เหมือนนักฟุตบอลต่างสโมสรมาเข้าทีมแข่งขันทีมชาติ มันก็มีปัญหา เวลาประชุมอะไรต่างๆก็ต้องคำนึงถึงนโยบายพรรคด้วย ตนขอร้องให้ทุกคนมองถึงนโยบายรัฐบาลด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายที่เกิดขึ้นได้จริง มีการหาข้อมูลสำรวจเป็นข้อมูลจากหลายภาคส่วน แต่สิ่งสำคัญคือทำอย่างไร ให้ประเทศที่มีรายได้ 4ล้านล้านบาท เพื่อจะสามารถดูแลคนได้ทุกกลุ่มทุกเป้าหมาย ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
โคล้านครอบครัว-ช่วยค่าเก็บเกี่ยว2พัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนโยบายของพรรค รทสช.ที่เปิดวันเดียวกันนี้ 16นโยบาย คือ 1.เพิ่มรายได้ประเทศไทยปีละ4ล้านล้านบาท คือ เศรษฐกิจโตปีละ5% รายได้ต่อคนเพิ่มขึ้นปีละ 20,000บาท สร้างงานเพิ่ม 6.25แสนตำแหน่ง เพิ่มศักยภาพประเทศไทยคือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย, ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) และระเบียงเศรษฐกิจใหม่ 4ภาค รวมถึงเป็นศูนย์กลางภูมิภาคประเทศสู่อาเซียนและจีนตอนใต้, พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล,สร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกระจายเม็ดเงินถึงคนตัวเล็ก คือ ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อย, คนละครึ่งภาค 2, เที่ยวด้วยกันเมืองรองภาค 2, เพิ่มเงินสมทบของรัฐให้แรงงานในระบบประกันสังคมมีรายได้ไม่ต่ำกว่า เพิ่มเงินสมทบของรัฐให้แรงงานในระบบประกันสังคมมีรายได้ไม่ต่ำกว่าคนละ10,000บาทต่อเดือน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง คือ นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรีเพื่อลดราคาน้ำมัน, โครงการโคล้านครอบครัว ในปีแรกจะมีโค 4 ตัว ปีที่ 2 กลายเป็นโค 6 ตัว ปีที่ 3 จะกลายเป็นโค10ตัว นี่คือโครงการที่จะทำให้ประชาชนจับเงินแสนได้ด้วยวิธีง่ายๆ แต่ถ้าอยากจับเงินล้าน เลี้ยงโคไปถึง6ปี จะมีโคทั้งสิ้น 42ตัว จะเป็นเงิน 1,050,000บาท, ลดต้นทุนเกษตรกรช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 2,000บาท ไม่เกิน 5 ไร่, ปุ๋ย ไฟฟ้า และน้ำมันราคาถูกสำหรับเกษตรกร และแก้กฎหมายประมงดูแลประมงพื้นบ้าน ปรับการทำงานของหน่วยงานของรัฐให้เป็นธรรม
กองทุนฉุกเฉิน3หมื่นล้าน-เพิ่มเบี้ยชราภาพ
สร้างโอกาสให้คนตัวเล็กด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล คือ เน็ตประชารัฐ, พร้อมเพย์, แอปเป๋าตัง, แอปถุงเงิน, แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ, ดาต้าเซ็นเตอร์ระบบคลาวด์ แก้หนี้ คือ แช่แข็งหนี้ สูงสุด 3 ปีตามเงื่อนไขโครงการแก้กฎหมายเครดิตบูโร ให้ความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ แก้หนี้นอกระบบ และมีที่พึ่งยามยากด้วย “กองทุนฉุกเฉินประชาชน” 3หมื่นล้านบาท, สมาชิกสหกรณ์ใช้หุ้นสหกรณ์ชำระหนี้สหกรณ์ได้ และใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ข้ามเขตสหกรณ์ได้, แก้หนี้โควิดจบใน12ปีและแก้หนี้ กยศ.แก้หนี้กองทุนหมู่บ้าน และหนี้ภาครัฐด้วยงาน กองทุนฉุกเฉินประชาชนวงเงิน 30,000ล้านบาท เป็นที่พึ่งยามลำบากให้ประชาชนปลดพันธนาการเงินนอกระบบ ประกันสังคมทั่วหน้าทุกอาชีพคืนเงินสะสมชราภาพ 30% ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ผู้ประกันตนสามารถนำเงินสะสมมาใช้ก่อนยามจำเป็น ซึ่งเงินในส่วนนี้ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นเงินของกองทุนประกันสังคม พร้อมทั้งเพิ่มเงินชราภาพ อายุ 55ปี เป็น 10,000บาท
บัตรลุงตู่1พัน-บ้านสุขประชา-รถเมล์ไฟฟ้า
เพิ่มสิทธิด้านเงินดูแลบุตรให้แก่ผู้ประกันตนสูงถึง 1,000บาท ตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 10ปี ให้เงินเกษียณอายุ 55ปี 10,000 บาท เพื่อเพิ่มความมั่นคงหลังเกษียณให้มีเงินเพียงพอต่อค่าครองชีพในปัจจุบัน ปีแรก 28,597ล้านบาท ปีต่อไป เพิ่มขึ้นปีละประมาณ20% เข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข 1 อำเภอ (เขต) 1 โรงพยาบาลวิสาหกิจเพื่อสังคม, 1 ศูนย์ผู้สูงอายุคนพิการและผู้ป่วยโรคร้ายระยะสุดท้าย ดูแลกลุ่มเปราะบาง เบี้ยผู้สูงอายุคนละ1,000บาทเท่ากันทุกช่วงของอายุ, เพิ่มเงินช่วยดูแลบุตรแรกเกิดถึง10ปี จากเดิม 800บาท เป็นเดือนละ1,000บาท จากเดิม 800บาท (สำหรับแรงงานในระบบประกันสังคม) มีประมาณ 12ล้านคน ลดค่าของชีพ นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี, ไฟฟ้าราคาถูกสำหรับเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย, โครงการแท็กซี่เพื่อสังคม, ลดหย่อนภาษีค่ารักษาพยาบาลตนเองและพ่อแม่สูงสุด 60,000บาทและออมเงินพร้อมหักลดหย่อนภาษีด้วยกองทุนLTF บัตรสวัสดิการพลัส เพิ่มสิทธิเดือนละ 1,000 บาท/คน, กู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท/คน สร้างโอกาสเด็กไทยคงการอยากเรียนอะไรต้องได้เรียน, ทุนการศึกษาอาชีวะ100ทุนต่อ1อำเภอ (เขต) ทุนละ 10,000 บาท, โครงการเรียนจบมีงานทำ 14. รื้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคการทำกิน แก้กฎหมายได้ที่ทำกิน ไม่โดนไล่ที่ ไม่ถูกฟ้อง, พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความสะดวกลดขั้นตอนทางกฎหมาย 1,100ขั้นตอน 15.ลดฝุ่น PM 2.5 ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ปัญหามลภาวะเป็นพิษแบบSingle Command รวม PM 2.5, เพิ่มรถเมล์ไฟฟ้า, ส่งเสริมรถอีวี, ใช้มาตรฐานยูโร5กับรถใหม่ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 และเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด 50% 16.พัฒนาที่อยู่อาศัย ต่อยอดโครงการ“บ้านสุขประชา”มีบ้านมีงานทำ, สินเชื่อบ้านล้านหลังสำหรับผู้มีรายได้น้อย เฟสที่ 3, บ้านมั่นคงริมคลองเปรมประชากร, ฟื้นฟูแฟลตดินแดง เฟส2
กู้ฉุกเฉิน1หมื่น-เบี้ยอปพร.1พัน-แก้หนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับนโยบายที่“พร้อมทำ”10นโยบาย ประกอบด้วย 1.เพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการพลัส เพิ่มสิทธิเดือนละ1,000บาท/คน, กู้ฉุกเฉิน 10,000บาท/คน 2.ตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชน วงเงิน 30,000ล้านบาท 3.คืนเงิน30% เงินสะสมชราภาพผู้ประกันตน มาตรา 33 4.แก้หนี้แช่แข็งหนี้ปลดหนี้ด้วยงาน 5.รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชนและที่เป็นอุปสรรคการทำกิน 6.ลดหย่อนภาษี ค่ารักษาพยาบาลตนเองและพ่อ แม่รวมสูงสุด 60,000บาท 7.เบี้ยตอบแทน อปพร. คนละ1,000 บาท/เดือน 8.ออมเงินพร้อมลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF 9.ลดต้นทุน เกษตรกร ปุ๋ย น้ำมัน ไฟฟ้า ราคาถูกและ10.ไม่เลิกเงินบำนาญ ให้ข้าราชการเลิกเงินสมทบ กบข.ได้ก่อน 30%
‘บัตรลุงตู่พลัส’ไม่หน้ามืดหว่านแห
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองต่างๆที่มีการใช้งบประมาณจำนวนมากอาจกระทบวินัยทางการเงินการคลังของประเทศ รวมไปถึงนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัสของพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ว่า สังเกตว่าเป็นความพยายามที่จะสร้างข่าวให้เกิดความสับสน โดยดึงเอานโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัส หรือที่คนเรียกกันว่า บัตรลุงตู่พลัส ไปเปรียบเทียบในแง่ของงบประมาณเพื่อกลบเกลื่อนประเด็นที่ไปที่มาของงบประมาณสำหรับนโยบายของบางพรรคการเมืองที่กำลังถูกตั้งถามอย่างหนัก และตอบคำถามไม่ได้ในขณะนี้
ใช้งบจำกัด-บอกที่มาของงบได้ชัดเจน
นายเอกนัฏ กล่าวยืนยันว่า นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัสของพรรค รทสช.ที่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จากปัจจุบัน 300บาท เป็น1,000บาทนั้น มีการออกแบบ และคำนวณที่มาของงบประมาณอย่างรอบคอบ สามารถอธิบายถึงขั้นตอนการปฏิบัติได้ เป็นการใช้เงินในระบบงบประมาณปกติ ไม่เพิ่มภาระหนี้สาธารณะและไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนในอนาคตแน่นอน บัตรลุงตู่พลัสเราช่วยเหลือดูแลผู้ขาดโอกาสและผู้มีรายได้ต่ำ มีการกำหนดคุณสมบัติและเปิดให้กลุ่มเป้าหมายลงทะเบียนเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง เป็นความช่วยเหลือแบบเกาถูกที่คัน เฉพาะจุดที่จำเป็น ไม่หว่านแห่ไร้หลักคิดเพียงเพื่อหวังคะแนนเสียง จนอดห่วงไม่ได้ว่า หากทุกพรรคเสนอเรื่องประชานิยมแบบไร้ขอบเขตกันหมดจะส่งผลเสียหายต่อประเทศขนาดไหน” นายเอกนัฏ กล่าวและว่า
เตือนแจกเงินดิจิทัลระวังฟองสบู่แตก
“การทำนโยบายหาเสียงต้องดูด้วยว่า เป็นแค่หวัดก็ควรให้ยารักษาบรรเทาอาการหวัด ไม่ใช่เป็นหวัดแล้วไปทำคีโม จนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ส่งผลให้ส่วนอื่นของร่างกายทรุดโทรมไปหมด อีกทั้งขณะนี้เป็นที่ทราบว่า เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจของเรากำลังจะฟื้นจากหลายนโยบายของรัฐบาล แต่จู่ๆ จะประชานิยมสุดโต่งนำเงินงบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท ที่ยังไม่รู้จะเอามาจากส่วนไหนไปทุ่มในจุดที่ไม่มีความจำเป็น ก็อาจทำให้บางเครื่องยนต์เกิดอาการช็อตได้ ทั้งภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่งผ่อนคลาย หรือวิกฤตถึงขั้นกลับไปเผชิญภาวะฟองสบู่แตก เพราะทุกกลไกเสียหายอย่างหนักก็เป็นได้” นายเอกนัฏ กล่าว
ถือฤกษ์26เมษายน’จุรินทร์ชู‘4ทำ 3ไม่’
เวลา 10.00น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดกิจกรรม “ประชาชน ประชาธิปัตย์ ประชาธิปไตย”นำโดย นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ตลอดจนนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย น.ส.รัศมี ทองสิริไพรศรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ เดินทางมารวมพลังในกิจกรรม นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้วันที่ 26เมษายน พรรคปชป.เบอร์26 จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทุกคน ร่วมสนับสนุนพรรคปชป.เบอร์26 เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแนวทาง“4ทำ 3ไม่” ด้วย ประชาธิปไตย ไม่โกงของพรรค “4 ทำ” คือ 1.จะทำประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้เข้มแข็งและยั่งยืนสืบไป 2.ทำประชาธิปไตยสุจริต 3.ทำประชาธิปไตยท้องอิ่ม ตามแนวทาง”สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ”และนโยบายทุกข้อของประชาธิปัตย์และ4.จะขจัดยาเสพติดให้หมดไปด้วยแนวทางตาต่อตาฟันต่อฟัน สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์แต่ไม่เอากัญชาเสรี“3 ไม่” คือ 1.ไม่เลิก มาตรา112 2.ไม่เอายาเสพติด และ3.ไม่เอาทุจริตคอรัปชั่น ทั้งหมดจะสำเร็จได้ด้วยวิถีประชาธิปไตย-ไม่โกงของประชาธิปัตย์
กระจาย3ทัพหาเสียงทั่วไทยกึง13พ.ค.
สำหรับยุทธศาสตร์โค้งสุดท้ายของการหาเสียงนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคเน้นยุทธศาสตร์หาเสียงแบบดาวกระจาย 3ทัพและมีทัพเสริมด้วยทีมเศรษฐกิจของพรรค โดยทั้งหมดจะทำผสมกัน ทั้งรูปแบบการปราศรัยใหญ่ ปราศรัยย่อยและการลงพื้นที่หาเสียงให้ผู้สมัครแต่ละเขต จนกระทั่งถึงเวลา 18.00น.วันที่13พ.ค.นอกจากนี้ ตนมีกำหนดปราศรัยใหญ่ วันที่ 29เม.ย.ที่ จ.สุราษฎร์ธานีวันที่30 เม.ย.จ.พังงา ที่ อ.เมืองและอ.ท้ายเหมือง วันที่5 พ.ค. ที่ จ.กระบี่ วันที่6พ.ค.ที่ จ.นครศรีธรรมราชและวันที่ 8พ.ค.จ.สงขลา เป็นต้น และยังมีอีกหลายพื้นที่ทุกภาค โดยจะมีที่ จ.เชียงใหม่ อุบลราชธานีและจ.อำนาจเจริญ
เตรียมแนวทางแก้ค่าไฟฟ้าแพงไว้แล้ว
ส่วนที่หลายพรรคการเมืองชูนโยบายแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายแก้ไขปัญหาพลังงานที่จะดำเนินการอย่างมีวุฒิภาวะ อะไรที่แก้ได้ก็จะเร่งดำเนินการ ส่วนอะไรที่ทำไม่ได้จะชี้แจงเหตุผลตรงๆกับประชาชน แต่ยืนยันว่าทุกนโยบายจะนำไปสู่การแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพงให้กับประชาชนได้ ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายที่จะเปลี่ยนแปลงสัญญาเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับประชาชน จากนั้นคณะของพรรคได้ร่วมกันเดินหาเสียงที่บางลำพูโดยมีนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ผู้สมัครส.ส.กทม.เขต 1นำพบปะพี่น้องประชาชน ขณะที่คาราวาน”ประชาชน ประชาธิปัตย์ ประชาธิปไตย”ได้ร่วมกันตะโกน“ประชาธิปัตย์เบอร์26”“จุรินทร์นายก”ทำให้พี่น้องประชาชนในบริเวณบางลำพู ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก มีวินมอเตอร์ไซค์ เข้ามาทักนายจุรินทร์ว่า“ท่านนายกฯ คนใหม่”พร้อมขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นอกจากนี้มีแฟนคลับจำนวนมากแสดงความดีใจที่ได้พบกับ นายจุรินทร์ ออกมาทักทายแกนนำพรรคทุกคนด้วยความคุ้นเคยยินดี พร้อมกับให้กำลังใจและให้ความมั่นใจว่า จะกาเลือกพรรคปชป.เบอร์26
เอกอัครราชทูตอียู15ปท.พบ‘อนุทิน’
เวลา10.45น.ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงหลังคณะเอกอัครราชทูตจากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) 15ประเทศ อาทิ ออสเตรีย เบลเยี่ยม สาธารณรัฐเชค เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ สเปน สวีเดน เป็นต้นเข้าพบเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์ของประเทศไทย โดย นายอนุทิน กล่าวว่า เอกอัครราชทูตจากอียูได้หารือถึงสถานการณ์การเมืองสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ตลอดจนแนวทาง และเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทยที่มีต่อประเทศกลุ่มประชาคมยุโรป ซึ่งเป็นการหารือที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ และความเข้าใจ โดยมีการถามถึงความคาดหวังว่าจะต้องมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างไรบ้าง ซึ่งตนได้เล่าถึงความพร้อมของพรรคภูมิใจไทยต่อการเลือกตั้ง ซึ่งตนบอกว่าเราเตรียมพร้อมมามากกว่า 1ปีแล้ว
‘เศรษฐา’ย้ำเงินดิจิทัลไม่ต้องกู้สักบาท
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวระบุว่าตั้งแต่ไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทย นโยบายที่เราเสนอมักจะถูกปรามาสเสมอว่าทำไม่ได้จริง เพ้อฝัน ไม่เกิดประโยชน์ แต่กาลเวลาได้พิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วนว่าพรรคเราไม่ใช่แค่คิดใหญ่ แต่เราทำเป็นด้วย และนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล10,000 บาท ก็เป็นเรื่องที่เราคิดใหญ่แต่วันนี้ ผมชวนให้ท่านคิดว่าทำไมเราถึงมั่นใจว่าเรา “ทำเป็น”และนี่คือนโยบายที่ผ่านการคิดและไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงออกมาเป็นนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล10,000 บาท เปรียบเสมือนการให้คูปองดิจิทัลมูลค่า 10,000 บาท ให้กับประชาชนคนไทยที่มีอายุ >16 ปีทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และเงินดิจิทัลนี้มีมูลค่าเท่ากับ 10,000บาท ไม่สามารถนำไปซื้อขายหรือส่งมอบให้กันระหว่างบุคคลได้
ใช้เงินซื้อของร้านค้าได้ทุกประเภท
เราใช้เทคโนโลยีควบคู่กับหลักเศรษฐศาสตร์ เพื่อปั๊มหัวใจเศรษฐกิจไทยครั้งใหญ่ ก้อนใหญ่ แต่ครั้งเดียวเท่านั้น ทำให้ประชาชนสามารถสร้างตัวได้ กระตุ้นลงไปในระดับชุมชน ในรัศมี 4 กม. จากบ้านตามที่อยู่บัตร ปชช. ไม่ให้ทุกคนวิ่งไปใช้จ่ายแต่ในเมืองใหญ่ และอาจมีการปรับรัศมีตามความเหมาะสมกับบางพื้นที่ และการบังคับให้ต้องใช้สิทธิใน 6 เดือน เพื่อเร่งอัดฉีดเงินเข้าระบบให้ถึง Critical Mass ที่จะทำให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาหมุนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง แต่ต้องขอย้ำว่าเรากำหนดไม่ให้ใช้จ่ายกับสินค้าบางประเภท เช่น เหล้า สุรา บุหรี่ อบายมุขขต่างๆ เป็นต้น เมื่อพี่น้องได้รับเงินดิจิทัล10,000 บาท ก็จะต้องนำไปใช้จ่ายในร้านค้าใกล้บ้าน ซึ่งร้านค้าอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในระบบภาษี ซึ่งร้านค้าก็ต้องซื้อวัตถุดิบจากผู้ผลิตสินค้าหรือร้านค้าส่งซึ่งต้องมีจ้างแรงงานและแรงงาน (ที่ได้รับค่าจ้าง) ก็จะไปจับจ่ายใช้สอยเพื่อเลี้ยงชีพ ฉะนั้นทุกบาทที่ใส่ไป ผมคิดว่าจะสร้างความสุขได้หลายต่อ และเงินเองจะถูกหมุนเปลี่ยนมือไป 3-4 รอบ ร้านค้าที่อยู่ในรัศมีก็มีสิทธิที่จะขายของได้มากขึ้น สร้างรายได้หลายหมื่นบาท
โวหลังเดินเครื่องจีดีพีประเทศโต8%
กลับมาที่ภาพประเทศไทย ผลผลิตมวลรวมของประเทศ (GDP) ก็จะเพิ่มขึ้น และถ้าหมุนไป 3-4 รอบ จากวงเงินทั้งหมด 5 แสนล้าน ก็จะทำให้GDP เจริญเติบโตขึ้น1.5-2.0ล้านล้านบาทเลยทีเดียว หรือนับเป็นการเจริญเติบโตถึง8% มากกว่าปี2022มหาศาล ไม่ใช่แค่ประชาชนที่ได้ประโยชน์ รัฐเองก็จะได้ประโยชน์ด้วย ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ภาษีที่จัดเก็บได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มอัตราภาษี เพื่อให้นำไปลงทุนต่อยอดสร้างโครงสร้างพื้นฐานหรือเป็นสวัสดิการอื่นๆได้อีกในอนาคต วินัยการเงินการคลังที่ดีขึ้น เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อGDPลดลง เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เปิดให้ภาคเอกชนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร หรือ Start Up ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างนี้มากขึ้น ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น เป็นต้น เมื่อพูดถึงประโยชน์ ก็คงต้องกล่าวถึงที่มาที่ไปของเงินด้วย ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญมากล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยต้องกู้เงินมาแจก ผมขอชี้แจงชัดๆ ว่าที่มาของงบประมาณนโยบายนี้ ไม่จำเป็นต้องกู้สักบาทเดียว และที่สำคัญการหมุนเวียนของเงินจะสามารถจ่ายคืน (Payback) ค่าใช้จ่ายในนโยบายนี้ได้ด้วยตัวเอง ในตลอดระยะเวลาของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี