โต้กลับชูวิทย์!‘โฆษกปชป.’ลั่นไม่มีดีล‘แผนสอง’ตั้งรัฐบาล
27 พฤษภาคม 2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง เปิดเผยมีการร่วมวางแผน 2 ในการจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) , พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) , พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้พรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นฝ่ายค้าน ยืนยันว่า คนในพรรคไม่มีใครไปดำเนินการเจรจา เพื่อร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองใด
นายราเมศ กล่าวว่า ขณะที่ข้อถกเถียงกันในเรื่องประธานสภาฯ ซึ่งมีหลายฝ่ายออกมาพาดพิงนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย หลักการของการเป็นประธานสภานั้น ตามอำนาจหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญกำหนด ประธานสภาไม่มีหน้าที่ช่วยเหลือพรรคการเมืองใด ผลักดันร่างกฎหมาย และไม่มีอำนาจหน้าที่ไปวินิจฉัย หรือสั่งการนอกเหนือข้อบังคับการประชุมและรัฐธรรมนูญ
“สิ่งที่สำคัญทั้งรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุม ระบุไว้ว่า ประธานสภาฯ ต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น ส่วนที่บอกว่าเหตุผลที่ต้องการให้พรรคของตนได้ตำแหน่งประธานสภา ก็เป็นเรื่องของพรรคคุณ แต่หลักการที่ถูกต้องก็ควรถูกนำมาพูดด้วย” นายราเมศ กล่าว
นายราเมศ กล่าวถึงการทำหน้าที่ของนายชวน ว่า นายชวน ทำหน้าที่ประธานสภา ได้อย่างสมบูรณ์แบบตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายยึดหลักความเป็นกลางในที่ประชุมสภาฯ การจะกล่าวหาว่า นายชวน ไม่ร่วมผลักดันกฎหมายแต่ละฉบับนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะการยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือการยกเลิกอัตราโทษฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และศาล ทั้งหมดเหล่านั้น ขัดแย้งต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ประธานสภาฯ จึงเห็นแย้งในที่ประชุมซึ่งการผลักดันกฎหมาย โดยไม่อยู่ในหลักเกณฑ์เป็นสิ่งที่ประธานสภาฯ ทำแล้วจะเกิดปัญหา
นายราเมศ กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านเดิม ขอให้มีการอภิปรายเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่ถวายสัตย์ฯ ด้วยว่า กรณีดังกล่าวก็มีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้ว โดยนายชวน ในฐานะประธานสภาฯ จึงขอให้ยุติการอภิปราย แต่ในท้ายที่สุด นายชวน ก็ได้หารือหลายฝ่าย และบอกว่าเราต้องยึดหลักความถูกต้อง เมื่อเป็นคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมไม่มีผลผูกพันกับองค์กรอื่น ดังนั้น ฝ่ายค้านจึงสามารถอภิปรายได้ จากเหตุการณ์นั้น จึงทำให้เกิดการขัดข้องหมองใจจากรัฐบาลพอสมควร
โฆษก ปชป. กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงว่า นายชวน ไม่ให้ความสำคัญกับการผลักดันกฎหมายภาคประชาชน นั่นคือสิ่งที่ผิดเพี้ยน เพราะมีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ประธานสภาฯ ได้ทำตามขั้นตอน และมีกฎหมายภาคประชาชนเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ หลายฉบับ นั่นคือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อ้อยและน้ำตาล และร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ ไปไกลถึงขนาดที่ว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่ง นายชวน ได้มีบัญชาให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดที่อำนวยความสะดวก และให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกับประชาชน ในการร่างกฎหมาย
“ดังนั้นการพูดเอาดีใส่ตัว แต่เอาชั่วใส่คนอื่น ก็เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความรู้สึกของประชาชน ที่เห็นการทำงานของประธานสภา มาโดยตลอด ส่วนที่โฆษกพรรคก้าวไกล บอกว่า อยากให้สภาฯ โปร่งใส นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี แต่สมัยนายชวน ก็ไม่ได้ละเลยเรื่องเหล่านี้ เพราะท่านริเริ่มโครงการให้มีบ้านเมืองสุจริต และการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์และเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมถึงสิ่งที่สำคัญ คือ การดำเนินการทุกข์ร้อนพี่น้องประชาชน และข้อหารือของสมาชิกสภาฯ ที่มีกระบวนการผ่านไปยังรัฐบาล ก็ได้รับฟังปัญหา และได้รับการแก้ไขตามลำดับ” นายราเมศ กล่าว
นายราเมศ กล่าวด้วยว่า ขณะที่ร่างกฎหมายที่พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นห่วง คือ ตามที่ปรากฏเป็นภาพข่าว พรรคก้าวไกลไปบอกชาวบ้านว่า ไม่แก้ไข หรือยกเลิก ม.112 เพื่อความสะดวกในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งก็เป็นเรื่องแล้วแต่พรรคก้าวไกล และพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะทำ แต่เมื่อเราเป็นพรรคการเมือง และเราเข้าไปตรวจสอบ พบว่า แม้เสียงข้างมากจะเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมโดยไม่ได้ระบุในบันทึกความร่วมมือ (MOU) แต่เสียงข้างมากของรัฐบาลก็สามารถผลักดันได้ โดยก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลได้เสนอการยกเลิกอัตราโทษจำคุกฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และศาลมาตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 2564 แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ เราไม่เห็นด้วย เราไม่ได้ต้องการปกป้องอำนาจตุลาการ แต่หลักการความถูกต้อง กระบวนการที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมพิจารณาคดีด้วยความตรงไปตรงมา ปราศจากการกดดันจากทุกฝ่าย ซึ่งสมัยที่ผ่านมาก็มีการคุกคามข่มขู่ตุลาการ เอาชื่อผู้พิพากษา และข้อมูลส่วนตัวมาพูดบนเวทีปราศรัย ดังนั้น เรามีกฎหมายคุ้มครองตุลาการแค่นี้ ไม่ได้ทำให้หนักส่วนไหนของใคร และหากมีการเสนอต่อสภาฯ อีกครั้ง ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคที่ร่วมต่อสู้เรื่องนี้ให้เต็มที่ถึงที่สุด
นายราเมศ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์อีกว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองจำนวน ส.ส. เสร็จสิ้น จากนั้นเราต้องกลับมาพัฒนาฟื้นฟูการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคในวันข้างหน้า และพรรคได้ย้ำกับผู้สมัครรวมถึงตัวแทนพรรคประจำสาขาในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาสรุป และทำเป็นบทวิเคราะห์ในกรณีที่แพ้การเลือกตั้งในหลายพื้นที่นั้นเกิดจากสาเหตุใด เพื่อเสนอให้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ร่วมพิจารณากับสมาชิกพรรค
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี