สว.90% ส่องดออกเสียงหนุน  ‘พิธา’ลุ้นหนัก  รุมค้านชงชื่อโหวตใหม่รอบ 2

สว.90% ส่องดออกเสียงหนุน ‘พิธา’ลุ้นหนัก รุมค้านชงชื่อโหวตใหม่รอบ 2

วันอังคาร ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2566, 05.00 น.

สว.90% ส่องดออกเสียงหนุน

‘พิธา’ลุ้นหนัก

รุมค้านชงชื่อโหวตใหม่รอบ 2

‘สว.เสรี’อ้างขัดข้อบังคับที่ 41

ขู่ยังฝ่าฝืนส่งศาลรธน.ตีความ

คุมเข้มม็อบ 14 กลุ่มโผล่หน้าสภา

ก.ก.เงียบเหงา มีแค่ประชุมวงย่อย “พิธา” ร่วมรายการโหนกระแสมั่นใจเสียงสว.หนุนเป็นนายกฯ“วันนอร์”แบ่งงาน 2 รองประธาน นัดคุยวิปสว.-ตัวแทนพรรคการเมืองเคาะกรอบเวลาโหวตนายกฯกระชับขึ้น เผยเตรียมพื้นที่รับมวลชนหมื่นคน

‘เสรี’เตือนโหวต‘พิธา’ระวังขัดรธน.มาตรา159 ลามถูกตีความไปไกลถึง‘ล้มล้างการปกครอง’ทุกอย่างยึดตามรธน.’สว.’เกือบ90เปอร์เซ็นต์ งดออกเสียงโหวตนายกฯ แนบแผนสองค้านสุดลิ่มชงชื่อกลับโหวตใหม่ 19 กรกฎาคม อ้างขัดข้อบังคับฯ 41 ขู่ยังฝืนส่งศาลรธน.ตีความ จับตาเสนอชื่อแข่งด้าน’อนุทิน’ยันไม่เอาพรรคแก้ม.112-ไม่เอารบ.เสียงข้างน้อย มั่นใจสส.-สว.มีวิจารณญาณ-เอกสิทธิ์


เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม2566 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากที่ทำการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า มีสื่อมวลชนมารอเป็นจำนวนมาก เพื่อจับตาความคืบหน้าของพรรคก่อนจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13กรกฎาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนกิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล มีรายงานว่า ได้แวะรับประทานอาหารเช้าที่ร้านออนล๊อก หยุ่น ก่อนเดินทางไปสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3 เมื่อมาถึงสถานี นายพิธา กล่าวก่อนเข้ารายการโหนกระแส ถึงการโหวตนายกฯว่า ยังคงมีความมั่นใจในเสียง สว.ที่จะโหวตเลือกให้เป็นนายกฯ ส่วนเหตุผลที่เลือกออกรายการโหนกระแสวันนี้ ขอให้ติดตามในรายการ ซึ่งจะตอบทุกคำถามที่ นายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการได้ซักถาม

‘พิธา’ย้ำต้องธำรงรักษาสถาบันกษัตริย์

ต่อมา นายพิธา ให้สัมภาษณ์รายการโหนกระเเส ช่วงหนึ่งพิธีกรถามเรื่องสว.กังวลเรื่อง มาตรา 112 เป็นไปได้หรือไม่ ที่นายพิธา จะลดเพดาน นายพิธา กล่าวว่า เป้าหมายของ สว.กับ พรรคก.ก.ตรงกันคือธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย เช่นเดียวกัน แต่วิธีในการประเมิน กับวิธีการในการเข้าสู่เป้าหมายทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ดีขึ้น เราประเมินต่างกัน การจะธำรงรักษาอะไรสักอย่างให้สอดคล้องในบริบทปัจจุบัน แต่ละยุคสมัย ต้องทำให้มีกุศโลบายที่จะทำให้พระราชฐานะและพระราชอำนาจทรงอยู่เหนือการเมือง

อ้างสหรัฐฯโหวตปธ.สภาถึง15ครั้ง

เมื่อถามถึง จะมีการโหวตนายกฯให้นายพิธา แค่ 3ครั้ง ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่กำหนดว่า จะโหวตกี่ครั้ง โหวตไปเรื่อยๆ ก็ได้ ถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะกรณี นายพิเชิษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง บอกว่าจะมีการโหวต 3ครั้ง ตอนนี้มองอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นการคาดการณ์ของแต่ละบุคคล คงไม่ใช่เป็นเรื่องของพรรค เรื่องของพรรคร่วมเดี๋ยวคงจะประชุมกันในอีก 1-2วัน เพื่อเตรียมซักซ้อมการโหวตเลือกนายกฯ แต่ละท่านอาจมีความเห็นที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่าง สหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งมีการเลือกตั้งประธานสภาฯ โหวตกัน 15ครั้งกว่าจะได้ประธานสภาฯ ทั้งโหวตด้วยและออกมาเจรจาด้วย เขาเรียกว่าโหวตไปวิปไปๆ ตรงนี้ไม่ได้มีอะไรตายตัว

อุบไต๋หนุนพท.ตั้งรบ.ถ้าแห้วนายกฯ

เมื่อถามว่า สมมติว่าถ้านายกฯ ไม่ใช่ นายพิธา แล้วพรรคเพื่อไทย จะขึ้นมาจัดตั้ง นายพิธา จะสนับสนุนหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีสมมติฐานไหน ที่ทำให้สมมติแบบนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีความ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรต่างๆนานา เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน บางทีจะสมมติพร่ำเพรื่อไม่ได้ ตรงที่ตลาดหุ้นจับตาดูอยู่ ต่างชาติที่กำลังจะลงทุน ดังนั้นตอนนี้ยังไม่มีแผนสองอะไรและในมุมมองของตนยังไม่มีสมมติฐานไหนที่จะสมมติแบบนั้นได้

‘วันนอร์’นัดคุยวิปสว.เคาะกรอบโหวต

ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชาติ (ปช.) ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมกับรองประธานสภาฯ ทั้ง 2คน เพื่อแบ่งงาน ว่า วันที่ 13 กรกฎาคม จะนัดประชุมเวลา 09.30น.วาระสำคัญคือเลือกนายกฯซึ่งการดำเนินการประชุมจะโดยยึดรัฐธรรมนูญและข้อบังคับของการประชุมรัฐสภา ส่วนจะต้องซักซ้อมหรือไม่นั้น ตนคิดว่าคงไม่ต้องมีอะไรมาก แต่เพื่อให้เวลาการประชุมกระชับขึ้นในวันที่ 11กรกฎาคม จะเชิญวิป สว.และตัวแทนพรรคการเมืองมาประชุมร่วมกันเพื่อสร้างความเข้าใจกันก่อนในระดับหนึ่ง

เตรียมพื้นที่กทม.ให้ผู้ชุมนุม1หมื่นคน

เมื่อถามถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยกรณีประชาชนมารอฟังการโหวตเลือกนายกฯ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนได้คุยกับผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบไปแล้ว ทั้งของสภาฯ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยได้วางแผนให้รอบคอบที่สุด เรายินดีและจะเปิดพื้นที่บางส่วน บริเวณตรงข้ามถนนทหาร ซึ่งเป็นสถานที่ของ กทม.เนื่องจากบริเวณหน้ารัฐสภามีการก่อสร้างอยู่เกรงว่า จะเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าสามารถบรรจุคนได้เกือบหมื่นคน โดยทาง กทม.ยินดีให้ใช้ อย่างไร ขอขอบคุณทาง กทม.ในส่วนนี้ด้วย และเราพร้อมบริการอำนวยความสะดวกในเรื่องของห้องน้ำ เต็นท์ เนื่องจากเป็นหน้าฝน คิดว่าหากอยู่ตรงนั้นอาจเพียงพอ ส่วนบริเวณอื่นๆ เจ้าหน้าที่จะจัดการเพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยอาจจะใช้ประกาศชุมนุมในที่สาธารณะเป็นหลัก ซึ่งเราจะพยายามไม่ให้มีความรู้สึกระหว่างประชาชนกับสภาฯ เป็นอย่างอื่น แต่เราจะต้องให้การประชุมรัฐสภานั้นสามารถกระทำได้ด้วยความเรียบร้อย เพราะเป็นการประชุมสำคัญ

“เขาไม่ต้องกังวลว่า จะต้องรีบเข้ามาและออก เพราะจะ เกิดความไม่ปลอดภัยเราห้ามไม่ได้ ฉะนั้น บรรยากาศที่ผมในฐานะประธานสภาจะต้องทราบ เพื่อไม่ให้สมาชิกเกิดความวิตกกังวล เพื่อให้สามารถประชุมและลงมติได้อย่างเต็มที่ และอิสระ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก ประชาชนที่มา ทั้งนี้ ก็คงต้องขอความร่วมมือ เพราะเป็นการประชุมที่สำคัญ และรัฐสภาแห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญของบ้านเมือง แต่เราก็พยายามให้คนที่อยากจะมา ซึ่งหากท่านไม่มาก็สามารถติดตามการถ่ายทอดสดได้ในหลายช่องทางอยู่แล้ว หากฝนตก แดดออกเราก็เตรียมสถานที่ไว้ให้ หากไม่เกินหมื่นคน ซึ่งผมกับทางกทม.ได้จัดพื้นที่ให้ โดยเป็นบริเวณที่สามารถมองเห็นสภาฯ ได้ชัดเจนกว่าที่อื่น” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

จากนั้นเวลา 10.00น.นายวันนอร์ พร้อมด้วย นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่2 ประชุมร่วมกับ นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงรองประธานเลขาฯและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแบ่งงานให้รองประธานทั้ง 2คน

‘ปดิพัทธ์’ดูแลด้านกม.-วาระประชุม

ขณะที่ นายปดิพัทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังร่วมหารือกับประธานสภาถึงการแบ่งงานว่า ตนได้รับมอบหมายให้ดูด้านการพิจารณากฎหมายทั้งหมดและระเบียบวาระการประชุม รวมทั้งงานด้านการต่างประเทศ งานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการประชาสัมพันธ์ เมื่อถามว่า ได้รับมอบหมายให้ดูด้านกฎหมาย จะทำให้ผลักดันกฎหมายที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จะเสนอสะดวกขึ้นหรือไม่ นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไประเบียบ ไม่ใช่จะต้องมาทำให้พรรคไหนสะดวกขึ้น และถ้าเวลาการพิจารณากฎหมายมีมากเพียงพอก็จะไม่เสียเวลา อย่างคราวที่แล้ว สภาเสียเวลาไปกับการพิจารณาหลายเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ตนจะมาตัดตอนให้มันดี ในส่วนที่เกี่ยวกับระบบ และการเสนอกฎหมายของสมาชิก ไม่ใช่จะมาอำนวยความสะดวกให้เฉพาะพรรค ก.ก.เท่านั้น

‘พิเชษฐ์’กลั่นกรองกระทู้-ญัตติ-รปภ.

ด้าน นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องการกลั่นกรองกระทู้ถามและญัตติ เรื่องที่ประธานสภาแจ้งต่อที่ประชุมสภา การรับรองรายงานการประชุม และเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ไช่เรื่องเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พรบ.) หรือพระราชกำหนด (พรก.) รวมทั้งการพิจารณาการลาการประชุมของสมาชิก การพิจารณาส่งข้อหารือของสภาชิกให้รัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องรับทราบ นอกจากนี้ ตนยังได้ดูเรื่องกำกับงานบริหารของสำนักงานเลขาธิการสภา เกี่ยวกับงานด้านงบประมาณ ด้านวิชาการ ด้านกฎหมาย ด้านกรรมาธิการและด้านความปลอดภัย

14กลุ่มเชียร์-จัด3ที่ขัง3-เฝ้าศาลากลาง

แหล่งข่าวความมั่นคง ระบุถึงการเตรียมความพร้อมรับมือโหวตเลือกนายกฯ ที่รัฐสภา วันที่ 13 ก.ค.2566 นี้ ว่า พบความเคลื่อนไหวกลุ่มมวลชนที่คาดว่าจะรวมตัวหน้ารัฐสภา เพื่อสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นนายกฯคนที่30 อาทิ กลุ่มแฟนคลับพรรคก้าวไกล (ด้อมส้ม) นำโดย นางนภัสสร บุญรีย์ กลุ่มทะลุฟ้า นำโดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย น.ส.กัลยกร สุนทรพฤกษ์ กลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตย นำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เป็นต้น ขณะที่ พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น.ในฐานะกำกับดูแลงานฝ่ายความมั่นคง ได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 (บก.น.1-9 ) กำหนดจุดเสี่ยง พื้นที่เฝ้าระวัง จุดระดมพล เพื่อเตรียมแผนรองรับ กรณีเกิดความวุ่นวาย ทำลายสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น พ่นสี ก่อกวน ก่อความวุ่นวาย

ทหาร3เหล่าทัพเตรียมพร้อมในที่ตั้ง

ขณะที่3เหล่าทัพ ได้เตรียมกำลังทหารไว้สนับสนุนไว้ในที่ตั้ง เบื้องต้นให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนการหยิบมาตราการใดๆมาบังคับใช้ ให้คำนึงสถานการณ์หน้างานและพฤติกรรมของผู้ชุมนุม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะบริเวณหน้ารัฐสภา อำนวยความสะดวกการโหวตนายกฯลุล่วงไปด้วยดี ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น.ได้มีหนังสือคำสั่งใช้สถานที่ควบคุมของ สน.ทุ่งสองห้อง, สน.ฉลองกรุง,สน.จรเข้น้อย เป็นสถานที่ควบคุมพิเศษเฉพาะคราว ตั้งแต่วันที่ 1-31ก.ค.66 หรือจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น.เป็นผู้ประสานการปฏิบัติ เป็นไปตามมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย กรณีมีการจับกุมตัวผู้ต้องหาเป็นจำนวนมากเพื่อให้การดำเนินคดีผู้ต้องหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเกิดความปลอดภัย อาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือเกิดอันตรายประการอื่น

‘เสรี’เตือนโหวต‘พิธา’ระวังขัดม.159

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัติ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เรื่องถือหุ้นสื่อ จะส่งผลต่อการพิจารณาโหวตเลือกนายกฯในการประชุมรัฐสภาวันที่13ก.ค.หรือไม่ว่า เราต้องพิจารณาคุณสมบัติด้วยอยู่แล้ว การที่กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นแนวทางที่สร้างความชัดเจน ช่วยแก้ปัญหาความเห็นต่างๆ กกต.จึงเป็นทางออก เมื่อสอบสวนไต่สวนชัดเจนแล้วสามารถสรุปเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ก็เป็นแนวทางที่จบปัญหา ถ้าทำเสร็จจริงก็ควรส่งไป

เมื่อถามว่า อาจถูกมองว่า เป็นการสกัดกั้น นายพิธา ไม่ให้เป็นนายกฯหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า มันไม่ใช่เรื่องสกัดหรือไม่สกัด ถ้าใช้คำนั้นเหมือนตั้งใจไม่ให้ นายพิธา เป็นนายกฯ แต่เป็นเรื่องของบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้นายกฯต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม โดยกำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ที่ให้ สส.และสว.โหวตเลือกนายกฯ ส่วนมาตรา159 สส.และสว.ต้องเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้ามคือ ห้ามถือหุ้นสื่อ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ผิดในตัวเองอยู่แล้ว แต่การส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อหาข้อยุติให้ชัดเจน เพราะการถือหุ้นคือเหตุ ส่วนผลคือรอศาลตัดสิน แต่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น สส.และสว.ต้องทำตามบทบัญญัติในมาตรา159 ให้ชัดเจน

ส่อล้มล้างการปกครอง-อาจถึงยุบพรรค

“ผมเป็นห่วง 8พรรคที่เซ็นเอ็มโอยูว่า จะกล้าตัดสินใจเลือกคนที่คุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากเลือกคนขัดรัฐธรรมนูญ คนขาดคุณสมบัติ ทั้งหมดจะเหมือนปลาข้องเดียวกัน จะมีปัญหากับพรรคเหล่านั้นได้ จึงอยากฝากไปพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเหล่านี้ด้วย การที่แต่ละพรรคจะโหวต นายพิธา ดูรัฐธรรมนูญมาตรา159 หรือยังว่า ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม แต่ละพรรคท่านต้องไปดู มิเช่นนั้นจะกลายเป็นท่านทำขัดรัฐธรรมนูญเอง จะกลายเป็นท่านล้มล้างการปกครองหรือไม่ เพราะขัดมาตรา159 ซึ่งจะไปไกล ถูกตีความอีกเยอะ สุดท้ายจะทำร้ายตัวเอง อาจไปไกลถึงถูกยุบพรรค” นายเสรี กล่าว

เตือนก.ก.อย่ายุยง-กดดัน-ขาดวุฒิภาวะ

เมื่อถามว่า มีการพูดกันว่า สว.ไม่เคารพเสียงประชาชน นายเสรี กล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้ 14ล้านเสียงและรวมกับพรรคอื่นๆ ต้องเข้าใจว่า เสียงแต่ละพรรคที่ได้มาคือประชาชนลงคะแนนให้แต่ละพรรค เช่น ลงให้พรรคเพื่อไทย เพราะจะให้แคนดิเดตนายกฯทั้ง 3คนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ เขาไม่ได้ให้เอาคะแนนไปบวกกับพรรคอื่นแล้วเลือกพรรคอื่นเป็นนายกฯ หากแต่ละพรรคเอาเสียงประชาขนไปบวกพรรคก้าวไกล จะกลายเป็นแต่ละพรรคไปทำขัดเจตนารมณ์ประชาชนที่เลือกพรรคนั้นๆมา ดังนั้นอย่าไปรวมกันเลย มันเป็นกระบวนการผ่านความเห็นชอบจากประชาชนมาระดับหนึ่ง แต่การเลือกนายกฯเป็นสิ่งที่สมาชิกรัฐสภาทำตามรัฐธรรมนูญ จึงเป็นคนละส่วนกัน สิ่งสำคัญคือ อย่ายุยงคนให้ชุมนุมเรียกร้อง เพราะจะปั่นป่วนนักการเมืองต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและประชาชน ยิ่งแสดงพฤติกรรมเหล่านี้ยิ่งแสดงว่าไม่เหมาะสมบริหารประเทศ วันที่ 13ก.ค.ที่นัดให้กำลังใจ นายพิธา หน้ารัฐสภา สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่ไม่รับผิดชอบ ซึ่งสว.ไม่กังวล เพราะทำถูกต้องตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ หากเราหวาดหวั่นต่อสิ่งผิด แสดงว่าเราเป็นคนใช้ไม่ได้ไม่รับผิดชอบที่กลัวม็อบกลัวแรงกดดัน ทำให้ทำลายหลักการสำคัญของของบ้านเมือง ซึ่งเชื่อว่าคนทั้งประเทศไม่ต้องการให้ตนเป็นคนแบบนั้น

หากคิดแก้ม.112สว.ไม่หนุนแน่นอน

เมื่อถามว่า ขณะนี้สว.มีความชัดเจนในการโหวตเลือกนายกฯอย่างไร นายเสรี กล่าวว่า กลุ่มเราชัดเจนว่า จะไม่เลือกคนและพรรค ที่ทำเรื่องกระทบสถาบันและกระทบมาตรา112 เช็คเสียงตอนนี้ยังโหวตไม่ถึง 5คน หรืออาจบวกลบนิดหน่อย ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นแบบนั้น ถามว่า พรรคก.ก.ได้ติดต่อมาบ้างหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ไม่มีติดต่อมายังตน แต่ได้ข่าวว่า มีติดต่อหาเพื่อนสว.แต่ก็ถูกปฏิเสธ บอกว่าถ้าไม่ถอยเรื่อง112 เขาก็ไม่เลือก ส่วนวันโหวตสว.จะงดหรือไม่เห็นชอบ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะเลือกเอง

สว.เกือบ90เปอร์เซ็นต์งดออกเสียงพิธา

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของทางฟากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ต่อการประชุมรัฐสภา วาระโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 13ก.ค.ที่ 8พรรคร่วมรัฐบาลยืนยันเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ว่า สว.ได้เช็คเสียงกันเป็นการภายใน พบว่า ส่วนใหญ่จะลงมติงดออกเสียง ในวันที่ 13ก.ค.เกือบ90เปอร์เซ็นต์ มีเพียง 5-10คน ที่ยืนยันจะโหวต นายพิธา เป็นนายกฯ และมี สว.อีกไม่กี่เสียงที่จะลงมติไม่สนับสนุน นายพิธา

ห้ามโหวตอีก19ก.ค.ขัดข้อบังคับข้อ41

ส่วนการโหวตนายกฯรอบ2 วันที่ 19ก.ค.นั้น ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มี นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.เป็นประธาน กมธ.ฯ มีความเห็นว่า ตามข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ข้อ41 ที่ระบุว่า ญัตติใดที่เสนอที่ประชุมรัฐสภา หากไม่ได้รับความเห็นชอบถือว่าตกไป ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาต เมื่อพิจารณาเห็นว่า เหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นกมธ.จึงมองว่า กรณีที่รอบแรก นายพิธา ไม่ได้รับเลือกจากรัฐสภา จะไม่สามารถเสนอชื่ออีกในการโหวตครั้งที่2

จับตา19ก.ค.พรรคอื่นส่งชิงนายกฯด้วย

รายงานข่าวระบุอีกว่า แต่หากมีคนเสนอชื่อ นายพิธา กลับมาอีกในวันที่ 19ก.ค.จะมี สว.ลุกคัดค้านกับที่ประชุมรัฐสภา โดยไม่ยอมให้เสนอชื่อ นายพิธา โดยอ้างอิงข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่41 หากประธานรัฐสภายังยืนยันให้เสนอชื่อ นายพิธา ได้ ต้องรับผิดชอบในกรณีที่มีผู้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ41 สุดท้ายจะขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาใช้ดุลยพินิจของตนเองหรือลงมติในที่ประชุมเพื่อตัดสินเพื่อชี้ขาด รายงานข่าวระบุอีกว่า วันที่ 19ก.ค.ซึ่งนัดโหวตนายกฯรอบ2นั้น ขอให้จับตาว่า จะมีผู้เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคอื่นแข่งขันกับ นายพิธา ด้วย

‘อนุทิน’ย้ำยึดข้อแถลงการณ์พรรคภท.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตเลือกนายกฯ ที่เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตพรรคก้าวไกล มีท่าทีอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้มีแถลงการณ์ในนามพรรคภูมิใจไทยชัดเจนแล้ว โดยไม่ได้ระบุชื่อบุคคลใด เพราะทุกคนที่เป็น สส.ประชาชนเลือกเข้ามา จึงต้องดูเรื่องประสบการณ์และแนวทางของพรรคการเมืองว่า หากเป็นแบบนี้แบบนั้นแล้วเราจะไปด้วยได้หรือไม่ เพราะเหตุใด เราก็ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ

เมินพรรคจ้องแก้112+รบ.เสียงน้อย

เมื่อถามว่า ในซีกพรรคร่วมรัฐบาลเดิมยังคาดหวังจะเกิดการพลิกผันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ซีกไหน เพราะทุกซีกจบไปตั้งแต่การเลือกตั้งแล้ว ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านก็จบไปตั้งแต่การเลือกตั้ง และขณะนี้มีการรับรอง สส.แล้ว จึงถือว่ายังไม่มีฝ่ายค้านหรือรัฐบาล มีแต่พรรคการเมืองแต่ละพรรคที่มีจุดยืนอย่างไร อย่างพรรคภูมิใจไทยก็มีจุดยืนตามแถลงการณ์ คือ ไม่เอาการแก้ไขมาตรา112และไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็ชัดเจนในตัวเอง

หนุนมาร์ทำปชป.ล่ม-ล้มแผนกินรวบ

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2566 ของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ว่า สาเหตุที่สมาชิกพรรคที่เป็นองค์ประชุมที่สนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรค เดินทางกลับไม่เข้าร่วมประชุมในภาคบ่าย เมื่อเข้าสู่วาระพิจารณาเลือก กก.บห.พรรคชุดใหม่ โดยเฉพาะบรรดาผู้ใหญ่และสมาชิกอาวุโส ทั้งที่การยื่นญัตติของดเว้นข้อบังคับพรรคที่37 ของ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาค กทม.เพื่อขอให้ที่ประชุมใหญ่เลื่อนการเลือกตั้งคณะกก.บห.ชุดใหม่นี้ออกไปก่อน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้จับเข่าคุยกัน โดยไม่ต้องเลือกหัวหน้าพรรคและกก.บห.ชุดใหม่ ตามกรอบเวลา60 วัน ตามที่ข้อบังคับพรรคกำหนดไว้ ถูกกลุ่ม 18สส.ปัจจุบันของพรรค ซึ่งถือเป็นโหวตเตอร์สัดส่วน70% ไม่โหวตให้ ญัตติจึงตกไป ทั้งที่เป็นแนวทางรอมชอมที่ดีที่สุด ทั้งนี้ เพราะผู้อาวุโสที่เป็นองค์ประชุมในกลุ่มผู้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ได้รับทราบว่าข้อมูลมาว่า มีการทำโผกำหนดตัวบุคคลที่จะเข้าสู่ตำแหน่ง กก.บห.ไว้ทั้งระบบแล้ว ซึ่งเป็นการวางตัวบุคคลที่เป็นทั้งสส.และอดีตสส.โดยส่วนใหญ่80% ล้วนเป็นคนกลุ่มของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค โดยไม่มีคนในขั้วของ นายอภิสิทธิ์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top