เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ที่พรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ระบุว่ากรณีหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อาจขัดรัฐธรรมนูญ 4 มาตรา ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดย นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องคดีหุ้นไอทีวี ยังมั่นใจเหมือนเดิมว่าจะสามารถชี้แจงและต่อสู้ได้ เหลือแค่รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประสานงานมาทางนายพิธา และพรรคก้าวไกล เมื่อไร เมื่อถามว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคก้าวไกลมองว่ากรณีนี้เข้าข่ายตามที่นายสมชายระบุหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่เข้าข่าย เพราะเป็นรายละเอียดที่เตรียมต่อสู้ทางคดีอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการ ยกกรณีว่าหากศาลตัดสิทธิ์นายพิธา จะกลายว่าการรับรอง ส.ส.ของนายพิธา อาจจะขาดไปด้วย และอาจจะมีปัญหาในเรื่องของการส่งผู้สมัครครั้งที่แล้ว เนื่องจากข้อบังคับพรรคเขียนไว้ว่า คนที่จะมีคุณสมบัติการเป็นสมาชิกไปล้อกับกฎหมาย ซึ่งมีเรื่องของการถือหุ้นอยู่แล้ว กังวลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คงไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น เพราะต้องพิจารณาก่อนว่า นายพิธามีความผิดหรือไม่ ซึ่งยังยืนยันว่า นายพิธาไม่ได้มีความผิด และยืนยันว่า ข้อบังคับพรรคเขียนไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ส่วนหากมีปัญหาตรงจุดนั้น ตำแหน่งหัวหน้าพรรคของนายพิธา ก็จะมีปัญหาตามไปด้วยใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คิดว่าเป็นการตีความที่ไปไกลเกินไป
เมื่อถามย้ำว่า วันนี้ทางพรรคต้องรอดูว่าคุณสมบัติของนายพิธา มีการถือหุ้นจริงใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือ การทำความเข้าใจกับ ส.ว.เพราะอย่างไรก็ตาม เรื่องคดีถือหุ้นสื่อ ต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนคือ การเลือกนายกรัฐมนตรี และพยายามประสานงานกับ ส.ว.ซี่งขณะนี้มีความคืบหน้าแล้ว ส่วนใหญ่ก็เหมือนเดิมอย่างที่เคยชี้แจงไป ว่าเมื่อได้มีการพูดคุยกันแล้วกำแพงที่มีอยู่ก็จะลดลง เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า มีการเทขายหรือโอนหุ้นไปก่อนแล้วจริงหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียด แต่จริงๆ การตีความกฎหมาย และบรรทัดฐาน มาตรฐานการวินิจฉัย ซึ่งมีหลายกรณีที่สามารถเทียบเคียงได้ ไม่น่าจะมีอะไร
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า การรับรอง ส.ส.ของ กกต.อาจต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ทั้งแบบเขต และบัญชีรายชื่อกว่า 20 คน มีความกังวลหรือไม่ว่าจะกระทบกับสัดส่วนตัวเลข ส.ส.ของพรรคร่วมฯ เช่น พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้กังวล ในส่วนของพรรคอื่นไม่ได้สอบถาม เราไม่ทราบว่ามี ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ตกหายหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นคิดว่าไม่น่าจะมี แต่ในส่วนของพรรคอื่นๆ ที่จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ไม่ได้มีการสอบถาม อาจจะมีการพูดคุยกันในสัปดาห์หน้า
เมื่อถามว่า หากรายงานข่าวเป็นจริง กังวลว่าจะมีผลกระทบต่อฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เช่น ทำให้ต้องหาเสียงเหนื่อยขึ้น หรือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายชัยธวัช กล่าวว่า การโหวตเลือกนายกฯ กระทบแน่นอน ซึ่งตนคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว หาก กกต.รับรอง ส.ส.ไม่ครบ ในวันโหวตก็ต้องคิดฐานคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่ให้น้อยลงกว่าเดิม แต่ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน น่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น เมื่อถามย้ำว่า จะกระทบกับอำนาจต่อรองของพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คงไม่มีผล พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าว่าที่ ส.ส.ของพรรค ชนะการเลือกตั้งด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม จึงไม่ได้กังวลเรื่องนี้ แต่ในภาพรวมคงต้องเตรียมการไว้ หากจำนวน ส.ส.ซีกรัฐบาลมีจำนวนลดลงในวันโหวตเลือกนายกฯ เมื่อถามว่า จะทำให้ยากขึ้นโดยเฉพาะการไปคุยกับ ส.ว.หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ถูกต้อง เพราะเลี่ยงไม่ได้ ว่าการเลือกนายกฯ ต้องใช้เสียง ส.ว.มากขึ้น เป็นเรื่องที่ว่ากันไปตามระบบ
เมื่อถามว่า ถ้าปัจจัยนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง จำเป็นที่จะต้องอาศัยเสียง ส.ส.จากพรรคที่ไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่เราจะออกจากความขัดแย้งทางการเมืองในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา หาก ส.ส.จากพรรคที่ไม่ได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลยินดีที่จะโหวตให้กับนายพิธา เพื่อทำให้การเมืองไม่เดินไปสู่ทางตัน เพื่อรักษาระบบและเจตจำนงค์ของประชาชนไว้ แต่ทางพรรคก้าวไกลเองคงไม่เหมาะสมที่จะไปแสดงความคิดเห็น เป็นการตัดสินใจของแต่ละพรรค หรือของ ส.ส.แต่ละบุคคล เมื่อถามย้ำว่า จะไม่มีการเจรจากับทาง ส.ส.เพิ่มเลยใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ณ วันนี้ยังไม่มี แต่คิดว่าก็มีความเป็นไปได้ อาจจะไม่ได้เป็นในนามพรรค แต่เป็นรายบุคคล
เมื่อถามย้ำถึงการประชุมคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.) มีวาระสำคัญอะไรบ้างที่จะพูดคุยกัน นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องหลักคือ การติดตามการทำงานของคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน ว่าแต่ละเรื่องมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง แต่ละพรรคจะส่งใครเข้ามาเป็นตัวแทนในคณะทำงานย่อย และคงมีการพูดคุยกันต่อว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการอื่นๆ จากร่าง MOU หรือไม่ เมื่อถามว่า เบื้องต้นคณะกรรมการ 7 คณะที่ตั้งขึ้นมา พรรคก้าวไกลต้องการผลักดันเรื่องอะไรเป็นพิเศษ นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นวาระที่เห็นร่วมกันทุกพรรค วาระนั้นจะเป็นประเด็นเฉพาะหน้าด้วย และประเด็นเร่งด่วน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง ว่าจะมีการแก้ปัญหาโดยเร็ว หากเราได้เป็นรัฐบาล แต่ไม่ได้หมายความว่า จะมีเฉพาะ 7 เรื่องเท่านั้น เพราะใน MOU มีถึง 20 กว่าเรื่อง ซึ่งก็ต้องมีการพูดคุยกันต่อไป
เมื่อถามว่า การประชุมในวันที่ 6 มิ.ย.และการประชุมระดับหัวหน้าในวันที่ 7 มิ.ย.จะมีการหารือเรื่องประธานสภา กับเก้าอี้รัฐมนตรี ด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คงยังไม่พูดคุย เรื่องประธานสภา เป็นกระบวนการพูดคุยระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ส่วนเรื่องการจัดสรรตำแหน่งฝ่ายบริหาร ก็จะล้อไปตามกระบวนการของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน เพราะคณะกรรมการจะดูวาระสำคัญ และประเมินถึงการแบ่งงานต่างๆ เมื่อถามถึงกรอบระยะเวลาของคณะทำงานย่อย นายชัยธวัช กล่าวว่า ในวันที่ 6 มิ.ย.ทางคณะประสานงานคงได้พูดคุยกัน ซึ่งในส่วนของพรรคก้าวไกล ผู้รับผิดชอบคือ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค
- 006